พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1336 แล้วพบกันใหม่ธีรพัฒน์

บทที่ 1336 แล้วพบกันใหม่ธีรพัฒน์

การที่จะเข้าสู่ดินแดนเทพได้ นั้นก็หมายความว่า รพีพงษ์ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้นแล้ว

และครั้งล่าสุดที่เห็นรพีพงษ์ เขายังอยู่แค่แดนดั่งเทพชั้นยอดเท่านั้น แต่เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือน เขาก็สามารถเข้าสู่แดนเทพได้ มันช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน

สิ่งที่ควรรู้ก็คือ ทั้งชีวิตของยอดฝีมือแดนดั่งเทพมากมายจะสามารถไปถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดเท่านั้น

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ ทั้งที่รพีพงษ์ยังหนุ่มยังแน่น เขาก็ได้พัฒนามาถึงระดับนี้แล้ว ฉะนั้นในอนาคตของเขา เขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน

ในขณะนี้ หงส์ที่กำลังยืนมองรพีพงษ์ อยู่นั้น เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของเธออย่างไรแล้ว

ถ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่ซีเป่ย เธอยังคงรู้สึกไม่พอใจสำหรับรพีพงษ์ที่ใช้อำนาจมากดดันเธอ แต่ในตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่ามีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโตได้

“น่าเสียดายจริงๆ ที่ในเวลานั้นเราไม่สามารถชนะใจเขาได้”

เต่าพูดด้วยเสียงเบาๆ

หงส์มองไปที่เต่าแล้วกระซิบพูดเบาๆ “คนอย่างเขาจะถูกผู้หญิงทั่วไปชนะใจได้ไงล่ะ แต่ฉันอยากเจอภรรยาเขาสักครั้งจริงๆ นะ อยากรู้ว่าต้องเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคแค่ไหนถึงจะมัดใจผู้ชายอย่างรพีพงษ์ได้”

ด้านบนเวที ธัชธรรมในขณะนี้รู้สึกตกใจมากกว่าคนอื่นๆ ในห้องประชุม

จนกระทั่งตอนนี้ เขายังอ้าปากค้างอยู่

ในฐานะที่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเทพ เขารู้ว่าการที่จะก้าวเข้าสู่แดนเทพนั้นยากแค่ไหน แล้วทำไมดูเหมือนรพีพงษ์จะผ่านไปได้ง่ายดายขนาดนี้

ดูเหมือนว่าในขณะนี้รพีพงษ์จะเดาใจธัชธรรมได้ เขาจึงยิ้มพูดว่า “ความจริงแล้วโชคชะตาก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมสามารถเข้าสู่แดนเทพได้นะครับ”

ธัชธรรมพยักหน้า เขารู้ว่าโชคชะตาเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้พัฒนาไปอีกขั้นได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่เช่นนั้น ต่อให้โอกาสจะอยู่แค่ตรงหน้า เขาก็ไม่อาจไขว่คว้าไว้ได้

“ไปกันเถอะ เราไปหลังเขากัน”

รพีพงษ์พูดกับธัชธรรม

ธัชธรรมพยักหน้าและออกจากที่นี่ไปพร้อมกับรพีพงษ์

ภายในกระท่อมบนยอดเขา มีทางลัดไปยังใจกลางของภูเขา รพีพงษ์จำได้ว่าครั้งที่เขาได้พบกับธีรพัฒน์ เขาได้เข้าไปยังเส้นทางนี้ และจะถึงใจกลางของภูเขา

แต่ในครั้งนี้ ที่เป้าหมายหลักของรพีพงษ์ไม่ใช่เส้นทางนี้ แต่เป็นทางที่เชื่อมที่ไปยังทวีปโอชวิน

ทันทีที่มาถึงใจกลางภูเขา รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงของคนชราคนหนึ่ง

“ศิษย์น้องรพีพงษ์ ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้”

เป็นเสียงของธีรพัฒน์ ซึ่งเขาสามารถสัมผัสได้ว่าหลินซั่วหยางและคนอื่นๆ กำลังเข้ามาหาเขาที่นี่

คนภายนอกอาจจะได้ยินเสียงของธีรพัฒน์นั้นหนักแน่นมาก แต่ในเสียงที่หนักแน่นของธีรพัฒน์นั้น รพีพงษ์สามารถสัมผัสถึงเสียงที่อ่อนแรงของเขา

“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ผมขอโทษที่มาช้าและทำให้ท่านต้องลำบากครับ”

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

คนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงของรพีพงษ์ก็รู้ว่าเสียงของเขานั้นหนักแน่นกว่าเสียงของธีรพัฒน์มาก

“ไม่เป็นไรหรอก ที่ข้าอดทนรอถึงวันนี้ได้ ก็เพราะข้ารู้เจ้าจะมาหาข้าอย่างแน่นอน เห็นไหม ข้ารอจนกว่าเจ้ามาถึงจนได้!” ธีรพัฒน์ยิ้มอย่างจริงใจ

รพีพงษ์ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และเดินตามเสียงของธีรพัฒน์จนไปถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง

เมื่อไปถึงยอดเขาแล้ว รพีพงษ์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์……”

รพีพงษ์มองไปที่ร่างของธีรพัฒน์ที่สามารถมองทะลุได้ ในขณะนั้นเขารู้สึกใจหายมาก

ครั้งก่อนในตอนที่ต่อสู้กับโจซี่ หากธีรพัฒน์ไม่ได้มาทันเวลาและช่วยชีวิตเขาไว้ เกรงว่าตัวเขาในตอนนี้คงกลายเป็นศพไปแล้ว

ในเวลานั้นเองธีรพัฒน์ดูไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย หลังจากที่ธีรพัฒน์ช่วยชีวิตเขากับอารียาไว้ ธีรพัฒน์ตัดสินใจว่าจะกลับไปพักฟื้นที่กลุ่มสิงโต แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องเจอกับเรื่องนี้อีก

“รพีพงษ์ดีแล้วที่เจ้ามาถึง เจ้าดูนั่นสิ”

รพีพงษ์เงยหน้าแล้วมองไปยังทิศทางที่ธีรพัฒน์ชี้

ระลอกคลื่นเกิดขึ้นกลางอากาศ ซึ่งเป็นระลอกคลื่นที่ก่อตัวเป็นพายุหมุนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

ทางเชื่อมนี้มันใหญ่กว่าทางเชื่อมที่ธัชธรรมค้นพบในครั้งที่แล้วเป็นหลายเท่าตัว หลังจากนั้นรพีพงษ์ได้ปล่อยจิตวิญญาณเทพออกมา และเขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ผนึกบนเส้นทางนี้กำลังถูกคนทำลายอย่างต่อเนื่อง

เพราะเหตุนี้ ถึงต้องการแดนเทพอีกคนที่แข็งแกร่งเท่าธีรพัฒน์มาปิดผนึกนี้ใหม่ บางทีอาจจะช่วยชะลอการพังทลายของผนึกนี้ และอาจยึดเวลาของการมาคุกคามของชาวทวีปโอชวินได้

เพียงแต่ว่า พลังของธีรพัฒน์คนเดียวมันอาจจะไม่พอ

“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ครับ ต้องใช้วิธีไหนถึงจะปิดผนึกนี้ได้ครับ?” รพีพงษ์ถามอย่างตรงไปตรงมา

ธีรพัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ง่ายๆ แค่ต้องนำพลังจิตวิญญาณเข้าไปในทางเชื่อมนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทางเชื่อมนี้ถูกผนึกด้วยจอมมารชูร่า ดังนั้นเราต้องใช้พลังจิตวิญญาณในการเข้าควบคุมผนึกนี้ และทำให้ผนึกกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้”

รพีพงษ์พยักหน้า แม้ธีรพัฒน์จะพูดเหมือนง่าย แต่ถ้าให้ทำจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน

ก่อนอื่น ในบรรดากลุ่มสิงโต พลังจิตวิญญาณของพวกเขายังไม่เคยถูกปลุกให้ตื่น อีกทั้งยังอ่อนแอมาก ต่อให้เป็นธัชธรรมก็ไม่อาจปิดผนึกของเส้นทางนี้ได้อย่างสมบูรณ์

คงไม่ต้องพูดถึงทางเชื่อมขนาดใหญ่นี้ยังถูกปิดผนึกโดยจอมมารชูร่ามาก่อน

สำหรับผนึกที่สร้างขึ้นโดยจอมมารชูร่า ในเวลานับร้อยปีนี้แม้แต่ทวีปโอชวินก็ไม่อาจทำลายมันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผนึก

“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ครับ ท่านพักผ่อนก่อนเลย ส่วนที่เหลือฝากให้ผมเลยครับ”

จากนั้น รพีพงษ์จึงมานั่งข้างๆ ธีรพัฒน์ ด้วยสายตาที่แน่วแน่

“รพีพงษ์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถรับมือได้นะ เจ้าไม่ควรใช้พลังจิตวิญญาณโดยเปล่าประโยชน์ มิฉะนั้น ถ้าหากทวีปโอชวิน……”

ธีรพัฒน์ยังไม่ทันพูดจบ แต่ทันใดนั้น ธีรพัฒน์และคนอื่นๆ ก็สัมผัสถึงพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่ถูกแผ่ออกมาจากร่างของรพีพงษ์

รพีพงษ์มาพร้อมกับพลังจิตวิญญาณตื่นจากการหลับใหล และเขายังควบคุมพลังจิตวิญญาณของตัวเองได้ดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

แต่สิ่งที่ทำให้ธีรพัฒน์ประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พลังจิตวิญญาณที่รพีพงษ์แผ่ออกมานั้น มันแตกต่างจากคนทั่วไปมาก

รพีพงษ์รู้ดี นั่นเป็นเพราะว่าเขาใช้วิชาดูดวิญญาณดูดซับพลังทิพย์จำนวนมากตั้งแต่อยู่ในป่าหมอก

ในเวลานี้ พลังทิพย์ที่รุนแรงของเขาค่อยๆ สงบลง จากนั้นมันก็รวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณของเขาอย่างช้าๆ

ดังนั้นการปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์ในวันนี้ พลังเทพของเขาก็ถูกแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

ในไม่ช้า พลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์ก็ปกคลุมไปทั่วทางเชื่อมนี้ และเขายังสามารถรับรู้ถึงผนึกของจอมมารชูร่าที่เคยปลูกไว้ในสมัยก่อนอีกด้วย

ธีรพัฒน์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจและพูดอย่างงุนงงว่า “รพีพงษ์ หรือว่าเจ้า ไปถึงแดนเทพแล้ว?”

รพีพงษ์ในตอนนี้กำลังใช้สมาธิ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ธัชธรรมที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ช่วยเขาตอบ “ใช่แล้วครับท่านอาจารย์ รพีพงษ์ถึงแดนเทพแล้ว”

เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของธัชธรรม ธีรพัฒน์ที่กลายเป็นวิญญาณอีกครั้งก็มองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาด้วยความประทับใจ จากนั้นหัวเราะออกมาดังๆ

“ฮ่า ๆ ตาแก่อย่างข้าอยู่บนโลกนี้มาหลายร้อยปี ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้พบอัจฉริยะคนปัจจุบันแล้ว ถ้ามีเขาคนนี้อยู่ทั้งคน เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวทวีปโอชวินอีก!”

“ท่านอาจารย์ครับ ท่านลงมาพักก่อนเถอะ” ธัชธรรมพูด

ธีรพัฒน์ปล่อยพลังจิตวิญญาณอีกครั้ง และเขาสัมผัสได้ว่าความเร็วในการปิดผนึกของรพีพงษ์นั้น เร็วและแม่นยำกว่าเขามาก

“อ้อ ข้าควรต้องพักผ่อนจริงๆ แล้วล่ะ” ธีรพัฒน์พูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง

นับตั้งแต่วันที่ค้นพบสิ่งผิดปกติของทางเชื่อมแห่งนี้ ธีรพัฒน์ได้ทำการซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องมาสามวันแล้ว ซึ่งในระยะเวลาสามวันนนี้เป็นการทดสอบพลังครั้งยิ่งใหญ่ขอเขาจริงๆ

“ธัชธรรม ข้าคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ” ธีรพัฒน์พูดด้วยเสียงที่อ่อนล้า “แต่ว่า ถ้ารพีพงษ์สามารถรับช่วงของเขาข้าต่อได้ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้ว”

“ท่านอาจารย์ครับ!”

ธัชธรรมพูดด้วยความเศร้า “มันเป็นความผิดของผมเองครับ ที่ยังอยู่แดนเทพครึ่งก้าวมาตลอด ผมไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ ไม่เช่นนั้น ผมก็คงแบ่งเบาภาระของท่านอาจารย์ได้”

“พอเถอะ เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มีกี่คนที่ต้องอิจฉาความแข็งแกร่งของเจ้า และข้าก็พอใจในตัวเจ้าแล้ว” ธีรพัฒน์พูด

หลังจากนั้น ธัชธรรมรู้สึกได้ว่าลมหายใจของธีรพัฒน์ยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท