พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1337 ทุ่มสุดตัว

บทที่ 1337 ทุ่มสุดตัว

“ท่านอาจารย์!”

ธัชธรรมตะโกนเรียก เมื่อผู้คนโดยรอบในสำนักเห็นคนในตำนานอย่างธีรพัฒน์เป็นอย่างนี้ ทุกคนต่างตื่นตระหนกกันหมด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรอบทำให้รพีพงษ์รู้สึกใจหายด้วยเช่นกัน

เมื่อตอนที่เขากำลังฟื้นฟูผนึกของจอมมารชูร่านั้น เขารู้สึกได้ว่าอีกด้านของช่องทางนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทวีปโอชวิน ได้มีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าของเขากำลังทำลายผนึกอย่างต่อเนื่อง

อันที่จริง แม้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังไม่ได้พบกัน แต่การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์กับฝั่งของทวีปโอชวินนั้นได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้แล้ว!

แต่ รพีพงษ์รู้ดีว่าภายในห้าวันนี้ผนึกของช่องทางนี้จะถูกเปิดออกอย่างแน่นอน

“ไม่ได้ เราต้องหาวิธีแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด!”

รพีพงษ์คิดในใจ ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขาอยู่เกาะต่างประเทศ นรเศรษฐ์ได้มอบยาวิเศษที่มีผลต่อจิตวิญญาณที่ถูกทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านพลังจิตวิญญาณ

จากนั้นเขาก็เกิดความคิดบางอย่างและมองไปที่ธีรพัฒน์อย่างมีความหวัง

ซึ่งในขณะนี้ ธีรพัฒน์อ่อนแอกว่าครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์ได้พบกับเขา!

รพีพงษ์ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาลืมเรื่องผนึกไปก่อนและนำกล่องเล็กๆ ออกมากล่องหนึ่ง

ซึ่งกล่องนี้เขาแย่งมาจากมือของนรเศรษฐ์ในเกาะต่างประเทศ ด้านในกล่องจะมียาเม็ดสีดำอยู่หกเม็ด

“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ครับ ท่านกินยานี้เข้าไปก่อนหนึ่งเม็ดครับ”

รพีพงษ์พูดและคิดในใจว่า ในตอนนี้ธีรพัฒน์ก็เป็นวิญญาณ ซึ่งยานี้ที่ทำขึ้นโดยพลังจิตวิญญาณอาจมีประโยชน์ต่อเขาเองก็ได้

ธีรพัฒน์ที่อ่อนแอมองไปที่ยาเม็ดสีดำที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ ด้วยความประหลาดใจมาก

“นั่นมัน……เจ้าได้มาอย่างไร?”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของธีรพัฒน์แล้ว เขาก็รู้ว่าธีรพัฒน์น่าจะรู้ที่มาของยานี้ด้วยเหมือนกัน

หลังจากรับยามาจากรพีพงษ์แล้ว ธีรพัฒน์ก็กลืนมันลงไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรอีก

ทุกคนมองด้วยความสงสัยและตั้งตารอดูผลที่จะเกิดขึ้น

ซึ่งพวกเขาต่างก็ไม่เคยเห็นยาสีดำแบบนี้มาก่อนเลย แล้วทำไมธีรพัฒน์ถึงกลืนยาลงไปโดยไม่คิดอะไรเลยล่ะ?

แต่ทันใดนั้น ร่างกายของธีรพัฒน์ก็เปลี่ยนไป

รพีพงษ์และทุกคนเห็นว่าวิญญาณที่อ่อนแอของเขาได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และพลังของเขาก็ค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ธีรพัฒน์ที่ดูอ่อนล้าในก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ฟื้นคืนพลังกลับมาอีกครั้ง

“อัศจรรย์มาก!”

“นี่มันคือยาอะไร ทำไมมันถึงมีผลอัศจรรย์เช่นนี้!”

“เจ้าสำนัก ท่านช่างเก่งจริงๆ ยังมีพลังวิเศษแบบนี้ด้วยเหรอ!”

ทุกคนต่างก็พูดถึงมัน

แต่รพีพงษ์กลับขมวดคิ้วอย่างเงียบๆ ในความคิดของเขา นรเศรษฐ์ที่เป็นหุ่นเชิดหลังจากกินยานี้เข้าไป ร่างกายของเขาก็ดูไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไปเลย

แต่ตอนนี้ แม้ว่าพลังของธีรพัฒน์จะเพิ่มขึ้น รวมไปถึงพลังจิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนที่ยังเป็นเนื้อหนังอยู่

“รพีพงษ์ ขอบคุณเจ้ามากนะ” ธีรพัฒน์พูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ผมเคยเห็นประสิทธิภาพของยาเม็ดนี้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าท่านจะยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์เลยครับ” รพีพงษ์พูดอย่างตรงไปตรงมา

ธีรพัฒน์พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “การสร้างร่างใหม่เป็นเรื่องที่ยากมาก เท่าที่ข้ารู้ มีเพียงแค่ทวีปโอชวินเท่านั้นที่มีวิชาลับนี้ อีกทั้งยาเม็ดภูติผีพวกนี้ ดูเหมือนซ่อมแซมร่างกายฝ่ายเนื้อหนังได้จริง แต่มันไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้นหรอกนะ”

“ยาเม็ดภูติผี?” รพีพงษ์มองไปที่เม็ดยาสีดำที่เหลืออยู่ และถามด้วยความสงสัย

“ใช่ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ยาเม็ดพวกนี้เจ้าน่าจะได้มาจากคนของทวีปโอชวินนะ” ธีรพัฒน์พูด “เมื่อสองร้อยปีก่อน ในทวีปโอชวินเคยมีนักหลอมโอสถวิญญาณที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง ซึ่งยาเหล่านี้ก็น่าจะเป็นผลงานของเขา”

รพีพงษ์พยักหน้า “ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ทำไมยาเม็ดนี้ถึงไม่มีผลอะไรมากมายกับท่านเลยครับ?”

“แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว เพราะข้าก็เป็นแดนเทพเหมือนกันนะ ฉะนั้นยาเม็ดสำหรับข้าแล้วมันต้องมีขีดจำกัดในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน”

รพีพงษ์เข้าใจว่า นรเศรษฐ์เป็นเพียงหุ่นเชิดของแดนดั่งเทพชั้นยอด ดังนั้นยาเม็ดนี้จึงเพิ่มประสิทธิภาพให้เขาได้มาก แต่ธีรพัฒน์นั้นอยู่ในแดนเทพมานานแล้ว และยังอยู่ในแดนเทพขั้นกลางอีกด้วย

ฉะนั้นฝีมือในระดับนี้ และยาเม็ดภูตผีสามารถทำให้วิญญาณของเขากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งก็ดีแค่ไหนแล้ว

ของที่เหมือนกัน แต่ใช้กับคนที่แตกต่างกัน ผลที่ได้มันก็ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว

“ข้าสามารถฟื้นจากห้วงเวลาที่อ่อนแอได้ แค่นี้ข้าก็พอใจมากแล้ว” ธีรพัฒน์พูดต่อ “เราลุยกันต่อดีกว่า”

ด้วยเหตุนี้ ธีรพัฒน์ตัดสินใจจะซ่อมแซมผนึกเส้นทางนี้อีกครั้ง

“ไม่ครับ” รพีพงษ์ปฏิเสธ

เขารู้ว่า ถ้าธีรพัฒน์กลับไปปิดผนึกอีกครั้ง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะกลายเป็นเหมือนเดิมอีก

“โลกของเราจำเป็นต้องมีผู้แข็งแกร่งเช่นท่านนะครับ ดังนั้นถ้ามีผมอยู่ทั้งคน ผมจะไม่ยอมปล่อยให้วิญญาณของท่านถูกทำลายอย่างแน่นอนครับ”

รพีพงษ์มองไปที่ธีรพัฒน์แล้วพูดอีกครั้ง “ท่านธีรพัฒน์ครับ ก่อนหน้านี้ท่านเคยช่วยชีวิตผม และท่านเคยช่วยชีวิตภรรยาของผมโดยที่ไม่คำนึงถึงร่างกายของท่านเลย ฉะนั้น วันนี้ถึงเวลาที่ผมจะตอบแทนพระคุณของท่านแล้วครับ”

จากนั้น รพีพงษ์ก็นำยาเม็ดภูตผีออกมาอีกครั้ง “ทานอีกเม็ดนะครับ”

“หือ?”

ธีรพัฒน์พูดด้วยความประหลาดใจ “รพีพงษ์ เจ้ารู้หรือไม่ว่ายาพวกนี้มันล้ำค่าแค่ไหน? และข้าก็คิดว่าทั้งโลกใบนี้คงเหลือแค่ห้าเม็ดนี้แล้วล่ะ”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ “ยาพวกนี้มันล้ำค่าก็จริงครับ แต่ในความหมายเดียวกัน บนโลกใบนี้ก็ไม่สามารถหาธีรพัฒน์คนที่สองได้อีกแล้วเช่นกันครับ”

ธีรพัฒน์มองไปที่รพีพงษ์ จากนั้นไม่กี่วินาที รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเขา

“ฮ่า ๆ เจ้าพูดถูกนะ ข้าอยู่บนโลกมาหลายร้อยปีแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีข้าคนที่สองในโลกใบนี้อีก ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะไม่เกรงใจอีกแล้วนะ ขอบคุณเจ้ามาก”

เมื่อพูดจบ ธีรพัฒน์ก็หยิบยาเม็ดขึ้นมาเม็ดหนึ่งและกินมันลงไป ซึ่งในครั้งนี้ ร่างกายของธีรพัฒน์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เนื้อหนังของเขาก็ค่อยๆ เห็นได้ชัดขึ้น

รพีพงษ์และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกดีใจมาก

ผลของยาสองเม็ดนี้ ดูเหมือนจะเห็นผลมากกว่าไม้เทพเพลิงอาทิตย์จริงๆ

“ผมว่า ทานอีกสักเม็ดไหมครับ?” รพีพงษ์พูด เขาอยากรู้ว่าถ้ากินยานี้เข้าไปสามเม็ด ไม่แน่ธีรพัฒน์อาจจะกลับมาเป็นขั้นสุดยอดอีกครั้งก็ได้

แต่ครั้งนี้ ธีรพัฒน์กลับส่ายหัวตอบ “รพีพงษ์ ยาเม็ดภูตผีนี้ ต่อให้ข้ากินมากกว่านี้มันก็มีผลเท่ากัน มันจะไม่เกิดผลอะไรมากไปกว่านี้แล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็กลับไปเป็นเหมือนตอนที่ดูดซับพลังของไม้เทวดา แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”

ในตอนนี้ รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาก็รู้ว่าการที่ใช้ยามากเกินขนาด ท้ายที่สุดแล้วมันก็จะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายอย่างแน่นอน

“รพีพงษ์ เรามาเริ่มกันเลย”

ธีรพัฒน์พูด และสีหน้าของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

รพีพงษ์พยักหน้า และมือกับธีรพัฒน์

ในชั่วพริบตา พลังจิตวิญญาณอันทรงพลังก็แผ่ออกมาจากร่างของธีรพัฒน์ และทุกคนต่างก็ประหลาดใจมาก

แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว แม้จิตวิญญาณเทพจะถูกปลุกให้ตื่นพร้อมกับพลังเทพ แต่พลังของเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าธีรพัฒน์เลย

ด้วยพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งของทั้งสอง จึงเพียงพอที่จะหาผนึกที่ถูกทำลายและซ่อมแซมผนึกด้วยพลังจิตวิญญาณที่ถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น

ส่วนธัชธรรมและคนอื่นๆ ในสำนัก เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่คาดคิด เพราะสถานการณ์แบบนี้พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยจริงๆ

“ท่านธัชธรรม สำหรับหมอนี่แล้ว ผมว่าคุณเลือกถูกคนเลยจริงๆ นะครับ” ตปธนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น

ธัชธรรมมองไปที่ตปธนและพูดว่า “นั่นสิ การที่รับเขาเข้ามาในกลุ่มสิงโตของเรา และปล่อยให้เขาได้ปกป้องโลกของเรา คงเป็นการตัดสินใจที่ประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตของข้าแล้วล่ะ”

ตปธนเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดเบาๆ ว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ผมว่าเราน่าจะยื้อเวลาของฝั่งทวีปโอชวินได้อีกสักพักเลยล่ะ”

“เอิ่ม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ แค่ท่านอาจารย์คนเดียวอาจจะยื้อได้ไม่นานจริงๆ แต่ตอนนี้มีรพีพงษ์แล้ว ผมว่าทุกอย่างมันก็ดีขึ้น อีกอย่างคนของทวีปโอชวินคงไม่สามารถข้ามมาได้ภายในเร็วๆ นี้หรอกนะ” ธัชธรรมพูด

ขณะที่ทุกคนรู้สึกโล่งใจอยู่นั้น ในทันใดนั้น ธีรพัฒน์กับรพีพงษ์ทั้งสองก็ขมวดคิ้วและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน

ส่วนธัชธรรม ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่เหลืออยู่ก็พบเห็นสิ่งผิดปกติได้ในทันที

“พวกสารเลวทวีปโอชวิน ดูเหมือนว่าพวกมันจะเพิ่มความเสียหายให้กับช่องทางอีกครั้งแล้ว!”

ธีรพัฒน์กัดฟันพูด

ซึ่งในขณะนี้ เขากับรพีพงษ์สัมผัสถึงสิ่งผิดปกติได้ในเวลาเดียวกัน ผนึกที่กำลังจะซ่อมแซมให้เสร็จอย่างราบรื่นในก่อนหน้านี้ได้ถูกคนของทวีปโอชวินเร่งทำลายอีกครั้งแล้ว ที่มากไปกว่านี้คือ ความเร็วในการทำลายล้างของพวกเขามันมากกว่าความเร็วในการฟื้นฟูของรพีพงษ์กับธีรพัฒน์

ถ้าขืนเป็นแบบนี้ คงไม่ต้องรอให้ซ่อมผนึกเสร็จ คนของทวีปโอชวินอาจจะทะลวงช่องทางมาได้ก่อนแน่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท