เนื่องจากจิตวิญญาณเทพของทั้งแปดคนนี้ได้รวมตัวกันเพื่อปะทะกับจิตวิญญาณเทพของธีรพัฒน์กับธัชธรรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นพลังที่รอดผ่านมานี้
ซึ่งรพีพงษ์ได้ใช้ช่องว่างดังกล่าวเพื่อรวมจิตวิญญาณเทพของเขาเข้ากับกระบี่สยบเซียนและส่งตรงไปยังจุดสิ้นสุดของช่องทางนี้
ทันใดนั้น ปลายทางเชื่อมของทวีปโอชวินก็มีแสงสีทองส่องประกายขึ้น
กระบี่สยบเซียนพุ่งตรงออกมา
“นี่มัน!”
จิรกิตติ์เบิกตากว้างและเดินถอยหลังไปทันที
“พี่ใหญ่ครับ นี่มันอาวุธของไอ้หมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ ของมันจริงๆ บาดแผลกลางอกของข้าถูกแทงด้วยดาบเล่มนี้!”
“หรือว่า จอมมารชูร่า……ยังไม่ตาย?”
คำพูดของชลิตทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
ดวงตาของจิรกิตติ์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่ใช่เป็นเพราะความน่ากลัวของกระบี่สยบเซียนเล่มนี้ แต่เป็นเจ้าของดาบมากกว่า เพราะจอมมารชูร่าเคยทำอะไรกับพวกเขา จิรกิตติ์จำได้ดี
และเป็นเพราะชื่อเสียงจอมมารชูร่าจึงทำให้สองร้อยปีที่ผ่านมานี้ ทางฝั่งของจิรกิตติ์ไม่กล้าคิดจะโจมตีโลกอีกเลย
“ตอนนี้เข้าใจแล้ว ข้าถึงว่าทำไมจู่ ๆ บนโลกถึงมีแดนเทพเพิ่มขึ้นแบบนี้ ต้องเป็นจอมมารชูร่า วิญญาณของเขายังไม่ได้แตกสลายแน่เลย!”
ชลัชพูดอย่างเสียงดัง
เงามืดที่เหมือนกับสองร้อยปีก่อนได้ปกคลุมทวีปโอชวินอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เพื่อความปลอดภัยของตน จิรกิตติ์จึงพูดขึ้นทันทีว่า “ทุกคนถอยกลับไปที่สำนักก่อน!”
และในขณะนี้ แสงสีทองของกระบี่สยบเซียนก็หายไปจากทวีปโอชวิน ถ้าพวกเขาตั้งใจสังเกต พวกเขาจะพบว่ากระบี่สยบเซียนเล่มนี้จะแตกต่างกับกระบี่สยบเซียนของจอมมารชูร่า
เพียงแต่ว่าอำนาจของจอมมารชูร่านั้นน่ากลัวเกินไป แค่กระบี่สยบเซียนเล่มเดียวก็สามารถทำให้คนของทวีปโอชวินกลัวจนถอยกลับไป
จอมมารชูร่าก็คือฝันร้ายของพวกเขา
หลังจากจิตวิญญาณเทพของทั้งแปดถูกถอนออก ทางฝั่งของธีรพัฒน์ก็สัมผัสได้ทันที
และเมื่อกระบี่สยบเซียนถูกดึงกลับไป รพีพงษ์ก็ลืมตาขึ้น
“ยังไม่สายเกินไป เรารีบซ่อมผนึกให้เสร็จ!”
รพีพงษ์พูดอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้คนของทวีปโอชวินกลัวกระบี่สยบเซียนจนถอยกลับไปแล้ว แต่เรื่องที่พวกเขาจะพบว่ากระบี่สยบเซียนเล่มนี้ไม่ได้เป็นของจอมมารชูร่านั้น เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ขอเพียงพวกเขาถามนีย์ ความจริงก็จะปรากฏ
ด้วยเหตุนี้ ทางฝั่งของรพีพงษ์จึงต้องรีบฉวยโอกาสนี้เพื่อซ่อมแซมผนึกให้เสร็จ
หลังจากไม่มีพลังของแดนเทพทั้งแปดคอยกีดขวาง ความเร็วในการซ่อมผนึกก็เร็วขึ้น
ทั้งสามสลับกันซ่อมแซมไปจนถึงเที่ยงคืนของวันนั้น และในที่สุดช่องทางก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะถูกโจมตีแล้ว
ทวีปโอชวินในเวลานี้
เจ้าทวีปจิรกิตติ์นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทุกคนที่อยู่ใต้บัลลังก์ต่างก็ใจหายกันหมด
เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะฝ่าช่องทางนี้ไปให้ได้ แต่หลังจากการปรากฏขึ้นของกระบี่สยบเซียน ซึ่งทำให้ทุกคนตระหนักถึงวิญญาณของจอมมารชูร่าที่อาจจะยังไม่ได้สลายไป
จิรกิตติ์เองก็ไม่อยากให้หนังม้วนเดิมของสองร้อยปีที่แล้วต้องฉายขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าทวีปครับ ข้าว่าเรื่องนี้เราต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งนะครับ”
ชลิตพูด
“ใช่ครับ เจ้าทวีป กระบี่สยบเซียนเป็นของจอมมารชูร่าก็จริง แต่พักหลังมานี้ ข้ารู้สึกว่าพลังของกระบี่สยบเซียนไม่เหมือนเดิมเลยนะครับ”
ชลัชพูด
“เหอะ ตอนนี้พวกเจ้ารู้ดีจริงๆ เลยนะ ทำไมไม่พูดตอนอยู่ที่ในทางเชื่อม?” จิรกิตติ์มองไปที่น้องชายด้วยสายตาที่เฉียบคม
ชลัชได้แต่ก้มหน้าลง เขาเป็นคนเกรงกลัวพี่ชายมาตลอด และเมื่อถูกจิรกิตติ์จ้องเขาด้วยสายตาแบบนี้ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
จิรกิตติ์กวาดมองไปที่ทุกคนในห้องและพูดว่า “ข้าคิดว่าพลังการต่อสู้ของจอมมารชูร่าเราทุกคนจำกันได้ดี ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ถูกขับไล่มาที่ทวีปโอชวิน และกระบี่สยบเซียนในวันนี้ทุกคนก็ได้เห็นกับตาแล้ว ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เราต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าจอมมารชูร่ายังมีชีวิตอยู่!”
ทุกคนที่อยู่ในใต้บัลลังก์ต่างก็มองหน้ากันและไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เลย
พวกเขาทุกคนไม่กล้าคิดเลยว่าจอมมารชูร่านั้นได้ตายไปแล้ว เพราะผู้คนในนี้ไม่เคยมีใครไปบนโลกมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้
“เจ้าทวีปครับ ตอนนี้ทางทวีปโอชวินของเรา มีเพียงคุณหนูน้อยเท่านั้นที่เคยใช้เวลาอยู่บนโลกนานที่สุด ผมคิดว่าคุณหนูน้อยน่าจะรู้เรื่องนี้มากกว่าพวกเราทุกคนนะครับ”
เมฆก้าวออกมาพูด
“ใช่ เราลองถามนีย์เอ๋อร์ดู บางทีเธออาจเคยเห็นกระบี่สยบเซียนนี้มาก่อนก็ได้นะครับ!” ชลัชรีบพูดขึ้น
จิรกิตติ์สีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นพยักหน้าแล้วพูดกับทหารรักษาการณ์ที่อยู่ข้างๆ เขา “ไป เชิญคุณหนูน้อยมาที่”
แต่ก่อนที่ทหารรักษาการณ์จะออกไป ชาคริตหยุดเขาไว้ “เจ้านายครับ คุณหนูน้อยเพิ่งฟื้นจากเศษวิญญาณกลับสู่เนื้อหนังนะครับ ตอนนี้ท่านต้องการพักผ่อน คงขยับตัวไปไหนไม่ได้ครับ กระผมว่าเราไปหาคุณหนูน้อยที่หอสว่างจันทร์จะดีกว่านะครับ”
“ใช่ครับท่านเจ้าทวีป หอสว่างจันทร์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เราไปหาคุณหนูน้อยน่าจะสะดวกกว่านะครับ”
เมฆก็พูดเช่นเดียวกัน
“พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่!”
ชลัชพูดด้วยอารมณ์ “พี่ใหญ่ข้าจะทำยังไง พวกเจ้ามีสิทธิ์มาสอนเหรอ? นีย์เป็นลูกสาวของพี่ชายข้า และยังเป็นคนของเจ้าทวีป ให้เธอมาที่นี่แล้วจะเป็นอะไร!”
“ข้าน้อยแค่เป็นห่วงสุขภาพของคุณหนูน้อยเท่านั้นครับ ข้าน้อยไม่มีเจตนาอื่นเลยครับ!”
ชาคริตรีบพูดขึ้น
“หรือว่าพวกเจ้าทั้งสองคิดว่าข้าไม่ได้เป็นห่วงสุขภาพของลูกสาวข้า?”
จิรกิตติ์พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าน้อยมิกล้าขอรับ!”
จิรกิตติ์มองไปที่ทั้งสอง “ช่างมันเถอะ ไหน ๆ ก็เป็นเช่นนี้แล้ว เราไปหานีย์ที่หอสว่างจันทร์ดีกว่า จะได้ไปดูอาการของเธอด้วย”
จากนั้นจิรกิตติ์ก็ลุกขึ้นและเตรียมจะไปหานีย์ที่หอสว่างจันทร์
ชลัชกับชลิตทั้งสองที่เดินตามจิรกิตติ์ก็มองไปที่เมฆกับชาคริตด้วยสายตาที่ดุดัน
ส่วนแดนเทพทั้งสองได้แต่ก้มหน้าและไม่กล้าสบตาชลัชกับชลิตเลย เพราะพวกเขารู้ว่าสามพี่น้องนี้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปโอชวิน
ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพราะฝีมือของสามพี่น้องนี้ได้อยู่ในแดนเทพขั้นพีคแล้ว!
ก่อนที่ทั้งสามจะเดินออกจากสำนัก แสงเงาที่งดงามปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า ธัญทิพย์ได้เข้ามาในสำนัก
“ท่านพ่อ ท่านกำลังจะไปไหนคะ?”
ธัญทิพย์ถามด้วยรอยยิ้ม
“อ้อ เรากำลังจะไปที่หอสว่างจันทร์ เพราะมีเรื่องจะถามน้องสาวเธอหน่อย”
จิรกิตติ์พูดอย่างตรงไปตรงมา
“ท่านพ่อคะ ท่านยุ่งอยู่ทั้งวันเพื่อทวีปโอชวิน แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้ว ทำไมยังอุตส่าห์จะไปหานีย์เอ๋อร์ถึงที่ด้วยคะ อีกอย่างเวลาของท่านพ่อมันมีค่ามากแค่ไหน!” ธัญทิพย์พูด
“เหอะ ทิพย์เข้าใจที่สุด ไม่เหมือนไอ้สองคนนี้”
ชลัชพูด
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ หลังจากที่เจ้ากลับมาก่อน ได้มีกระบี่สยบเซียนเข้ามาในทวีปโอชวินของเราผ่านช่องทางเชื่อมนั้น ตอนนี้พวกเราสงสัยอยู่ว่าจอมมารชูร่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พวกเราจึงคิดว่าลองไปถามนีย์ก่อนว่านางจะรู้เรื่องของกระบี่สยบเซียนไหม”
จิรกิตติ์พูด
สำหรับลูกสาวคนโตของเขาแล้ว เขาไม่เคยปิดบังเรื่องใดๆ เลย
ธัญทิพย์ยิ้มพูด “เรื่องแค่นี้เอง เอางี้ดีกว่า ท่านพ่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวข้าไปถามนีย์ให้เอง คุณพ่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปอีก”
“ได้สิ งั้นรบกวนเจ้าแล้วนะ” จิรกิตติ์พยักหน้าตอบ
“ไม่ได้รบกวนเลยค่ะ นี่เป็นหน้าที่ขององค์หญิงใหญ่ที่ต้องทำเพื่อทวีปโอชวินอยู่แล้ว”
จากนั้นธัญทิพย์ก็ออกไปจากที่นี่
เมื่อเห็นธัญทิพย์ออกไป ชลัชก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ครับ ทิพย์ดีจริงๆ เลยนะครับ ทั้งฉลาด ทั้งใจกว้าง อนาคตต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนครับ”
“ใช่ครับ ถ้าทิพย์เป็นผู้ชาย อนาคตฝีมือของนางคงต้องก้าวข้ามพวกเราอย่างแน่นอนครับ!”
ชลิตก็พูดอย่างเห็นด้วย
จิรกิตติ์รู้สึกชื่นใจและภาคภูมิใจในตัวของลูกสาวคนโตของเขาคนนี้มาก