พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1318 สละสิทธิ์

บทที่ 1318 สละสิทธิ์

เขาเขย่งเท้ากระโดดเบา ๆ แล้วเตะไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย

นิ้วทั้งห้าของทหารหัก ทำให้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ แต่ทันทีที่เขายกศีรษะขึ้น เขาก็เห็นเท้าเตะมา จึงรีบเอามืออีกมือหนึ่งขวางไว้บริเวณหน้าอก

แต่ว่า เขาจะสามารถต้านทานพลังเน่ยจิ้งได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น พชรต้องการแสดงฝีมือต่อหน้าวรันธร การเตะครั้งนี้จึงไม่ออมแรงสักนิด

ทหารถูกเตะออกไปสิบเมตร และเลือดสด ๆ ก็พ่นออกมาจากปาก

พริบตาเดียว พชรก็มายืนอยู่ข้างหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นก็จับอีกฝ่ายด้วยมือเดียว และชกไปที่หน้าอีกฝ่ายด้วยมืออีกข้าง!

“เอาล่ะ!”

เสียงของภาณินหยุดพชรทันเวลา

พชรยิ้มอย่างดูถูก “เจ้าสำนัก รอบนี้คนที่ชนะน่าจะเป็นผม”

ภาณินพยักหน้า “ถ้าผมเดาไม่ผิด นอกจากผลการฝึกตนแล้ว ทักษะฝีมือของคุณก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ทหารของผมแพ้แล้ว โปรดไว้ชีวิตเขา”

“ในเมื่อเจ้าสำนักขอ ผมก็ปล่อยเขาได้”

พชรกล่าวอย่างไม่แยแส และหันไปมองสนามประลองอีกด้านหนึ่ง

ตอนนี้ถึงคิวรพีพงษ์ คู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นทหารเช่นกัน

“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก ลงไปเถอะ” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ

หลังจากฟังแล้ว ทหารคนนี้ไม่มีการตอบสนองใด ๆ

ด้วยความเป็นมืออาชีพ ทหารคนนี้จะรุดไปข้างหน้าไปอย่างกล้าหาญ แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบไหน เพราะเขาไม่เคยกลัวการต่อสู้เลย

ทหารใช้สองมือตั้งท่าต่อสู้ แล้วก็พุ่งไปที่รพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์ยืนนิ่งอยู่กับที่ ด้วยดวงตาที่สงบ

บนอัฒจันทร์ วรันธรรู้สึกตึงเครียดและว้าวุ่นใจ การเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ แต่ทำไมรพีพงษ์กลับไม่ไม่สะทกสะท้านเลย?

ภาณินก็สงสัยอยู่ในใจ หรือไอ้หมอนี้ ไม่รู้ทักษะการต่อสู้ หรืออีกนัยหนึ่งคือเขานั้นเก่งมาก

ทหารคนนี้เก่งที่สุดในบรรดาลูกน้องของตนเอง เมื่อเผชิญกับการจู่โจมเช่นนี้ แต่รพีพงษ์ไม่มีการตอบสนองใด ๆ กลับมีรอยยิ้มที่มุมปาก

วินาทีต่อมา มีร่างหนึ่งกระเด็นออกไป แต่ร่างที่กระเด็นออกไปไม่ใช่รพีพงษ์

ร่างของทหารล้มลงกับพื้นอย่างแรง ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารพีพงษ์เคลื่อนไหวยังไง แค่รู้สึกว่าแรงมหาศาลกระแทกที่หน้าอก และตนเองก็กระเด็นออกไปทันที

บนอัฒจันทร์ ภาณินและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง

ดูเหมือนว่าความคิดก่อนหน้านั้นของตนเองจะผิด ความสามารถของรพีพงษ์ไม่ธรรมดา พลังทางกายของเขา ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

วรันธรแอบโล่งใจ ทักษะฝีมือของรพีพงษ์เช่นนี้ แม้แต่พชรก็ไม่สามารถทำได้

“วาว ถ้าไม่มีเหตุบังเอิญ เขาน่าจะชนะการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นยังไง ลูกพอใจไหม?” ภาณินกล่าวกับวรันธร

วรันธรกัดริมฝีปาก แต่สายตากลับจ้องไปที่สนามประลองอีกด้านหนึ่ง

สนามประลองอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ณรงค์ก็ต่อสู้กับทหารเช่นกัน

ทุกการเคลื่อนไหวของทั้งสองคน ทำให้ดวงตาของวรันธรสั่นเทา

“วาว ลูกเป็นอะไร พ่อกำลังพูดกับลูกอยู่”

“พ่อ ฉัน…..” ท่าทางของวรันธรดูกังวล

ภาณินยิ้มและกล่าวว่า “การแข่งขันครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก แต่ในความยอดเยี่ยมก็มีความโหดร้าย มันเป็นการทำให้ลูกลำบากใจที่ต้องมาดูการแข่งขันสดในครั้งนี้”

“ไม่เป็นไร พ่อ เมื่อกี้พ่อถามฉันว่าอะไรนะ?” วรันธรถาม

“พ่อบอกว่า ให้ลูกแต่งงานกับเขา ลูกเต็มใจไหม?” ภาณินชี้ไปที่รพีพงษ์ที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ครั้งที่สองในสนาม

“เขา?” วรันธรกัดริมฝีปาก และกล่าวเบา ๆ “รอจนกว่าการแข่งขันสิ้นสุด ก็ยังไม่สาย”

ภาณินยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร

การแข่งขันรอบที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อเทียบกับทหารก่อนหน้านั้น คนที่รพีพงษ์เผชิญหน้าในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่ามาก

เพราะว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างที่แข็งแรง และร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมันทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น

แต่ถึงกระนั้น รพีพงษ์ก็ล้มเขาด้วยหมัดเดียว ทำให้การต่อสู้ปกติกินเวลาแค่ประมาณห้าวินาที

รพีพงษ์มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก แม้แต่คนของทวีปโอชวินก็ละโมบอยากได้ร่างกายของเขา อยู่ที่นี่รพีพงษ์สามารถมองข้ามทุกคนได้

อีกด้านหนึ่ง พชรที่คล่องแคล่วหมุนตัวหลีกเลี่ยงการโจมตี เมื่ออยู่ต่อหน้าวรันธร เขาแทบรอไม่ไหวที่จะแสดงทุกกระบวนท่าของตนเองออกมา

การเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นงามสง่า และอีกหนึ่งนาทีต่อมา คู่ต่อสู้ของเขาก็ล้มลงบนพื้น

ภาณินกล่าวเบา ๆ “คนนี้ฝีมือก็ไม่เลวเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าจะสวยแต่รูปจูบไม่หอม ไม่รู้ว่าตอนที่แข่งขันสองคนสุดท้าย เขาจะทนได้นานแค่ไหน”

เนื่องจากพชรและรพีพงษ์ถูกแยกแข่งขัน สถานที่ของทั้งสองก็ห่างกัน ดังนั้นพชรไม่ได้สังเกตการเคลื่อนไหวของรพีพงษ์

ถ้าเขารู้ว่า รพีพงษ์จบการต่อสู้ด้วยการชกเพียงหมัดเดียว ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อเทียบกับพชรแล้วนรียาจะเหนื่อยกว่า

ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีความสูงมากกว่า 1.9 เมตร และมีพละกำลังที่น่าอัศจรรย์

ทันทีที่เขาเข้ามา เขาก็แสดงท่าทางก้าวร้าว

ทุกหมัดที่ปล่อยออกมา ก็จะมีเสียงเหมือนลม

นรียารู้สึกว่า ถ้ากล่าวถึงความแข็งแกร่ง ผู้ชายคนนี้เกือบจะถึงขีดจำกัดของมนุษย์แล้ว

แต่ว่า นรียาที่อยู่ในระดับแดนดั่งเทพ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็มีพลังเน่ยจิ้ง

เมื่อมีพลังเน่ยจิ้ง ทำให้เธอแข็งแกร่งมากกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

ทหารปล่อยหมัดออกมา นรียาหลบได้อย่างคล่องแคล่ว และหลังจากนั้น ชายร่างสูงใหญ่กำยำก็สะบัดมีดแล้วก็พุ่งออกมา

นรียาเขย่งเท้า แล้วกระโดดขึ้นไป หลังจากนั้น เธอพุ่งจากบนลงมาแล้วตบไปที่อีกฝ่าย

อีกฝ่ายรีบใช้มีดยาวต้านรับ

นรียาคว้าด้ามมีดไว้ เธอต่อสู้กับมีดด้วยมือเปล่า และออกแรงเพียงเล็กน้อย เธอก็แย่งมีดยาวของคู่ต่อสู้ได้ทันที จากนั้นก็โยนมันทิ้งไป

ทหารรู้สึกประหลาดใจที่อาวุธของตนเองถูกแย่งไป ซึ่งเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับเขา

“แค่อาวุธ ฉันก็มี”

ขณะพูด นรียาก็หยิบกริชจากเอว และแทงไปที่อีกฝ่ายทันที

ชายร่างใหญ่กำยำถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว นรียาแทงต่อเนื่องไปสิบกว่าครั้ง ชั่วขณะหนึ่งทหารรู้สึกว่าอันตรายอยู่รอบตัว

เวลานี้ อีกฝ่ายตระหนักแล้วว่าฝีมือตนเองต่างกับเธอมาก และตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย

เขาจึงกล่าวว่า “ผมยอมแพ้”

อย่างไรก็ตาม นรียาที่กำลังมีอารมณ์ฮึกเหิม ดังนั้นเธอจึงไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปอย่างง่าย ๆ

อีกอย่างอารมณ์ที่โกรธรพีพงษ์เมื่อคืนยังค้างอยู่ในใจ และตอนนี้อยากระบายออกมาพอดี

“อยากยอมแพ้? ฉันเกรงว่าจะยังไม่ถึงเวลา”

นรียากล่าวเบา ๆ จากนั้นยื่นเท้าออกไปเหยียบอีกฝ่ายไว้ ขณะที่อีกฝ่ายก้มหัวลง นรียาก็ยกเท้าขึ้นมา ทำให้หัวเข่าของเธอกดลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง

ชั่วขณะหนึ่ง เลือดไหลออกมาจากจมูก ชายร่างใหญ่กำยำก็เอนหลังล้มลงกับพื้น และลุกขึ้นไม่ได้อีกต่อไป

นรียาเดินไปข้างหน้า แล้วใช้เท้าเหยียบหน้าอีกฝ่ายไว้ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ ถึงจะเป็นเวลาที่คุณจะยอมแพ้”

อัฒจันทร์ ใบหน้าของภาณินเคร่งขรึม เขาไม่คิดว่าสาวงามคนนี้จะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้

การประลองของณรงค์ก็จบลง ตอนนี้เหลือสี่คนสุดท้ายแล้ว

รพีพงษ์ พชร และนรียา บวกกับณรงค์ สี่คนนี้คือคนที่จะแข่งขันกันเพื่อชิงแชมป์ในครั้งนี้

“คนที่สามารถผ่านบ่อน้ำมังกรได้ ความสามารถนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ” ภาณินกล่าว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและมองดูคนทั้งสี่ที่อยู่ด้านล่าง

“ยินดีกับพวกคุณด้วย ตอนนี้ให้พวกคุณแบ่งเป็นสองคู่ เพื่อตัดสินการต่อสู้ครั้งสุดท้าย”

ทั้งสี่คนพยักหน้า พชรพูดกับรพีพงษ์ว่า “ไม่คิดว่า คุณสามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้ คุณรีบอธิษฐานว่ารอบหน้าอย่าให้เจอผม”

รพีพงษ์กล่าวเบา ๆว่า “แรงจูงใจเดียวที่ผมเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ คือจัดการคุณอย่างสาสม”

“ฮึ่ม รอดูกันต่อไป” พชรกล่าวอย่างดูถูก

คนทั้งสี่จับฉลากใหม่อีกครั้ง และรพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่ตนเองและณรงค์อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วนพชรกับนรียาอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง

ผลลัพธ์นี้ทำให้วรันธรที่อยู่บนอัฒจันทร์รู้สึกกังวล สายตาของเธอจับจ้องไปที่ณรงค์และรพีพงษ์

ภาณินมองลูกสาวที่อยู่ข้างๆ ทำให้เขาค่อนข้างแน่ใจ ดูเหมือนว่าลูกสาวของตนเองจะมีความรู้สึกที่ดีต่อรพีพงษ์ มิเช่นนั้น เธอคงจะไม่กังวลเช่นนี้

“วางใจเถอะ เขาต้องชนะแน่นอน ณรงค์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” ภาณินกล่าว

วรันธรพยัก แท้จริงแล้วในใจของเธอไม่ได้คิดเช่นนั้น

หลังจากผลจับฉลากออกมา พชรก็หัวเราะเบา ๆ “ดูเหมือนว่าคุณจะโชคดี แต่ถึงแม้คุณจะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ผมก็ยังเอาชนะคุณได้”

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้ว ไม่ได้พูดอะไร บทสนทนากับวรันธรในห้องใต้หลังคาเมื่อคืนนี้ค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นมา

อักษรสองตัวที่สลักบนดาบเล็กนั้น คือชื่อณรงค์ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของตนเองในรอบรองชนะเลิศครั้งนี้

ชายในดวงใจของวรันธร ก็คือคนที่เป็นหัวหน้าทหารที่เงียบและเย็นชาตลอดเวลา

“ถ้าหากตนเองจงใจแพ้ ต่อให้ณรงค์เข้ารอบชิงชนะเลิศ เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพชร สุดท้ายเป็นการยกผลประโยชน์ให้พชรเปล่า ๆ”

รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ กำลังลังเลและตัดสินใจไม่ได้

ขณะนี้เอง บนสนามถัดไป นรียาเดินไปข้างหน้าสองก้าว และกล่าวกับภาณินว่า “เจ้าสำนัก ฉันขอสละสิทธิ์ในรอบรองชนะเลิศ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท