พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1319 ขยะก็คือขยะ

บทที่ 1319 ขยะก็คือขยะ

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ภาณินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงตัดสินใจเช่นนี้?”

นรียายิ้มและกล่าวว่า “ฉันกับพี่อยู่กลุ่มเดียวกัน ฉันรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ ประการที่สอง แม้ว่าสุดท้ายฉันชนะด้วยความบังเอิญ คงไม่ให้ฉันแต่งงานกับคุณหนูน้อยใช่ไหม ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจสละสิทธิ์ และให้พี่ของฉันเข้ารอบชิงชนะเลิศโดยตรง”

“นี่คือ… การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของคุณหรือ?” ภาณินถาม

นรียาพยักหน้า “ใช่ นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของฉัน”

“ก็ได้ ”ภาณินกล่าวตกลง

นรียาและพชรมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน

แท้จริงแล้ว หลังจากที่แบ่งกลุ่มแล้วทั้งสองก็ปรึกษากัน ตามความเห็นของพวกเขา คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในการแข่งขันของวันนี้คือรพีพงษ์

เพื่อให้พชรเหลือพละกำลังที่จะต่อสู้กับรพีพงษ์ได้อย่างเต็มที่ในรอบชิงชนะเลิศ ทั้งสองคนได้ปรึกษากันว่า นรียาจะสละสิทธิ์ และให้พชรที่แข็งแกร่งกว่าไปรอบชิงชนะเลิศโดยตรง

ด้วยวิธีนี้ สามารถทำให้พชรมีเวลาฟื้นกำลัง และประการที่สอง ก็สามารถบรรลุจุดประสงค์ในการทอนพละกำลังของรพีพงษ์ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็สามารถเพิ่มความมั่นใจในรอบชิงชนะเลิศได้มากยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นว่าคำขอของตนเองได้รับอนุญาต บรรลุเป้าหมายแล้ว นรียาจึงเดินออกจากสนามการแข่งขันทันที

“เอาล่ะ พวกคุณสองคนเริ่มต่อสู้ได้แล้ว”

พชรกล่าวกับรพีพงษ์และณรงค์ด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย พร้อมความคิดที่จะชมการต่อสู้

“ช้าก่อน”

ขณะนี้เอง วรันธรกล่าวหยุดการแข่งขันไว้ แล้วกระซิบข้างหูของภาณิน

ไม่กี่นาทีต่อมา ภาณินกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เมื่อสักครู่ลูกสาวของผมให้คำแนะนำ ผมคิดว่ามันไม่เลว ดังนั้นผมจะอธิบายให้พวกคุณสามคนฟัง”

“คำแนะนำ? คำแนะนำอะไร?” พชรถามด้วยความงุนงง

ภาณินกล่าวต่อไปว่า “แต่เดิมมีสี่คน เพราะการถอนตัวของคุณนรียา ตอนนี้เหลือเพียงสามคน ถ้าคุณไม่ได้ต่อสู้ และตรงเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ มันจะไม่ยุติธรรมกับสองคนนั้น”

“ไม่ยุติธรรม?” พชรขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ทันตั้งตัวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

รพีพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองวรันธรที่นั่งสงบอยู่บนอัฒจันทร์ และคิดอยู่ในใจว่า สาวน้อยคนนี้ช่างฉลาดปราดเปรื่อง เมื่อโอกาสมาถึงก็รีบคว้าไว้

“ใช่ เพื่อความเป็นธรรม ผมตัดสินใจว่า การประลองครั้งสุดท้ายจะจัดขึ้นระหว่างพวกคุณทั้งสามคน ต่อสู้แบบตัวต่อตัว และผู้ชนะคนสุดท้ายคือแชมป์ของการแข่งขันในครั้งนี้!” ภาณินกล่าว

“เจ้าสำนัก ผมขอค้าน! เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังพุ่งเป้ามาที่ผม!” พชรกล่าว

เดิมคิดว่าตนเองสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างง่ายดาย จึงให้นรียาสละสิทธิ์ แต่ตอนนี้กลับทำตัวเอง แผนทั้งหมดล้มเหลว

“คุณหมายความว่า ผมเจตนาเข้าข้างอีกฝ่าย?”

ดวงตาของภาณินมีความน่าเกรงขาม และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณอย่าลืมว่า ที่นี่คือเขตอิทธิพลของผม อีกอย่าง ผู้แข็งแกร่งที่เก่งจริงจะไม่สนใจว่าใครเป็นคู่ต่อสู้ ในเมื่อคุณกลัวการต่อสู้เช่นนี้ พูดตามตรง หรือว่าคุณกังวลว่าตนเองไม่มีความสามารถ?”

“ผม…..จะเป็นไปได้ยังไง” พชรกล่าวอย่างอึดอัด

“ในเมื่อคุณพูดเช่นนี้ ก็ทำตามที่ผมบอก ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุด หากคุณยังต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน คุณก็อย่าพูดมากอีก”

ภาณินกล่าว

พชรไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนต่อความโกรธ

จะช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องต่อสู้อยู่ดี

“ผมขอประกาศว่า การแข่งขันรอบสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”

พูดจบ ภาณินก็นั่งลง

ในสนามประลอง ตอนนี้เหลือเพียงสามคนเท่านั้น

พชรกลอกตาแล้วกล่าวกับสองคนนั้นว่า “พวกคุณสองคนต่อสู้กันก่อน ใครชนะแล้วมาสู้กับผม”

รพีพงษ์รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวเยาะเย้ยว่า “ทำไม เมื่อสักครู่คุณบอกว่าจะสั่งสอนผม ตอนนี้โอกาสก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว หรือว่าคุณกลัว?”

“กลัว? ผมไม่กลัวคุณหรอก?” พชรจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างดูถูก

“ในเมื่อไม่กลัว พวกเราสองคนเริ่มประลองกันก่อน มาตัดสินผลลัพธ์ในการต่อสู้ครั้งนี้เลย!”

รพีพงษ์กล่าว แล้วเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

“ผม……”

สิ่งที่พชรคิดอยู่ในใจคือต้องการให้ณรงค์ทอนกำลังของรพีพงษ์ให้ได้มากที่สุด แล้วตนเองก็รอเวลาตักตวงผลประโยชน์

“ไม่ได้ ไอ้หมอนี้จงใจยั่วโมโหเรา เราจะต้องไม่หลงกลมัน” พชรคิดอยู่ในใจ

ขณะนี้เอง เสียงของวรันธรก็ดังมาจากบนอัฒจันทร์

“คุณชายพชรเก่งกาจสามารถ พวกคุณสองคนเป็นยอดฝีมือจากโลกภายนอก ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นการแข่งขันระหว่างทั้งสอง และฉันชื่นชมร่างอันทระนงองอาจของคุณชายพชร”

เสียงไม่ดังมาก แต่ทุกคำพูดประทับอยู่ในใจของพชร

เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะขยิบตาให้วรันธร

คุณหนูน้อยคนนี้สนใจตนเองมาตลอด และเอ่ยปากชื่นชมตนเองด้วย

ถ้าไม่สู้ตอนนี้ แล้วจะสู้ตอนไหน!

พชรดีใจจนลืมทุกอย่าง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อคุณหนูน้อยเอ่ยปาก ผมจะใจดำปฏิเสธได้อย่างไร ถ้าเป็นเช่นนั้น รอบนี้ผมจะลงประลองก่อน”

พูดจบ เขาก็ยืนอยู่ตรงกลางสนามประลอง มองไปที่รพีพงษ์กับณรงค์ และกล่าวว่า “พวกคุณสองคน ใครจะขึ้นมาตายก่อน!”

ณรงค์คิดจะเดินไปข้างหน้า แต่ถูกรพีพงษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ดึงไว้

“ให้ผมไปก่อน นี่มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับเขา”

รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าของพชร

เมื่อเห็นรพีพงษ์เดินออกมา พชรรู้สึกลังเลเล็กน้อย

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ไม่ได้ตัดสินความสามารถของบุคคลจากผลการฝึกตน แต่อาศัยความแข็งแกร่งของร่างกาย และศิลปะการต่อสู้ที่ตนเองฝึกฝนเป็นประจำ

พชรมั่นใจว่าศิลปะการต่อสู้ของตนเองแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน

“เอาล่ะ คุณขึ้นมาเพื่อตายก่อนจริง ๆ” พชรกล่าว “ผมจะบอกคุณ ตอนที่อยู่ที่โลกภายนอก ผมก็อยากจะจัดการคุณแล้ว วันนี้มีโอกาส อย่าโทษว่าผมไร้ความปรานี!”

รพีพงษ์เยาะเย้ย “ที่โลกภายนอก คุณแน่ใจหรือว่าจะสามารถเอาชนะผมได้?”

“ผม……”

พชรอึ้งทันที มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าเทียบผลการฝึกตนของตนเองกับอีกฝ่าย มันต่างกันมาก ตอนอยู่ที่บ่อน้ำมังกร ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย ตนเองคงจะถูกมังกรยักษ์สีดำฆ่าตายไปนานแล้ว และสุดท้ายชะตากรรมของตนเองก็เหมือนกับกระดูกที่อยู่ในทะเลทราย

“คุณอย่าลืมว่า ที่แห่งนี้แตกต่างจากโลกภายนอก ถ้าอาศัยพลังและศิลปะการต่อสู้ คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม” พชรกล่าว

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “คุณวางใจได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด คุณก็ไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของผมได้ ขยะก็คือขยะ มันจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะการเปลี่ยนสถานที่”

“คุณ รนหาที่ตาย!”

พชรรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ดึงกริชสั้นออกมา แล้วแทงไปที่รพีพงษ์ทันที

พลังงานเน่ยจิ้งทั้งหมดในร่างกายของพชรถูกรวบรวมไปอยู่มือขวา และอากาศโดยรอบราวกับถูกตัดออกจากกัน

วรันธรที่อยู่บนอัฒจันทร์ดูกังวลเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าพชรจะแข็งแกร่งขนาดนี้

รพีพงษ์จะสามารถต้านทานพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ไหม?

คำตอบคือได้แน่นอน รพีพงษ์ยื่นสองนิ้วออกไป ก็สามารถหนีบกริชสั้นในมือของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

“เป็นไปได้ยังไง?” พชรไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง

ตนเองจู่โจมเร็วราวสายฟ้า คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายใช้เพียงสองนิ้วก็สามารถล็อกมีดไว้ได้

“ผมเคยพูดแล้วว่าขยะยังไงก็คือขยะตลอดไป”

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา ออกแรงบิด กริชสั้นที่ทำจากสเตนเลสนั้นก็หักทันที!

ดวงตาของพชรแสดงถึงความตกตะลึง และเขาเริ่มรู้สึกเครียด

“พ่อไม่เอาไหน ลูกชายก็ไร้ประโยชน์ หอกวยหลายก็แค่นี้”

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา และก็พุ่งเข้าไปทันที

รพีพงษ์ไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ การที่เขามีพลังเน่ยจิ้งและพลังวิเศษเสนควบคู่กันยิ่งทำให้ความแข็งแกร่งของเขานั้นหาตัวจับยาก

หน้าด้านซ้าย อกขวา เข่า กระดูกสันหลัง…

ขณะที่รพีพงษ์ลงมือจู่โจม ราวกับว่าเป็นการแจ้งอีกฝ่ายว่าเขากำลังจะจู่โจมที่ไหนบ้าง

เวลานี้พชรไม่จะมีเวลาคำนึงถึงการเคลื่อนไหวที่สง่างาม ขณะนี้เขาคิดแค่ว่าจะรับมืออย่างไร

พลังการและการโจมตีของอีกฝ่ายเร็วมาก ลงมือทุกครั้งก็สามารถเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ

เพียงครู่เดียว พชรเปลี่ยนเป็นคนล่ะคน ใบหน้าของบวมทันที

“คุณ……คุณรู้จักพ่อของผม?” พชรกล่าวด้วยความเหนื่อยหอบ

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา “หรือว่า หลังจากที่กลับไปแล้ว เมธิดาไม่ได้บอกคุณว่าเขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?”

“อ้อ? ที่แท้คนที่ทำร้ายพ่อของผมในวันนั้นก็คือคุณ? ถ้าอย่างนั้นคุณคือ………รพีพงษ์!”

พชรกล่าวด้วยความตกใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท