พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1314 ใครจะมา

บทที่ 1314 ใครจะมา

ทันทีที่กล่าวประโยคนี้ออกมา มันเหมือนกับมีพายุฝนฟ้าคะนอง

แม้แต่วรันธรที่นิ่งสงบตั้งแต่แรก ก็เกิดความสงสัยขึ้นในแววตา

ภาณินยิ่งงุนงง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง ยืนขึ้นและชี้รพีพงษ์ด้วยความโกรธ “คุณหมายความว่าอย่างไร? ลูกสาวของผมไม่คู่ควรกับคุณหรือ?”

ขณะที่กำลังพูด ทหารทั้งสองฝั่งก็เดินไปข้างหน้าพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็เล็งดาบยาวไปที่รพีพงษ์

ในวังเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึม

“เจ้าสำนัก ไอ้หมอนี้มันบ้าไปแล้ว คุณไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเขาไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ผมจะเข้าร่วมการแข่งขันเอง” พชรเดินไปข้างหน้า และคิดว่า ถ้าเขาไม่เข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ตนเองก็จะมีคู่แข่งน้อยลงไปอีกคน

ไม่คาดคิดว่า ภาณินจะไม่มองพชรเลย แต่กลับมองไปที่รพีพงษ์อย่างเย็นชา

“ทางที่ดีคุณให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย ต้องรู้ว่าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของผม!”

รพีพงษ์ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินไปจนดูต้อยต่ำ ยืดอกและกล่าวว่า “เจ้าสำนัก ผมมาที่นี่เพื่อผลเทพ หลังจากสามวัน ผมก็จะจากไปแน่นอน ประการที่สอง ผมมีภรรยาและลูกสาวที่น่ารัก ดังนั้นผมไม่สามารถสัญญาได้ว่าจะแต่งงานกับลูกสาวของคุณ นี่เป็นการไม่รับผิดชอบต่อลูกสาวของคุณ และก็ไม่รับผิดชอบต่อภรรยาของผมด้วย เรื่องเช่นนี้ผมทำไม่ได้จริง ๆ!”

คิ้วของภาณินเคร่งขรึม แต่หลังจากได้ยินคำอธิบายของรพีพงษ์แล้ว เขาก็แสดงความรู้สึกออกมา “โอ้ ที่แท้คุณแต่งงานมีภรรยาแล้ว แต่มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะมีภรรยาสามสี่คน ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันยังไม่ได้เริ่มต้น คุณรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะชนะ?”

“เจ้าสำนัก……”

รพีพงษ์ต้องการจะกล่าวต่อ แต่ถูกภาณินขัดจังหวะ “เอาละ วันนี้ผมได้จัดสถานที่พักผ่อนให้พวกคุณทั้งสามคนแล้ว ข้อสรุปทั้งหมดรอให้การแข่งขันในวันพรุ่งนี้สิ้นสุดลงแล้วค่อยว่ากัน”

จากนั้น ภาณินเดินออกไปจากที่นี่อย่างโกรธเคือง และวรันธรก็เดินจากไปเช่นกัน ก่อนที่จะเดินจากไป ดูเหมือนว่าเธอมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ

การมองโดยไม่ตั้งใจนี้ แต่ทำให้พชรรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก

แอบส่งสายตา สาวน้อยคนนี้หลงรักตัวเองหรือเปล่า!

“พวกคุณทั้งสามคนโปรดตามผมมา”

ณรงค์กล่าวกับพวกเขา แล้วเดินออกไปก่อน

รพีพงษ์และสองคนนั้นเดินตามไปอย่างใกล้ชิด ไม่ช้าพวกเขาก็ถึงห้องพักของตนเอง

โดยรวมแล้ว เจ้าสำนักถือว่าไม่เลว ไม่ใช่คนที่ชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่น

นอกจากเมื่อสักครู่ที่ตนเองเพิ่งเข้ามา ทหารพวกนั้นมองตนเองเป็นศัตรู ส่วนภาณินคนนี้ถือว่าไม่เลว

แต่ทำไม เขาจึงอยากให้มีการประลองเลือกคู่ขึ้นมา? เป็นไปได้ไหมว่าเขาสนใจตัวเองหรือพชร? หรือว่าเขาจะมีแผนการอื่น?

รพีพงษ์นั่งอยู่ในห้อง ครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาคิดหาเหตุผลใด ๆไม่ออก ดังนั้นเขาจึงพยายามดึงจิตวิญญาณเทพกลับคืนมา แต่ก็ไม่มีผลใด ๆยังคงเหมือนเดิม

ในเมื่อมาแล้วก็จงสงบใจอยู่ที่นี่ให้เป็นสุข รพีพงษ์กำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ หลังจากผ่านการต่อสู้กับมังกรยักษ์สีดำ ตอนนี้ตนเองรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

เมื่อเทียบกับฝ่ายโน้นแล้ว ห้องของพชรนั้นเสียงดังอึกทึกมาก

“พชร คุณบอกฉันสิ มันหมายความว่าอย่างไร! ถ้าวันนี้คุณไม่บอกให้ชัดเจน ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด!”

ในห้อง นรียาเอามือข้างหนึ่งเท้าสะเอวไว้ และมืออีกข้างหนึ่งชี้ไปที่พชรซึ่งนั่งอยู่บนเตียง

พชรทำหน้าไร้เดียงสา “คุณหมายความว่าอย่างไร? ผมทำอะไร?”

“คุณ! ไร้ยางอาย!” นรียากล่าวด้วยความโมโห น้ำตาคลอเบ้า “แม้ว่าฉันจะเป็นลูกพี่ลูกน้อง และเป็นญาติห่าง ๆ แต่ฉันก็ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้กับคุณในหอกวยหลายมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?”

พชรมองไปที่นรียา แต่ในสมองของเขาล้วนเป็นภาพของวรันธร

“ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะ คุณได้ยินไหม!”

เมื่อนรียา เห็นว่าพชรไม่ตอบสนอง เธอจึงใช้สองมือตีไปที่ร่างกายของเขาไม่หยุด

เมื่อพชรเห็นเช่นนี้ ก็ดึงนรียามาไว้ในอ้อมแขน

“คุณทำอะไร!” นรียากล่าวอย่างโกรธเคือง

“โอ้ น้อง คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ? มิฉะนั้น ตอนที่คุณกำลังจะถูกมังกรยักษ์สีดำกินที่บ่อน้ำมังกร ผมจะไม่วิตกกังวลเช่นนั้น” พชรกล่าว

“แล้วตอนที่คุณได้ยินว่าชายชราภาณินต้องการใช้ประลองยุทธเลือกคู่ ดูท่าทางคุณร้อนใจมาก แทบรอไม่ไหวที่จะเอาวรันธรมาอยู่ในอ้อมกอด คุณคิดว่าเธอสวยใช่ไหม!” นรียากล่าวกับพชร

“แต่เธอก็สวยจริง ๆน่ะ” พชรกล่าวตามสัญชาตญาณ

“คุณ……”

“แต่ว่า” พชรรีบอธิบาย “ต่อให้ผู้หญิงสวยแค่ไหน ในสายตาของผม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมฆล่องลอย”

“แล้วทำไมคุณไม่ทำเหมือนไอ้หมอนั้นล่ะ บอกไปว่าคุณจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น? พูดตรง ๆน่ะ คุณเป็นคนที่หลงใหลในความงาม!” นรียากล่าว

พชรส่ายศีรษะอย่างจำใจ “โอ้ ผู้หญิงอย่างพวกคุณชอบทำงานโดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งเสมอ แต่ไม่รู้แผนการใหญ่ที่อยู่ในใจของผมเลย!”

“แผนการใหญ่ในใจ?” นรียารู้สึกงวยงงเล็กน้อย

“แน่นอน” พชรยืนขึ้นและกล่าวว่า “ตอนที่คุณเดินเข้ามาในวังนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าที่นี่มีสมบัติมากมาย และทุกอย่างประเมินค่าไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นผลเทพที่พวกเราต้องการก็อยู่ในมือของวรันธร ถ้าอยากได้ผลเทพก็ต้องชนะการแข่งขันในวันพรุ่งนี้”

“แล้วไง?”

พชรกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้นพรุ่งนี้ผมจะต้องชนะ เพื่อพวกเราจะได้ผลเทพตามที่ต้องการ และผมคิดว่า วรันธรในฐานะลูกสาวของภาณิน ตอนที่แต่งงาน เจ้าสาวจะต้องมีทรัพย์สินเงินทองติดตัวไปด้วยมากมาย คุณอย่าลืมสิ ตั้งแต่พ่อของผมเจอเหตุการณ์เลวร้ายครั้งก่อน อำนาจของหอกวยหลายก็ลดลงไปเป็นอย่างมาก ถ้าผมอาศัยความมั่งคั่งพวกนี้ ต่อไปหอกวยหลายก็รุ่งเรืองขึ้นไปอีกระดับได้อย่างแน่นอน!”

“แต่… คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอ?” นรียากล่าวหลังจากฟัง

“น้อง” พชรเดินไปข้างหน้า และกอดเอวของนรียาเอาไว้ แล้วกระซิบเบา ๆว่า “ไม่ต้องกังวล ผมสัญญา เมื่อผมชนะการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ และได้แต่งงานกับวรันธร ผมจะขอจัดงานแต่งทันที เมื่อผมได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จะไปจากที่นี่ทันที”

“เป็นไปได้จริงหรือ?” นรียาถามอย่างโง่เขลา

“แน่นอน แดนลับสิบปีถึงจะเปิดเพียงครั้งเดียว แค่ผมออกไปแล้ว พวกเขาคิดจะหาผม มันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก”

“พี่……”

นรียาที่อยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทำให้รู้สึกว่าตนเองนั้นเลอะเลือน ที่แท้ในใจของพชรคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของหอกวยหลาย

“น้อง ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ หลังจากกลับไปผมจะบอกพ่อว่า พวกเราจะแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด ดังนั้นการแข่งขันในวันพรุ่งนี้จะแพ้ไม่ได้” พชรกล่าว

นรียาเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”

“คู่แข่งคนอื่นผมไม่กังวล แต่สำหรับไอ้หมอนั้นทำให้ผมวางใจไม่ได้ บอกตามตรง ตอนอยู่ที่บ่อน้ำมังกร พลังความแข็งแกร่งของเขาทำให้ผมตกใจ” พชรกล่าวต่อไปอีกว่า “โชคดีที่เขาไม่สามารถใช้พลังเทพที่นี่ได้ ถ้าอาศัยศิลปะการต่อสู้ผมมั่นใจว่าไม่แพ้เขาแน่นอน แต่ทุกอย่างจะต้องไม่ผิดพลาด ดังนั้น ผมจึงต้องพึ่งพาคุณ”

“พึ่งพาฉัน?”

“อืม”

พชรมองนรียาที่งงงวย แล้วกล่าวว่า “ไอ้หมอนั้นช่วยคุณไว้ที่บ่อน้ำมังกรสองครั้ง และเมื่อสักครู่ในห้องโถงเขายังช่วยคุณอีก ผมคิดว่า มีความเป็นไปได้มากที่เขาจะตกหลุมรักคุณ”

“พี่ คุณกำลังพูดส่งเดชอะไร” นรียากล่าวด้วยใบหน้าแดงระรื่น

“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ทรยศผมแน่นอน แต่ว่า ถ้าอยากชนะ ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง”

ขณะที่พูด เขาหยิบกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมออกจากอ้อมแขน เมื่อเปิดออก ข้างในมียาเม็ดสีแดงเข้มอยู่

“นี่คือ?” นรียากล่าวถาม

“พ่อได้มอบให้ผมก่อนออกเดินทาง เมื่อก่อนคนที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุให้ตระกูลญานิปทีป หากคุณเอายานี้ให้เขากิน ไอ้หมอนั้นก็จะตายทันที” พชรกล่าว จากนั้นก็วางยาพิษเม็ดนั้นไว้ในมือของนรียา

“แต่… ฉันจะให้เขากินได้อย่างไร” นรียาถามด้วยความงุนงง ไอ้หมอนั้นคงจะไม่โง่จนกินยาด้วยตนเอง

พชรยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก มองรูปร่างส่วนโค้งส่วนเว้าของนรียา “ เรื่องนี้……ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ”

เมื่อนรียาได้ยินเช่นนั้น เธอก็เข้าใจเจตนาของพชรทันที

ตอนกลางคืนประมาณสี่ทุ่ม ที่ประตูห้องของรพีพงษ์ รพีพงษ์ที่ได้นอนพักผ่อนไปหลายชั่วโมงจนรู้สึกหายเหนื่อยแล้ว เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้

ขณะนี้เอง เขาได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

รพีพงษ์สงสัยว่า ใครจะมาในเวลานี้?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท