พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1352 คิดทบทวน

บทที่ 1352 คิดทบทวน

วันนั้นตอนที่อยู่ในป่าหมอก ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงซีชนกระแทกรพีพงษ์ที่ถูกนีย์จับตัวไว้แน่น รพีพงษ์ก็คงไม่ตกหน้าผา แน่นอนว่าก็จะไม่พบเจอถ้ำที่จอมมารชูร่าเคยอยู่อาศัยมาก่อน ดังนั้นก็ไม่มีทางที่จะฝึกวิชาดูดวิญญาณ และรวบรวมพลังทิพย์

“รพีพงษ์ คุณทำให้ฉันเปลี่ยนมุมมองใหม่ที่มีต่อคุณจริงๆ” นีย์พูดกล่าวอย่างจริงใจ

ถ้าหากพูดถึง ครั้งก่อนที่มาที่นี่ ตอนที่เผชิญหน้ากับรพีพงษ์ นีย์ยังสามารถที่จะปราบปรามรพีพงษ์ได้ แต่ตอนนี้ เผชิญหน้าของรพีพงษ์ นีย์ได้สูญเสียที่ว่างให้ต่อสู้กลับอย่างสิ้นเชิง

“ตอนนี้ ฉันรู้สึกเสียใจภายหลังแล้วจริงๆ ตอนที่อยู่ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้รีบจัดการฆ่าคุณให้ตาย” นีย์พูดกับตัวเอง

รพีพงษ์ก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย : “เรารู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว ไปมาหาสู่กันก็กว่าหลายครั้ง ฉันล่ะอยากรู้มากจริงๆ ทำไมก่อนหน้านี้ คุณถึงไม่ลงมือจัดการกับฉัน ทำไม คิดว่าฉันเป็นภัยคุกคามคุณไม่มากพองั้นเหรอ?”

นีย์พยักหน้าแล้ว : “เป็นเช่นนี้แหละ แต่ตอนนั้นฉันใช้พละกำลังของฉันมุ่งเน้นไปกับการตามหาแหล่งพลังทิพย์ สำหรับคุณ สิ่งที่คิดก็คือพยายามสกัดกั้นคุณ จนกระทั่งฉันได้เจอแล้วคุณก็เติบโตจนน่ากลัวมาก ตอนที่คิดอยากจะทำลายคุณอีกครั้ง ฉันก็ไม่สามารถทำได้แล้ว ”

“เพราะงั้นจึงพูดได้ว่า โอกาสมีเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ดูที่ว่าคุณจะสามารถคว้าไว้ได้ไหม” รพีพงษ์พูดแล้ว มองไปยังนีย์อย่างเยือกเย็น: “ตอนนี้ โอกาสที่จะฆ่าคุณได้มาวางไว้ตรงหน้าของฉันแล้ว คุณคิดว่า ฉันจะพลาดเหรอ?”

“รพีพงษ์ คุณ!”

หลังจากที่นีย์ได้ยินแล้ว ขมวดคิ้วแน่น : “ฉันได้บอกวิธีการสร้างร่างกายขึ้นใหม่ให้กับคุณแล้ว”

รพีพงษ์ยกมุมปากขึ้นเบาๆ : “พูดตามตรงนะ ปรมาจารย์แดนเทพสองท่านนี้บวกกับคุณที่เป็นองค์หญิงน้อยของทวีปโอชวิน ความดีความชอบในการสู้รบที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างนี้ หากไม่คว้าไว้ก็ค่อนข้างจะไม่เข้าท่านะ”

“รพีพงษ์!คุณ……คุณช่างไร้ยางอายสิ้นดี!” นีย์พูดกล่าวอย่างโมโห น้ำตาคลอเบ้า

“เหอะ หากเทียบเรื่องความไร้ยางอาย ใครจะสามารถเทียบกับทวีปโอชวินอย่างพวกคุณได้ล่ะ!” รพีพงษ์เอ่ยพูด

นีย์กัดริมฝีปาก แววตาของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่แดงก่ำ

“รพีพงษ์ ถ้าหากคุณอยากจะฆ่าล่ะก็ ก็ฆ่าฉันแค่คนเดียวเถอะ ฉันขอร้องคุณล่ะ ปล่อยพวกเขาสองคนไป” นีย์พูดกล่าว

รพีพงษ์มองไปยังเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “พวกเขาสองคนเป็นปรมาจารย์แดนเทพ ถ้าหากฉันปล่อยพวกเขาสองคนไปล่ะก็ ใครจะไปรู้ว่าต่อไปในโลกใบนี้ของเราจะต้องมีคนตายในเงื้อมมือของพวกเขาสองคนเท่าไหร่!”

“รพีพงษ์……”

นีย์ทรุดตัวลงอย่างสิ้นเชิง เผชิญหน้ากับรพีพงษ์ เธอรู้สึกถึงความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ทำไม ทำไมในทวีปโอชวินพ่อของฉันถึงได้เย็นชากับฉัน ยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวก็เล่นงานฉันไปทุกที่!ตอนนี้ฉันก็แค่อยากจะหาสถานที่สงบๆในชีวิตนี้ กลับว่าต้องมีจุดจบเช่นนี้!” นีย์ร้องไห้พร้อมพูดกล่าว

ยิ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจบาตรใหญ่ก็จะเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งความปรานีที่สุด ถ้าโทษก็ต้องโทษที่ นีย์ดันมาเป็นองศ์หญิงน้อยของทวีปโอชวิน อีกอย่าง เธอก็ยังเป็นองค์หญิงน้อยที่ถูกทอดทิ้ง!

รพีพงษ์มองไปยังนีย์ที่คุกเข่าร้องไห้กับพื้น ความเย็นชาในแววตาค่อยๆจางหายไป

คำพูดทั้งหมดเมื่อตะกี้นี้ รพีพงษ์ล้วนแต่กำลังหยั่งเชิงอีกฝ่าย ตอนนี้รพีพงษ์แน่ใจแล้ว นีย์คนนี้ไม่ได้พูดเท็จ ครั้งนี้ที่เธอมายังโลกใบนี้ ก็เพียงแค่อยากจะหลบหนีจากทวีปโอชวินเท่านั้น

“ปล่อยพวกคุณไป ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้” รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบ

นีย์เงยหน้ามองอย่างแปลกใจ : “รพีพงษ์ คุณ……คุณอย่าหลอกฉันนะ ฉันถูกหลอกมามากพอแล้ว!”

“ขอโทษ ผู้หญิงที่ชำนาญด้านการวางแผนแบบคุณ ฉันจะต้องยืนยันความคิดที่แท้จริงของคุณซะก่อน ถึงจะทำการตัดสินใจครั้งสุดท้ายได้” รพีพงษ์พูดกล่าว

นีย์ไม่ได้พูดอะไร หากคิดในมุมกลับกันล่ะก็ ถ้าหากเธอเป็นคนจับตัวรพีพงษ์ได้ เกรงว่าก็คงจะทำแบบนี้เช่นกัน

“งั้นคุณยินยอมที่จะปล่อยพวกเราสามคนไปจริงๆใช่ไหม?” นีย์พูดกล่าว

“ได้” รพีพงษ์มองไปยังนีย์อย่างแน่วแน่พร้อมพูดว่า: “คุณต้องจำไว้นะ ฉันไม่เหมือนกับพวกสารเลวนั่นของทวีปโอชวินของพวกคุณ ฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่ผิดคำพูดอย่างแน่นอน”

“รพีพงษ์……” นีย์มองไปยังรพีพงษ์ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน รพีพงษ์กล้าที่จะมาดูถูกทวีปโอชวิน เธอจะต้องพยายามต่อสู้ด้วยเหตุผลอย่างแน่นอน

แต่ว่า ตั้งแต่วิชาเศษวิญญาณรอดหนีในครั้งนี้ หลังจากที่ย้อนกลับสู่ทวีปโอชวินอีกครั้ง ในช่วงเวลานี้นีย์ ถือว่าได้รับรู้สถานะของตัวเองในทวีปโอชวินโดยสิ้นเชิง และก็ถือว่าจดจำหน้าตาที่น่ากลัวของฉันท์ชนกได้อย่างแม่นยำ

ที่รพีพงษ์พูดมาไม่ผิดเลยสักนิด ทวีปโอชวินมีผู้คนมากมาย ล้วนแต่เป็นคนเลว

นีย์เริ่มคิดทบทวน เธอค่อยๆรู้สึกว่า ความเชื่อของตัวเองที่มีก่อนหน้านี้ทั้งหมดค่อยๆพังทลายลงทีละนิด

จริงด้วย พลังทิพย์เหล่านี้แท้ที่จริงเป็นของบนโลก ทวีปโอชวินแย่งชิงไปอย่างไม่หยุดหย่อน สำหรับโลกแล้ว นี่เป็นการรุกรานไม่ใช่เหรอ?

“รพีพงษ์ ที่คุณพูดมามันก็ถูก คุณวางใจได้ ครั้งนี้คุณปล่อยพวกเราสามคนไป ฉันนีย์ขอสาบานต่อพระเจ้า แม้ว่าในอนาคตทวีปโอชวินจะมีการต่อสู้กับพวกคุณ ฉันจะไม่เข้าร่วมอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็จะไม่เป็นผู้ประสานงานอยู่ภายในของทวีปโอชวิน!” นีย์พูดกล่าว

ในฐานะที่เป็นองค์หญิงน้อยของทวีปโอชวิน เธอสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ แค่คิดก็รู้แล้ว ว่าเธอตัดสินใจแน่วแน่มากแค่ไหน แต่นี่ก็หมายความว่า เธอก็มีความเสียใจอย่างมากต่อทวีปโอชวินที่เธอเคยปกป้องมาทั้งหมดก่อนหน้านี้

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ รพีพงษ์ก็ไม่วางใจ

ในฐานะผู้นำโลกใบนี้ในการต่อกรกับการมีอยู่ของทวีปโอชวิน รพีพงษ์ไม่ยินยอมที่จะให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น อย่างที่รู้กัน เพียงแค่เกิดข้อผิดพลาดใดๆก็ตามแต่สิ่งที่มีความเป็นไปได้สูงมากก็คือสูญเสียคนทางฝั่งของรพีพงษ์ พ่ายแพ้ย่อยยับ

“ฉันเชื่อในคำพูดทุกคำของคุณ แต่ว่าหากพวกคุณทั้งสามอยากจะออกไปจากที่นี่ จะต้องรับปากเงื่อนไขของฉันหนึ่งข้อ” รพีพงษ์พูดกล่าว

“เงื่อนไขอะไร” นีย์เอ่ยถาม

รพีพงษ์มองไปที่เธอ ในขณะเดียวกันก็มองไปยังผู้แข็งแกร่งแดนเทพที่บาดเจ็บสาหัสทั้งสองคน เอ่ยพูดทันที : “ฉันต้องการพวกคุณ ละทิ้งการฝึกบำเพ็ญตนของพวกคุณทั้งหมด! ”

“อะไรนะ คุณ……คุณจะให้พวกเรายอมละทิ้งการฝึกบำเพ็ญตนทั้งหมด?” นีย์ตกใจอย่างมาก

“ใช่ คุณอยากเป็นคนปกติทั่วไปไม่ใช่เหรอ งั้นก็พอดีเลย ละทิ้งการบำเพ็ญตน คุณก็จะได้เป็นคนธรรมดา” รพีพงษ์พูดอย่างแน่วแน่

ร่างกายของนีย์อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนครู่หนึ่ง ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดที่แข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งอย่างนี้ใช่ว่าจะฝึกบำเพ็ญตนให้สำเร็จได้เพียงชั่วข้ามคืนนะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาคริตและเมฆทั้งสองคนยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นถึงการฝึกบำเพ็ญตนของแดนเทพ ถ้าหากจะให้พวกเขายอมปล่อยทิ้งไป เกรงว่าพวกเขายอมไปตายซะดีกว่า!

“รพีพงษ์ คุณก็เป็นนักฝึกวิชา ก็น่าจะรู้ว่าการละทิ้งการบำเพ็ญตนไม่ใช่แค่พูดออกไปแล้วทำได้เลยเท่านั้น ถึงแม้ว่าฉันอยากจะทำ ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เว้นแต่ว่าคุณจะตัดแขนขาของพวกเราทั้งหมด แต่ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ สู้คุณฆ่าฉันซะดีกว่านะ” นีย์พูดกล่าว

“คุณวางใจ ฉันมีวิธีของฉัน” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า: “ฉันก็แค่จะปิดผนึกการฝึกบำเพ็ญตนของพวกคุณทั้งหมด เวลาประมาณ 1ปี หลังจากหนึ่งปี การบำเพ็ญตนของพวกคุณก็จะค่อยๆฟื้นตัว”

“ยังมีวิธีแบบนี้ด้วย?วิธีแบบนี้ที่คุณพูด แม้แต่คนอย่างทวีปโอชวินอย่างเราก็ไม่เคยทำได้” นีย์ถามอย่างสงสัย วิธีการอย่างนี้ เป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

รพีพงษ์พยักหน้า พูดอย่างดูถูกว่า : “ทวีปโอชวินจะถือว่าเป็นอะไรเชียว ตอนนั้นไม่ใช่ว่าโดนจอมมารชูร่าในโลกของเราจัดการจนเผ่นหนีไปหมดหรอกเหรอ เรื่องที่พวกคุณทำไม่ได้ คุณคิดว่าพวกเราจะทำไม่ได้เหมือนกันงั้นเหรอ!”

นีย์อึ้งอยู่กับที่ แต่ไหนแต่ไรมา ในใจขอเธอก็จะมีความได้เปรียบกว่าโดยธรรมชาติ เพราะว่าตัวเองเป็นคนของทวีปโอชวิน เพราะงั้นภายในก้นบึ้งของหัวใจจึงดูถูกนักฝึกวิชาเหล่านี้ที่อยู่บนโลกใบนี้

อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้ของรพีพงษ์ปลุกให้เธอตื่นโดยสมบูรณ์แล้ว ใช่ไง ตอนนั้นจิรกิตติ์พวกเขาไม่ใช่เพราะหลังจากถูกจอมมารชูร่าจัดการจนเผ่นหนีไป ถึงจะสร้างทวีปโอชวินเหรอ?พูดขึ้นมาแล้ว พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้พ่ายแพ้!

“ฉันบอกเธอได้อย่างไม่กลัวเลยนะ ฉันได้รับการสืบทอดต่อจากจอมมารชูร่าทั้งหมดแล้ว ในการสืบทอดของเขา มีวิชาลับอยู่อย่างหนึ่ง สามารถควบคุมการบำเพ็ญตนของพวกคุณไว้ได้ทั้งหมด” รพีพงษ์พูดกล่าว

ในเวลานี้นีย์พูดจาไม่ออก ปิดผนึกบำเพ็ญตนของตัวเอง นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวิชาลับอย่างนี้ด้วย?

“ตอนนี้ คุณลองคิดดูได้นะ จะเป็นหรือจะตาย แค่คุณพูดประโยคเดียวเท่านั้น” รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น

นีย์มองไปยังสองคนที่ล้มลงกับพื้น แล้วก็คิดถึงทุกสิ่งอย่างที่เคยประสบพบเจอที่ทวีปโอชวิน

ช่างเถอะ ตัวเองอยากมีชีวิตที่เงียบสงบต่อไปไม่ใช่เหรอ ทวีปโอชวินอะไรกัน จิรกิตติ์ ฉันท์ชนก ล้วนแต่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองทั้งนั้น

“โอเค ฉันเห็นด้วย” นีย์พูดกล่าว และในขณะเดียวกันก็หันไปมองสองคนนั้นที่กำลังหายใจรวยริน คิดในใจว่า: หวังว่าตอนที่พวกเขาสองคนตื่นขึ้นมา จะไม่โทษฉันนะ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท