พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1340 สำรวจกระบี่สยบเซียน

บทที่ 1340 สำรวจกระบี่สยบเซียน

เนื่องจากจิตวิญญาณเทพของทั้งแปดคนนี้ได้รวมตัวกันเพื่อปะทะกับจิตวิญญาณเทพของธีรพัฒน์กับธัชธรรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นพลังที่รอดผ่านมานี้

ซึ่งรพีพงษ์ได้ใช้ช่องว่างดังกล่าวเพื่อรวมจิตวิญญาณเทพของเขาเข้ากับกระบี่สยบเซียนและส่งตรงไปยังจุดสิ้นสุดของช่องทางนี้

ทันใดนั้น ปลายทางเชื่อมของทวีปโอชวินก็มีแสงสีทองส่องประกายขึ้น

กระบี่สยบเซียนพุ่งตรงออกมา

“นี่มัน!”

จิรกิตติ์เบิกตากว้างและเดินถอยหลังไปทันที

“พี่ใหญ่ครับ นี่มันอาวุธของไอ้หมอนั่นไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ ของมันจริงๆ บาดแผลกลางอกของข้าถูกแทงด้วยดาบเล่มนี้!”

“หรือว่า จอมมารชูร่า……ยังไม่ตาย?”

คำพูดของชลิตทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง

ดวงตาของจิรกิตติ์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่ใช่เป็นเพราะความน่ากลัวของกระบี่สยบเซียนเล่มนี้ แต่เป็นเจ้าของดาบมากกว่า เพราะจอมมารชูร่าเคยทำอะไรกับพวกเขา จิรกิตติ์จำได้ดี

และเป็นเพราะชื่อเสียงจอมมารชูร่าจึงทำให้สองร้อยปีที่ผ่านมานี้ ทางฝั่งของจิรกิตติ์ไม่กล้าคิดจะโจมตีโลกอีกเลย

“ตอนนี้เข้าใจแล้ว ข้าถึงว่าทำไมจู่ ๆ บนโลกถึงมีแดนเทพเพิ่มขึ้นแบบนี้ ต้องเป็นจอมมารชูร่า วิญญาณของเขายังไม่ได้แตกสลายแน่เลย!”

ชลัชพูดอย่างเสียงดัง

เงามืดที่เหมือนกับสองร้อยปีก่อนได้ปกคลุมทวีปโอชวินอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เพื่อความปลอดภัยของตน จิรกิตติ์จึงพูดขึ้นทันทีว่า “ทุกคนถอยกลับไปที่สำนักก่อน!”

และในขณะนี้ แสงสีทองของกระบี่สยบเซียนก็หายไปจากทวีปโอชวิน ถ้าพวกเขาตั้งใจสังเกต พวกเขาจะพบว่ากระบี่สยบเซียนเล่มนี้จะแตกต่างกับกระบี่สยบเซียนของจอมมารชูร่า

เพียงแต่ว่าอำนาจของจอมมารชูร่านั้นน่ากลัวเกินไป แค่กระบี่สยบเซียนเล่มเดียวก็สามารถทำให้คนของทวีปโอชวินกลัวจนถอยกลับไป

จอมมารชูร่าก็คือฝันร้ายของพวกเขา

หลังจากจิตวิญญาณเทพของทั้งแปดถูกถอนออก ทางฝั่งของธีรพัฒน์ก็สัมผัสได้ทันที

และเมื่อกระบี่สยบเซียนถูกดึงกลับไป รพีพงษ์ก็ลืมตาขึ้น

“ยังไม่สายเกินไป เรารีบซ่อมผนึกให้เสร็จ!”

รพีพงษ์พูดอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้คนของทวีปโอชวินกลัวกระบี่สยบเซียนจนถอยกลับไปแล้ว แต่เรื่องที่พวกเขาจะพบว่ากระบี่สยบเซียนเล่มนี้ไม่ได้เป็นของจอมมารชูร่านั้น เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว ขอเพียงพวกเขาถามนีย์ ความจริงก็จะปรากฏ

ด้วยเหตุนี้ ทางฝั่งของรพีพงษ์จึงต้องรีบฉวยโอกาสนี้เพื่อซ่อมแซมผนึกให้เสร็จ

หลังจากไม่มีพลังของแดนเทพทั้งแปดคอยกีดขวาง ความเร็วในการซ่อมผนึกก็เร็วขึ้น

ทั้งสามสลับกันซ่อมแซมไปจนถึงเที่ยงคืนของวันนั้น และในที่สุดช่องทางก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะถูกโจมตีแล้ว

ทวีปโอชวินในเวลานี้

เจ้าทวีปจิรกิตติ์นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทุกคนที่อยู่ใต้บัลลังก์ต่างก็ใจหายกันหมด

เดิมทีวันนี้ตั้งใจจะฝ่าช่องทางนี้ไปให้ได้ แต่หลังจากการปรากฏขึ้นของกระบี่สยบเซียน ซึ่งทำให้ทุกคนตระหนักถึงวิญญาณของจอมมารชูร่าที่อาจจะยังไม่ได้สลายไป

จิรกิตติ์เองก็ไม่อยากให้หนังม้วนเดิมของสองร้อยปีที่แล้วต้องฉายขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าทวีปครับ ข้าว่าเรื่องนี้เราต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งนะครับ”

ชลิตพูด

“ใช่ครับ เจ้าทวีป กระบี่สยบเซียนเป็นของจอมมารชูร่าก็จริง แต่พักหลังมานี้ ข้ารู้สึกว่าพลังของกระบี่สยบเซียนไม่เหมือนเดิมเลยนะครับ”

ชลัชพูด

“เหอะ ตอนนี้พวกเจ้ารู้ดีจริงๆ เลยนะ ทำไมไม่พูดตอนอยู่ที่ในทางเชื่อม?” จิรกิตติ์มองไปที่น้องชายด้วยสายตาที่เฉียบคม

ชลัชได้แต่ก้มหน้าลง เขาเป็นคนเกรงกลัวพี่ชายมาตลอด และเมื่อถูกจิรกิตติ์จ้องเขาด้วยสายตาแบบนี้ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก

จิรกิตติ์กวาดมองไปที่ทุกคนในห้องและพูดว่า “ข้าคิดว่าพลังการต่อสู้ของจอมมารชูร่าเราทุกคนจำกันได้ดี ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ถูกขับไล่มาที่ทวีปโอชวิน และกระบี่สยบเซียนในวันนี้ทุกคนก็ได้เห็นกับตาแล้ว ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เราต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าจอมมารชูร่ายังมีชีวิตอยู่!”

ทุกคนที่อยู่ในใต้บัลลังก์ต่างก็มองหน้ากันและไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เลย

พวกเขาทุกคนไม่กล้าคิดเลยว่าจอมมารชูร่านั้นได้ตายไปแล้ว เพราะผู้คนในนี้ไม่เคยมีใครไปบนโลกมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้

“เจ้าทวีปครับ ตอนนี้ทางทวีปโอชวินของเรา มีเพียงคุณหนูน้อยเท่านั้นที่เคยใช้เวลาอยู่บนโลกนานที่สุด ผมคิดว่าคุณหนูน้อยน่าจะรู้เรื่องนี้มากกว่าพวกเราทุกคนนะครับ”

เมฆก้าวออกมาพูด

“ใช่ เราลองถามนีย์เอ๋อร์ดู บางทีเธออาจเคยเห็นกระบี่สยบเซียนนี้มาก่อนก็ได้นะครับ!” ชลัชรีบพูดขึ้น

จิรกิตติ์สีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นพยักหน้าแล้วพูดกับทหารรักษาการณ์ที่อยู่ข้างๆ เขา “ไป เชิญคุณหนูน้อยมาที่”

แต่ก่อนที่ทหารรักษาการณ์จะออกไป ชาคริตหยุดเขาไว้ “เจ้านายครับ คุณหนูน้อยเพิ่งฟื้นจากเศษวิญญาณกลับสู่เนื้อหนังนะครับ ตอนนี้ท่านต้องการพักผ่อน คงขยับตัวไปไหนไม่ได้ครับ กระผมว่าเราไปหาคุณหนูน้อยที่หอสว่างจันทร์จะดีกว่านะครับ”

“ใช่ครับท่านเจ้าทวีป หอสว่างจันทร์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เราไปหาคุณหนูน้อยน่าจะสะดวกกว่านะครับ”

เมฆก็พูดเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่!”

ชลัชพูดด้วยอารมณ์ “พี่ใหญ่ข้าจะทำยังไง พวกเจ้ามีสิทธิ์มาสอนเหรอ? นีย์เป็นลูกสาวของพี่ชายข้า และยังเป็นคนของเจ้าทวีป ให้เธอมาที่นี่แล้วจะเป็นอะไร!”

“ข้าน้อยแค่เป็นห่วงสุขภาพของคุณหนูน้อยเท่านั้นครับ ข้าน้อยไม่มีเจตนาอื่นเลยครับ!”

ชาคริตรีบพูดขึ้น

“หรือว่าพวกเจ้าทั้งสองคิดว่าข้าไม่ได้เป็นห่วงสุขภาพของลูกสาวข้า?”

จิรกิตติ์พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ข้าน้อยมิกล้าขอรับ!”

จิรกิตติ์มองไปที่ทั้งสอง “ช่างมันเถอะ ไหน ๆ ก็เป็นเช่นนี้แล้ว เราไปหานีย์ที่หอสว่างจันทร์ดีกว่า จะได้ไปดูอาการของเธอด้วย”

จากนั้นจิรกิตติ์ก็ลุกขึ้นและเตรียมจะไปหานีย์ที่หอสว่างจันทร์

ชลัชกับชลิตทั้งสองที่เดินตามจิรกิตติ์ก็มองไปที่เมฆกับชาคริตด้วยสายตาที่ดุดัน

ส่วนแดนเทพทั้งสองได้แต่ก้มหน้าและไม่กล้าสบตาชลัชกับชลิตเลย เพราะพวกเขารู้ว่าสามพี่น้องนี้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปโอชวิน

ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพราะฝีมือของสามพี่น้องนี้ได้อยู่ในแดนเทพขั้นพีคแล้ว!

ก่อนที่ทั้งสามจะเดินออกจากสำนัก แสงเงาที่งดงามปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า ธัญทิพย์ได้เข้ามาในสำนัก

“ท่านพ่อ ท่านกำลังจะไปไหนคะ?”

ธัญทิพย์ถามด้วยรอยยิ้ม

“อ้อ เรากำลังจะไปที่หอสว่างจันทร์ เพราะมีเรื่องจะถามน้องสาวเธอหน่อย”

จิรกิตติ์พูดอย่างตรงไปตรงมา

“ท่านพ่อคะ ท่านยุ่งอยู่ทั้งวันเพื่อทวีปโอชวิน แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้ว ทำไมยังอุตส่าห์จะไปหานีย์เอ๋อร์ถึงที่ด้วยคะ อีกอย่างเวลาของท่านพ่อมันมีค่ามากแค่ไหน!” ธัญทิพย์พูด

“เหอะ ทิพย์เข้าใจที่สุด ไม่เหมือนไอ้สองคนนี้”

ชลัชพูด

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ หลังจากที่เจ้ากลับมาก่อน ได้มีกระบี่สยบเซียนเข้ามาในทวีปโอชวินของเราผ่านช่องทางเชื่อมนั้น ตอนนี้พวกเราสงสัยอยู่ว่าจอมมารชูร่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พวกเราจึงคิดว่าลองไปถามนีย์ก่อนว่านางจะรู้เรื่องของกระบี่สยบเซียนไหม”

จิรกิตติ์พูด

สำหรับลูกสาวคนโตของเขาแล้ว เขาไม่เคยปิดบังเรื่องใดๆ เลย

ธัญทิพย์ยิ้มพูด “เรื่องแค่นี้เอง เอางี้ดีกว่า ท่านพ่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวข้าไปถามนีย์ให้เอง คุณพ่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปอีก”

“ได้สิ งั้นรบกวนเจ้าแล้วนะ” จิรกิตติ์พยักหน้าตอบ

“ไม่ได้รบกวนเลยค่ะ นี่เป็นหน้าที่ขององค์หญิงใหญ่ที่ต้องทำเพื่อทวีปโอชวินอยู่แล้ว”

จากนั้นธัญทิพย์ก็ออกไปจากที่นี่

เมื่อเห็นธัญทิพย์ออกไป ชลัชก็พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ครับ ทิพย์ดีจริงๆ เลยนะครับ ทั้งฉลาด ทั้งใจกว้าง อนาคตต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนครับ”

“ใช่ครับ ถ้าทิพย์เป็นผู้ชาย อนาคตฝีมือของนางคงต้องก้าวข้ามพวกเราอย่างแน่นอนครับ!”

ชลิตก็พูดอย่างเห็นด้วย

จิรกิตติ์รู้สึกชื่นใจและภาคภูมิใจในตัวของลูกสาวคนโตของเขาคนนี้มาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท