พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1321 เสียแรงที่เป็นพ่อคน

บทที่ 1321 เสียแรงที่เป็นพ่อคน

ณรงค์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“ผม….ผมชนะแล้วงั้นหรือ?”

ณรงค์พูดออกมาโดยไม่อยากจะเชื่อ

รพีพงษ์ก็ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วมายืนตรงหน้าณรงค์ พร้อมยิ้มพูดว่า “คมดาบของคุณทำร้ายผมจนบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมก็คงจะไม่ล้มลงพื้น การประลองครั้งนี้ คุณชนะแล้ว ผมยอมแพ้จากใจ”

“แต่ว่าผม……..”

“อย่าพูดให้มากไป ผมสนองความต้องการของคุณและคนรักของคุณ มันไม่ใช่เรื่องดีหรือไง?”

รพีพงษ์เข้ามาพูดเบาๆ ตรงหน้าณรงค์ แล้วก็มองไปรอบๆ เวที

ภาณินก็หน้าเขียว ผลลัพธ์แบบนี้เขาคาดไม่ถึงเลย แต่วรันธรก็กลับเบาใจลง

ในเมื่อรพีพงษ์ไม่ได้ทำผิดต่อกติกาที่ตั้งไว้ ตนเองก็จะต้องทำตามข้อตกลงที่จะให้ผลทิพย์แก่รพีพงษ์

รพีพงษ์ที่ยืนอยู่บนเวลทีประลอง ก็มองไปยังภาณิน แล้วพูดเสียงดังออกมาว่า “เจ้าสำนักภาณิน การประลองได้จบลงแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะสั่งการทหารของคุณได้ดี ผมได้สู้สุดฝีมือแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สามารถต่อกรได้”

ภาณินมุมปากกระตุกเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำว่า “รพีพงษ์ คุณได้สู้สุดฝีมือแล้วจริงหรือ? หรือว่าจะแกล้งล้มมวย? คิดว่าผมดูไม่ออกหรือไง ผมเป็นคนที่หลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง?”

รพีพงษ์ก็ยิ้มเบาๆ “นี่มันเป็นเรื่องจริง ในเมื่อณรงค์ชนะเป็นอันดับหนึ่ง งั้นรางวัลการประลองในครั้งนี้ก็ควรเป็นของณรงค์ คุณวาว คุณเห็นด้วยไหมครับ?”

วรันธรก็หน้าแดง แล้วก้มหน้าพูดว่า “ฉัน…..ไม่มีความเห็นอะไร”

ภาณินก็ขมวดคิ้ว “วาว แกเป็นอะไรไป? แกคงจะไม่อยากแต่งงานกับณรงค์จริงๆ หรอกใช่ไหม เขาเป็นแค่ทหารธรรมดาๆ เท่านั้นนะ”

“พ่อคะ พ่อเป็นคนตั้งกติกาเอง ว่าให้ประลองฝีมือเลือกคู่ หนูก็แค่ทำตามคำสั่งของพ่อเท่านั้น” วรันธรกล่าว

“เหลวไหล!”

ภาณินโมโหหนัก “เรื่องนี้ ไว้ค่อยว่ากัน!”

พูดจบ เขาก็เตรียมจะเดินออกไปอย่างโมโหโกรธา

รพีพงษ์ก็พูดอย่างข้างหลังว่า “ภาณิน คุณก็เป็นถึงเจ้าสำนัก จะพูดกลับไปกลับมาแบบนี้ ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรือไงกัน?”

พอภาณินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็แย่กว่าเดิม “รพีพงษ์ คุณกล้าพูดกับผมแบบนี้งั้นหรือ!”

“ทำไมจะไม่กล้าล่ะ!” รพีพงษ์มีสายตาไม่เกรงกลัว

“คุณคิดว่าผมจะให้ใครมาหัวเราะเยาะได้หรือ?” ภาณินยืดตัวพูด แล้วมองไปรอบๆ “ที่นี่ก็มีแต่คนของผม คุณไปถามดูสิ ว่าใครมันจะกล้ามาหัวเราะเยาะผม!”

พอพูดออกไป ทหารทุกคนก็ก้มหน้าลงไปตามกัน

ที่นี่นั้น ภาณินมีศักดิ์มีศรีสูงที่สุด

“เจ้าสำนักภาณิน คุณไม่รู้หรือว่า ผู้ชายที่ลูกสาวของคุณชอบจริงๆ ก็คือณรงค์ หัวหน้ากองทหาร” รพีพงษ์พูดอีกครั้ง

“คุณพูดเหลวไหล! ลูกสาวของผมจะไปชอบลูกน้องของตนเองได้อย่างไรกัน!” ภาณินตวาดออกมา

“ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามเธอดูสิครับ!”

รพีพงษ์พูดเสียงดังว่า “เป็นถึงพ่อคน แม้แต่จิตใจของลูกสาวคิดอย่างไรก็ไม่รู้ เสียแรงที่เป็นพ่อคนจริงๆ เลย!”

