พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1331 เข้าด้วยวิธีนี้จะง่ายกว่า

บทที่ 1331 เข้าด้วยวิธีนี้จะง่ายกว่า

ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ได้มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์หลังหนึ่ง

คฤหาสน์หลังนี้มีขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆ ในย่านนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านหลังนี้มีฐานะร่ำรวยมากเพียงใด

“ที่นี่เหรอ?” รพีพงษ์ถาม

ลุงตรัยพยักหน้าตอบ ส่วนญาณินที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้รู้สึกอารมณ์ดีอีก ในขณะนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้ว

“คุณอาคะ พี่รพี ช่างมันเถอะนะ เรากลับกันก่อนดีกว่า คนคนนั้น มัน……มันน่ากลัวจริงๆ นะ” ญาณินพูด

“น่ากลัว?” รพีพงษ์ขมวดคิ้ว “น่ากลัวยังไง?”

“ก็……กลยุทธ์ที่เขาใช้น่ะ พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย อาหนูพอมีวิชาการต่อสู้อยู่บ้าง แต่เขาคนนั้นสามารถเสกดาบออกมาได้ แล้วยังใช้ดาบเล่มนั้นฟันอาหนูจนบาดเจ็บแล้วด้วย” ญาณินพูด

“คุณหมายถึง แบบนี้ใช่ไหม?”

รพีพงษ์สะบัดข้อมือ จากนั้นดาบสีดำเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือเขา

ญาณินรู้สึกตกใจและมองรพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ “พี่รพี พี่……พี่ทำได้ยังไง พี่ก็มีกลยุทธ์แบบนี้ด้วย?”

รพีพงษ์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ลุงตรัยที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาว่า “ญาณิน ความแข็งแกร่งของนายน้อยไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดเดาได้เลยนะ นี่ก็เป็นเหตุผลที่อาทำไมต้องบอกเขาเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงของเธอ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ทำไมอาไม่บอกหนูตั้งแต่แรกล่ะคะ ให้หนูกังวลมาตั้งนาน” ญาณินพูดกับลุงตรัยอย่างตำหนิ จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “ตอนนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ธนวัฒน์ คุณชอบรังแกฉันมากนักใช่ไหม คอยดูสิ คราวนี้คุณได้เห็นดีกันแน่!”

จากนั้นญาณินก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะเคาะประตู

แต่แล้วรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มาห้ามเธอไว้

“เรื่องที่คุณถูกรังแกมาตลอดที่ผ่านมา วันนี้ผมจะช่วยคุณทวงคืนความยุติธรรมเอง”

จากนั้นรพีพงษ์เตะไปที่ประตูและประตูที่ทำด้วยโลหะเจือก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแม่กุญแจที่ตกลงไปที่พื้น

“เข้าไปแบบนี้น่าจะเร็วกว่านะ ว่าไหม?”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน

ญาณินที่อยู่ข้างหลังก็รู้สึกตะลึงตะลาน จากนั้นหันไปกระซิบพูดกับลุงตรัยเบาๆ “คุณอาคะ นายน้อยคนนี้ทำไมดูเท่ห์จังคะ!”

ลุงตรัยยักไหล่อย่างเงียบๆ ซึ่งแน่นอนว่าถ้ารพีพงษ์คิดจะจริงจังเมื่อไหร่ ไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน

แต่หลังจากเดินเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้น ชายชุดดำนับสิบคนก็วิ่งเข้ามาล้อมรอบพวกเขา

“พวกมันเป็นลูกน้องของธนวัฒน์” ลุงตรัยกระซิบพูดอย่างเงียบๆ

ไม่นานหลังจากนั้น ชายสูงสองเมตรที่ดูแล้วไม่เป็นมิตรก็เดินออกมาจากในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อชายผู้นั้นเห็นลุงตรัยก็พูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยันว่า “แหม่ๆ ตาเฒ่าตรัย ใจใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ ถึงกล้าพังประตูบ้านผมแบบนี้?”

ญาณินพูด

เมื่อเห็นญาณินใบหน้าที่โกรธเคืองของญาณิน ธนวัฒน์ไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเธอแต่กลับยิ้มพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “เสียงคุณเพราะดีนะ ถ้าผมได้ฟังเสียงพูดของคุณทุกวันคงจะดีแน่เลย”

“คุณ!” ” ญาณินรู้สึกโกรธมา ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนศพหมูที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวกเลยจริงๆ แค่ติดที่เขาเป็นคนมีอำนาจเท่านั้น

“คุณธนวัฒน์ ผมหวังว่าคุณจะขายยาสมุนไพรหลิงสุ่ยให้เรานะครับ ส่วนเรื่องในอดีตผมจะลืมมันไป เพราะที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของหลานสาวผม อีกอย่างยาตัวนี้ก็เป็นความหวังเดียวในการช่วยชีวิตเธอด้วย ผมต้องขอขอบคุณก่อนเลยนะครับ” ลุงตรัยพูดอย่างใจเย็น

เพียงแต่ว่าธนวัฒน์ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ แต่กลับตอบอย่างไร้มารยาทว่า “ตาเฒ่าตรัย คุณพูดเกินไปนะ ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ญาณินอยู่กับผมห้าปี แล้วผมจะเอายาสมุนไพรหลิงสุ่ยให้คุณฟรีๆ ผมถามหน่อยว่ามันไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?”

“คุณอย่ามาเสแสร้งเลยนะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรกับฉันอยู่นะ ที่คุณให้ฉันอยู่กับคุณที่นี่ห้าปี คุณก็แค่ตั้งใจจะ……”

“ตั้งใจจะทำอะไรครับ ว่ามาสิ” ธนวัฒน์ยิ้มพูดอย่างมีเลศนัย

“เหอะ ไร้ยางอายจริงๆ คำพูดแย่ๆ แบบนี้ฉันคงพูดออกจากปากไม่ได้หรอก” ญาณินพูดด้วยความโกรธ

ธนวัฒน์ยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย “พอกันทีน่า สิ่งที่ผมต้องการพวกคุณก็ชัดเจนกันแล้ว แต่ถ้าพวกคุณไม่เห็นด้วย ไอ้ผมก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แล้วก็อีกเรื่อง ประตูบ้านผมสั่งมาจากอิตาลีเชียวนะ พวกคุณทำมันพัง ต้องรับผิดชอบด้วย! ไม่แพงหรอก ก็แค่ห้าแสนเท่านั้น แต่ถ้าพวกคุณไม่มีเงินมาใช้ผม ผมขอบอกก่อนเลยว่าวันนี้ไอ้แก่คนนี้จะได้รอยแผลเพิ่มอย่างแน่นอน”

จากนั้นลูกน้องของเขาก็เดินขยับเข้ามาใกล้ขึ้น

ในขณะนี้ รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมองธนวัฒน์และไม่ได้สนใจกลุ่มอันธพาลที่อยู่รอบตัวเขาเลย

“ผมเองที่เป็นคนพังประตู พวกเขาไม่เกี่ยวด้วย”

รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา

ธนวัฒน์หรี่ตาแล้วมองไปที่ชายร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา “ก็ว่าทำไมวันนี้ตาเฒ่าตรัยถึงใจกล้าขนาดนี้ ที่แท้ก็เรียกลูกน้องมาด้วยนี่เอง ไอ้หนู นายกล้าหาญจริงๆ เลยนะ ในเมื่อนายเป็นคนกล้าทำกล้ารับ ข้าจะลดให้นายเหลือสี่แสนห้าก็แล้วกัน รีบจ่ายมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ”

“แค่สี่แสนห้า ก็ไม่เท่าไหร่นะ”

รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น

“เหอะ ๆ ไอ้หนู นายเก่งจริงก็จ่ายมาสิ” ธนวัฒน์ยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย

ซึ่งชุดที่รพีพงษ์ใส่ในวันนี้ แค่ค่าออกแบบก็มากกว่าแปดแสนแล้ว แต่สำหรับคนอย่างธนวัฒน์นั้นไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอน

“แต่ผมคิดว่าประตูบ้านคุณไม่ได้แพงขนาดนั้นนะ อีกอย่าง มันไม่ได้นำเข้ามาจากอิตาลีอีกด้วย” รพีพงษ์พูด

“นายว่าไงนะ! ไอ้หนู ไม่รู้อย่ามาแสร้งทำเป็นเข้าใจเลย ทรัพย์สินมูลค่าของพี่มันมากกว่าร้อยล้านไปนานแล้ว แล้วนายกล้าดียังไงว่ากล่าวหาว่าของพี่มันเป็นของปลอม? เหอะ นายทำไมไม่ลองคิดดูว่าคนที่จะอยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้จะเป็นคนระดับไหน” ธนวัฒน์พูดอย่างได้ใจ

รพีพงษ์กวาดมองไปรอบๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า “บ้านหลังนี้ก็ใหญ่เหมือนกันนะ แต่มันจะใหญ่เท่าบ้านของคนใช้ผมไม่ได้นิดหน่อย”

“นายว่าไงนะ? นายหมายถึงบ้านของข้าเล็กกว่าบ้านที่นายให้คนใช้อยู่เหรอ? ตลกสิ้นดี!”

ธนวัฒน์พูดอย่างดูถูก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว บ้านของพี่สาในโครงการบ้านตระกูลลัดดาวัลย์ก็กว้างกว่าที่นี่ตั้งเยอะ และที่มากไปกว่านั้นคือตำแหน่งที่ตั้งยังอยู่ในย่านที่แพงที่สุดของเมืองเกียวโตด้วย

รพีพงษ์ค่อยๆ เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าประตูที่เขาเพิ่งพังไป จากนั้นพูดอย่างไม่แยแสว่า “ประตูของคุณที่บอกว่าทำมาจากโลหะเจือ แต่ผมว่าความแข็งของมันไม่เท่าโลหะเจือเลยนะ อีกอย่างลวดลายของมันดูก็รู้แล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน”

ธนวัฒน์ขมวดคิ้ว “ไม่ได้มาตรฐานยังไง นายเอาอะไรมาอ้างว่ามันไม่ใช่ของนำเข้าจากประเทศอิตาลี?”

“ไม่เพียงเท่านี้หรอกนะ”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ จากนั้นหยิบแผงประตูขึ้นมาแล้วใช้แรงบีบเบาๆ และสุดท้ายก็หักในทันที

“ไอ้หมอนี่แรงเยอะจริงๆ” ธนวัฒน์แอบคิดในใจ

“ดูสิ ข้างในเป็นโพรงเลยนะ ยังมีตัวหนังสืออยู่ด้วย ถ้าคุณอ่านไม่เป็น เดี๋ยวผมอ่านให้คุณฟังก็ได้”

จากนั้นญาณินก็เดินเข้ามาพูดอย่างเสียงดังว่า “ตลาดวัสดุก่อสร้างเจียงเปียนทาง ประตูของคุณซื้อมาจากที่นี่ไง”

“ไม่จริง”

ธนวัฒน์รีบเข้ามาหารพีพงษ์และดูตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างละเอียด และตัวหนังสือก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ

“ใช้เงินห้าแสนซื้อประตูแบบนี้ คุณเป็นคนใจกว้างจริงๆ เลยนะครับ” รพีพงษ์พูดเบาๆ

“ให้ตายสิ!”

ธนวัฒน์อารมณ์ร้อนมาก จากนั้นเขากำหมัดแล้วทุบไปที่ประตูจนประตูทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ทันที

“พวกคุณไปให้พ้น แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังนะ!”

ธนวัฒน์พูด

แต่กลุ่มของรพีพงษ์กลับไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนเลย

“คุณขายยาสมุนไพรหลิงสุ่ยให้พวกเรา แล้วพวกเราจะไปเอง”

รพีพงษ์พูด

“ไอ้หนู ข้าทนนายมานานแล้วนะ อย่าคิดว่านายแรงเยอะแล้วจะเก่งล่ะ จะบอกให้ ต่อหน้าคนที่มีฝีมือจริงๆ นายมีแรงเยอะก็เท่านั้น”

จากนั้นธนวัฒน์มองไปที่ลูกน้องของเขาแล้วพูดอย่างเสียงดังว่า “พวกแกมัวยืนจ้องอะไรกันอยู่ ไปส่งแขกสิ!”

ทันทีที่ธนวัฒน์พูดจบ คนเหล่านั้นก็กระโจนเข้าไปที่รพีพงษ์ เป้าหมายคือจับเขาโยนออกไปจากบ้านหลังนี้

แต่ภายในหนึ่งนาที บ้านหลังนี้ก็กลับมาสงบอีกครั้ง ชายชุดดำเหล่านี้ล้มลงกับพื้นทีละคน และใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ดูเหมือนว่ามีแรงเยอะมันก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยนะ”

รพีพงษ์ยิ้มพูดกับธนวัฒน์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท