ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ได้มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์หลังหนึ่ง
คฤหาสน์หลังนี้มีขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆ ในย่านนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านหลังนี้มีฐานะร่ำรวยมากเพียงใด
“ที่นี่เหรอ?” รพีพงษ์ถาม
ลุงตรัยพยักหน้าตอบ ส่วนญาณินที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้รู้สึกอารมณ์ดีอีก ในขณะนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้ว
“คุณอาคะ พี่รพี ช่างมันเถอะนะ เรากลับกันก่อนดีกว่า คนคนนั้น มัน……มันน่ากลัวจริงๆ นะ” ญาณินพูด
“น่ากลัว?” รพีพงษ์ขมวดคิ้ว “น่ากลัวยังไง?”
“ก็……กลยุทธ์ที่เขาใช้น่ะ พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย อาหนูพอมีวิชาการต่อสู้อยู่บ้าง แต่เขาคนนั้นสามารถเสกดาบออกมาได้ แล้วยังใช้ดาบเล่มนั้นฟันอาหนูจนบาดเจ็บแล้วด้วย” ญาณินพูด
“คุณหมายถึง แบบนี้ใช่ไหม?”
รพีพงษ์สะบัดข้อมือ จากนั้นดาบสีดำเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือเขา
ญาณินรู้สึกตกใจและมองรพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ “พี่รพี พี่……พี่ทำได้ยังไง พี่ก็มีกลยุทธ์แบบนี้ด้วย?”
รพีพงษ์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ลุงตรัยที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาว่า “ญาณิน ความแข็งแกร่งของนายน้อยไม่ใช่สิ่งที่เราจะคาดเดาได้เลยนะ นี่ก็เป็นเหตุผลที่อาทำไมต้องบอกเขาเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงของเธอ”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ทำไมอาไม่บอกหนูตั้งแต่แรกล่ะคะ ให้หนูกังวลมาตั้งนาน” ญาณินพูดกับลุงตรัยอย่างตำหนิ จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “ตอนนี้หนูไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ธนวัฒน์ คุณชอบรังแกฉันมากนักใช่ไหม คอยดูสิ คราวนี้คุณได้เห็นดีกันแน่!”
จากนั้นญาณินก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะเคาะประตู
แต่แล้วรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มาห้ามเธอไว้
“เรื่องที่คุณถูกรังแกมาตลอดที่ผ่านมา วันนี้ผมจะช่วยคุณทวงคืนความยุติธรรมเอง”
จากนั้นรพีพงษ์เตะไปที่ประตูและประตูที่ทำด้วยโลหะเจือก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแม่กุญแจที่ตกลงไปที่พื้น
“เข้าไปแบบนี้น่าจะเร็วกว่านะ ว่าไหม?”
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน
ญาณินที่อยู่ข้างหลังก็รู้สึกตะลึงตะลาน จากนั้นหันไปกระซิบพูดกับลุงตรัยเบาๆ “คุณอาคะ นายน้อยคนนี้ทำไมดูเท่ห์จังคะ!”
ลุงตรัยยักไหล่อย่างเงียบๆ ซึ่งแน่นอนว่าถ้ารพีพงษ์คิดจะจริงจังเมื่อไหร่ ไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน
แต่หลังจากเดินเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้น ชายชุดดำนับสิบคนก็วิ่งเข้ามาล้อมรอบพวกเขา
“พวกมันเป็นลูกน้องของธนวัฒน์” ลุงตรัยกระซิบพูดอย่างเงียบๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ชายสูงสองเมตรที่ดูแล้วไม่เป็นมิตรก็เดินออกมาจากในบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อชายผู้นั้นเห็นลุงตรัยก็พูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยันว่า “แหม่ๆ ตาเฒ่าตรัย ใจใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ ถึงกล้าพังประตูบ้านผมแบบนี้?”
ญาณินพูด
เมื่อเห็นญาณินใบหน้าที่โกรธเคืองของญาณิน ธนวัฒน์ไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเธอแต่กลับยิ้มพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “เสียงคุณเพราะดีนะ ถ้าผมได้ฟังเสียงพูดของคุณทุกวันคงจะดีแน่เลย”
“คุณ!” ” ญาณินรู้สึกโกรธมา ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนศพหมูที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวกเลยจริงๆ แค่ติดที่เขาเป็นคนมีอำนาจเท่านั้น
“คุณธนวัฒน์ ผมหวังว่าคุณจะขายยาสมุนไพรหลิงสุ่ยให้เรานะครับ ส่วนเรื่องในอดีตผมจะลืมมันไป เพราะที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของหลานสาวผม อีกอย่างยาตัวนี้ก็เป็นความหวังเดียวในการช่วยชีวิตเธอด้วย ผมต้องขอขอบคุณก่อนเลยนะครับ” ลุงตรัยพูดอย่างใจเย็น
เพียงแต่ว่าธนวัฒน์ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ แต่กลับตอบอย่างไร้มารยาทว่า “ตาเฒ่าตรัย คุณพูดเกินไปนะ ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ญาณินอยู่กับผมห้าปี แล้วผมจะเอายาสมุนไพรหลิงสุ่ยให้คุณฟรีๆ ผมถามหน่อยว่ามันไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?”
“คุณอย่ามาเสแสร้งเลยนะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรกับฉันอยู่นะ ที่คุณให้ฉันอยู่กับคุณที่นี่ห้าปี คุณก็แค่ตั้งใจจะ……”
“ตั้งใจจะทำอะไรครับ ว่ามาสิ” ธนวัฒน์ยิ้มพูดอย่างมีเลศนัย
“เหอะ ไร้ยางอายจริงๆ คำพูดแย่ๆ แบบนี้ฉันคงพูดออกจากปากไม่ได้หรอก” ญาณินพูดด้วยความโกรธ
ธนวัฒน์ยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย “พอกันทีน่า สิ่งที่ผมต้องการพวกคุณก็ชัดเจนกันแล้ว แต่ถ้าพวกคุณไม่เห็นด้วย ไอ้ผมก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แล้วก็อีกเรื่อง ประตูบ้านผมสั่งมาจากอิตาลีเชียวนะ พวกคุณทำมันพัง ต้องรับผิดชอบด้วย! ไม่แพงหรอก ก็แค่ห้าแสนเท่านั้น แต่ถ้าพวกคุณไม่มีเงินมาใช้ผม ผมขอบอกก่อนเลยว่าวันนี้ไอ้แก่คนนี้จะได้รอยแผลเพิ่มอย่างแน่นอน”
จากนั้นลูกน้องของเขาก็เดินขยับเข้ามาใกล้ขึ้น
ในขณะนี้ รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมองธนวัฒน์และไม่ได้สนใจกลุ่มอันธพาลที่อยู่รอบตัวเขาเลย
“ผมเองที่เป็นคนพังประตู พวกเขาไม่เกี่ยวด้วย”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
ธนวัฒน์หรี่ตาแล้วมองไปที่ชายร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา “ก็ว่าทำไมวันนี้ตาเฒ่าตรัยถึงใจกล้าขนาดนี้ ที่แท้ก็เรียกลูกน้องมาด้วยนี่เอง ไอ้หนู นายกล้าหาญจริงๆ เลยนะ ในเมื่อนายเป็นคนกล้าทำกล้ารับ ข้าจะลดให้นายเหลือสี่แสนห้าก็แล้วกัน รีบจ่ายมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ”
“แค่สี่แสนห้า ก็ไม่เท่าไหร่นะ”
รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น
“เหอะ ๆ ไอ้หนู นายเก่งจริงก็จ่ายมาสิ” ธนวัฒน์ยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย
ซึ่งชุดที่รพีพงษ์ใส่ในวันนี้ แค่ค่าออกแบบก็มากกว่าแปดแสนแล้ว แต่สำหรับคนอย่างธนวัฒน์นั้นไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอน
“แต่ผมคิดว่าประตูบ้านคุณไม่ได้แพงขนาดนั้นนะ อีกอย่าง มันไม่ได้นำเข้ามาจากอิตาลีอีกด้วย” รพีพงษ์พูด
“นายว่าไงนะ! ไอ้หนู ไม่รู้อย่ามาแสร้งทำเป็นเข้าใจเลย ทรัพย์สินมูลค่าของพี่มันมากกว่าร้อยล้านไปนานแล้ว แล้วนายกล้าดียังไงว่ากล่าวหาว่าของพี่มันเป็นของปลอม? เหอะ นายทำไมไม่ลองคิดดูว่าคนที่จะอยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้จะเป็นคนระดับไหน” ธนวัฒน์พูดอย่างได้ใจ
รพีพงษ์กวาดมองไปรอบๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า “บ้านหลังนี้ก็ใหญ่เหมือนกันนะ แต่มันจะใหญ่เท่าบ้านของคนใช้ผมไม่ได้นิดหน่อย”
“นายว่าไงนะ? นายหมายถึงบ้านของข้าเล็กกว่าบ้านที่นายให้คนใช้อยู่เหรอ? ตลกสิ้นดี!”
ธนวัฒน์พูดอย่างดูถูก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว บ้านของพี่สาในโครงการบ้านตระกูลลัดดาวัลย์ก็กว้างกว่าที่นี่ตั้งเยอะ และที่มากไปกว่านั้นคือตำแหน่งที่ตั้งยังอยู่ในย่านที่แพงที่สุดของเมืองเกียวโตด้วย
รพีพงษ์ค่อยๆ เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าประตูที่เขาเพิ่งพังไป จากนั้นพูดอย่างไม่แยแสว่า “ประตูของคุณที่บอกว่าทำมาจากโลหะเจือ แต่ผมว่าความแข็งของมันไม่เท่าโลหะเจือเลยนะ อีกอย่างลวดลายของมันดูก็รู้แล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน”
ธนวัฒน์ขมวดคิ้ว “ไม่ได้มาตรฐานยังไง นายเอาอะไรมาอ้างว่ามันไม่ใช่ของนำเข้าจากประเทศอิตาลี?”
“ไม่เพียงเท่านี้หรอกนะ”
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ จากนั้นหยิบแผงประตูขึ้นมาแล้วใช้แรงบีบเบาๆ และสุดท้ายก็หักในทันที
“ไอ้หมอนี่แรงเยอะจริงๆ” ธนวัฒน์แอบคิดในใจ
“ดูสิ ข้างในเป็นโพรงเลยนะ ยังมีตัวหนังสืออยู่ด้วย ถ้าคุณอ่านไม่เป็น เดี๋ยวผมอ่านให้คุณฟังก็ได้”
จากนั้นญาณินก็เดินเข้ามาพูดอย่างเสียงดังว่า “ตลาดวัสดุก่อสร้างเจียงเปียนทาง ประตูของคุณซื้อมาจากที่นี่ไง”
“ไม่จริง”
ธนวัฒน์รีบเข้ามาหารพีพงษ์และดูตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างละเอียด และตัวหนังสือก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ
“ใช้เงินห้าแสนซื้อประตูแบบนี้ คุณเป็นคนใจกว้างจริงๆ เลยนะครับ” รพีพงษ์พูดเบาๆ
“ให้ตายสิ!”
ธนวัฒน์อารมณ์ร้อนมาก จากนั้นเขากำหมัดแล้วทุบไปที่ประตูจนประตูทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ทันที
“พวกคุณไปให้พ้น แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังนะ!”
ธนวัฒน์พูด
แต่กลุ่มของรพีพงษ์กลับไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนเลย
“คุณขายยาสมุนไพรหลิงสุ่ยให้พวกเรา แล้วพวกเราจะไปเอง”
รพีพงษ์พูด
“ไอ้หนู ข้าทนนายมานานแล้วนะ อย่าคิดว่านายแรงเยอะแล้วจะเก่งล่ะ จะบอกให้ ต่อหน้าคนที่มีฝีมือจริงๆ นายมีแรงเยอะก็เท่านั้น”
จากนั้นธนวัฒน์มองไปที่ลูกน้องของเขาแล้วพูดอย่างเสียงดังว่า “พวกแกมัวยืนจ้องอะไรกันอยู่ ไปส่งแขกสิ!”
ทันทีที่ธนวัฒน์พูดจบ คนเหล่านั้นก็กระโจนเข้าไปที่รพีพงษ์ เป้าหมายคือจับเขาโยนออกไปจากบ้านหลังนี้
แต่ภายในหนึ่งนาที บ้านหลังนี้ก็กลับมาสงบอีกครั้ง ชายชุดดำเหล่านี้ล้มลงกับพื้นทีละคน และใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ดูเหมือนว่ามีแรงเยอะมันก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยนะ”
รพีพงษ์ยิ้มพูดกับธนวัฒน์