“นี่คุณ!”

ภาณินมองขวางรพีพงษ์ จากนั้นก็รีบพูดกับวรันธรว่า “วาว ที่เขาพูดมามันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย แกคงจะไม่ไปชอบไอ้ณรงค์นั่นจริงๆ ใช่ไหม!”

“พ่อคะ หนู…….”

วรันธรเม้มปากตนเองแน่น เธอเคยไว้ว่าพ่อตนเองจะต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าภาณินจะตอบสนองรุนแรงแบบนี้

เธอก็มองไปด้านล่างเวที ในตอนนี้ สีหน้าของณรงค์ก็ยังคงนิ่ง ไม่เห็นอารมณ์ใดๆ แต่ก็สามารถเดาได้ว่า ตอนนี้ในใจของเขาคงจะร้อนลุ่มไม่เบาเลยทีเดียว

“คุณวาว คุณลืมคำพูดที่ผมบอกกับคุณไว้เมื่อคืนแล้วหรือ? ความสุขของตนเอง จะต้องพยายามคว้ามันมาด้วยตนเอง!” รพีพงษ์พูดเสียงดัง

วรันธรก็กำมือแน่น แล้วพูดเสียงเบาว่า “พ่อคะ ตั้งแต่เด็กจนโต หลังจากที่แม่เสียไป หนูก็ไม่เคยขัดคำสั่งของพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว พ่อให้หนูเป็นอย่างไร หนูก็เป็นอย่างนั้น ตอนนั้นหนูคิดว่าชีวิตของหนูอยู่ต่อไปก็เพื่อพ่อ และมันก็ควรเป็นแบบนั้น แต่ครั้งนี้ เรื่องงานแต่งของหนู หนูอยากตัดสินใจด้วยตัวของหนูเองค่ะ!”

“แกตัดสินใจเองงั้นหรือ? ได้สิ ตอนนี้แกโตแล้วนี่ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่นะ!”

ภาณินพูดเสียงดังว่า “แกไม่รู้หรือว่า ที่พ่อทำทุกอย่าง ก็เพื่อแกทั้งนั้น”

วรันธรน้ำตาคลอเบ้า “พ่อคะ หนูขอร้องล่ะค่ะ ครั้งนี้ให้หนูตัดสินใจเองเถอะค่ะ ต่อให้ต้องโขกหัวจนเลือดออก หนูก็ไม่เสียค่ะ”

“นี่แก!”

ภาณินยกมือขึ้น ทำท่าจะตบปากวรันธร

“ฝ่ายหญิงเธอก็กล้าพูดออกมาแบบนี้แล้ว คุณนี่นะ สู้ผู้หญิงไม่ได้เลยหรือไงกัน?” รพีพงษ์พูดอยู่ข้างๆ ณรงค์

ใบหน้านิ่งๆ ของณรงค์ ในที่สุดก็มีสีหน้าขึ้นมา

เขากล้าก้าวขาออกไปพูดเสียงดังว่า “เจ้าสำนักครับ กระผมขอร้องล่ะ อย่าไปโมโหใส่คุณหนูน้อยเลย ถ้าจะลงโทษก็ลงโทษผมเองเถอะครับ!”

“นี่เอ็ง พวกเอ็ง!พวกเอ็งจะกบฏกันใช่ไหมห้ะ!” ภาณินพูดเสียงดังออกมา

“กระผมมิกล้าครับ กระผมจริงใจกับคุณหนูน้อยจริงๆ ในเมื่อเจ้าสำนักไม่ยอมให้คุณหนูน้อยแต่งงานกับผมล่ะก็ ผมก็ขอยอมติดตามคุณหนูน้อยไปทั้งชีวิต ขอเพียงแค่ผมได้เห็นเธอทุกวันผมก็สุขใจแล้ว” ณรงค์กล่าว

“พ่อคะ ถ้าพ่อไม่ยอมให้หนูแต่งกับณรงค์ หนูก็จะไม่ขอแต่งงานเลยทั้งชีวิต!” วรันธรก็พูดออกมาเหมือนกัน

ภาณินสองมือกำแน่น ตอนนี้ในใจของเขาดั่งไฟสุมทรวง

หลายปีมานี้ ในแดนลับแห่งนี้ เขาก็คือผู้นำ ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน!

แต่ทุกอย่างนี้มันเป็นเพราะว่าการมาถึงของรพีพงษ์ ที่ทำให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป!

ที่สามารถบุกสระน้ำมังกรได้ ก็เพียงที่จะแสดงว่ารพีพงษ์มีฝีมือไม่น้อย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ แดนลับแห่งนี้ก็คงยังไม่มีใครเข้ามาได้หลายปีแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับพชรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝีมือและสมอง รพีพงษ์ก็เก่งกว่ามาก คนฝีมือโดดเด่นแบบนี้ ภาณินก็อยากจะมีไว้รับใช้เป็นธรรมดา

แต่ไม่คิดเลยว่า ทุกอย่างมันจะไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ไม่คิดเลยว่า คนที่ลูกสาวตนเองชอบนั้น จะเป็นลูกน้องของตนเอง

“ถ้าแกคิดอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ งั้นแกก็เป็นโสดไปทั้งชีวิตแล้วกัน!”

ภาณินพูดเสียงเย็น แล้วก็เดินโมโหออกไป

วรันธรก็น้ำตาคลอ ตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ในแดนลับแห่งนี้ การดำรงชีวิตทุกอย่าง มันแทบไม่ต่างอะไรกับในสมัยโบราณของประเทศจีนเลย ภาณินเป็นใหญ่ที่สุดของที่นี่ แม้แต่งานแต่งของลูกสาวตนเอง ก็จะควบคุม

“พูดไปตั้งมากมาย สุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่ได้ผลทิพย์มาครอบครอง”

พชรที่รักษาตัวอยู่ข้างๆ ก็พูดประชดขึ้นมา

รพีพงษ์ก็จ้องมองเขา พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่ต้องกลับออกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ก็จะต้องอยู่ที่นี่ไป10กว่าปี

“รพีพงษ์ ขอบคุณมาก แต่ในเมื่อเจ้าสำนักก็ได้พูดออกมาขนาดนี้แล้ว ผมเองก็คงต้องตัดใจเสีย บางทีผมกับคุณหนูอาจจะไม่มีวาสนาต่อกันก็ได้” ณรงค์กล่าว

รพีพงษ์ก็มองณรงค์ที่มีใบหน้าสงบนิ่งมาโดยตลอด แล้วก็พูดเสียงขรึมว่า “ความสุขนั้นจะต้องคว้ามันมาไว้เอง ต้องอยู่ที่คุณแล้วล่ะ ว่าจะกล้าก้าวออกมาคว้ามันไว้ไหม”

“เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว มันไม่มีทางแล้วล่ะ ด้วยนิสัยของเจ้าสำนัก วันนี้ไม่ได้ลงโทษผมต่อหน้าทุก ก็ถือว่าใจกว้างมากแล้วล่ะ ส่วนเรื่องอื่น ผมก็คงไม่กล้าคิดแล้วล่ะครับ”

รพีพงษ์มองณรงค์ ถึงแม้เขาจะพูดออกมาแบบนี้ แต่รพีพงษ์ก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่า นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ

ในตอนนี้ วรันธรก็เดินลงมาจากเวที

เธอและณรงค์ก็มองตากัน ณรงค์เห็นคนสวยร้องไห้ ในใจก็เศร้าสร้อย ตอนนี้เขาอยากจะเข้าไปกอดหญิงผู้เป็นที่รักเสียจริงๆ แต่ทว่า ด้วยระบบลูกน้องทำให้เขาไม่กล้าทำแบบนั้น กลับกัน เขาก็ได้เดินออกไปอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับทหารคนอื่นๆ

สายตาของวรันแอปเปิลก็มองตามตัวณรงค์ไป จนเงาของลับตาไป จึงหันกลับมา

“รพีพงษ์ ฉันทำให้คุณผิดหวังแล้วล่ะ พ่อฉันก็นิสัยแบบนี้แหละ ฉันทำเต็มที่แล้ว” วรันธรกล่าว

รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร เขายังไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่หล่อหลอมมาหลายปีของคนที่นี่ได้

“คุณรพี เชิญ….คุณตามฉันมาหน่อย” วรันธรกล่าว

รพีพงษ์ก็เอะใจ “คุณจะทำอะไรครับ?”

“ถึงแม้วันนี้จะไม่สำเร็จดั่งหวัง แต่คุณก็ยังทำตามในสิ่งที่เราตกลงกันไว้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ควรจะทำตามข้อตกลงที่ฉันเคยบอกไว้ เชิญคุณตามฉันมาเลย” วรันธรพูด แล้วก็หันหลังเดินออกไป

รพีพงษ์ก็ตามไป ดูเหมือนว่า วรันธรคิดจะให้ผลทิพย์แก่เขาแล้ว

ในตอนนี้ พชรและนรียาก็อยู่ข้างๆ พอเห็นพวกรพีพงษ์เดินออกไป พชรก็เอ่ยขึ้นมา “น้องพี่ พี่สงสัยไอ้สองคนนี้มันแปลกๆ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับผลทิพย์ ตอนนี้พี่บาดเจ็บหนัก น้องไปดูหน่อยแล้วกัน”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูพยุงพี่ไปพักผ่อนในห้องก่อนแล้วกัน”

“ไม่ต้องๆ รีบตามไปเลย อย่าให้คลาดสายตา” พชรพูดอย่างร้อนรน ตอนนี้ แผนการที่จะสู่ขอวรันธรก็ล้มเหลว อย่างนั้น การได้ผลทิพย์มาครอบครองคือสิ่งที่เขาสนใจ ต่อให้มีหวังเล็กๆ เขาก็อยากจะลองดูสักตั้ง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท