พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1435 เปิดเผยอายุ

บทที่ 1435 เปิดเผยอายุ

รพีพงษ์เดินตามรอยเท้าของฉันท์ชนกสักพัก

“ระยะทางจากที่นี่ไปถึงพื้นที่เขตต้องห้ามยังอีกยาวไกล หรือว่าพวกเราหยุดเดินกัน”นีย์พูด

รพีพงษ์มองนีย์ด้วยความสนใจและพูดว่า:“ทำไมเหรอ หรือว่าที่นี่ของพวกเธอนั้นมีรถแท็กซี่ด้วย?”

ระบบและขนบธรรมเนียมทั้งหมดในที่นี่มีความคล้ายคลึงกับจีนโบราณ อย่าหาว่ารถแท็กซี่เลย ในที่นี้ไม่มีแม้แต่จักรยาน

และทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นเพราะหลังจากที่จิรกิตติ์และคนอื่นๆมาที่นี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ความคิดและประสบการณ์ของพวกเขาเลยหยุดอยู่ในขั้นตอนนั้น ดังนั้น เมื่อเวลาที่สร้างทวีปโอชวิน ทุกสิ่งจึงถูกสร้างขึ้นตามระบบเก่า

“ที่นี่ไม่มีรถแท็กซี่หรอก แต่ว่า ผมยังมีทางอยู่”

ระหว่างที่พูด นีย์จ้องมองรพีพงษ์และยิ้มเล็กน้อย เธอดูเหมือนขี้เล่นและน่ารักเล็กน้อย เธอเอามือสองนิ้วไว้เข้าไปในปาก และเป่าเสียงนกหวีด ไม่ไกลนัก ก็จึงมียักษ์ที่ยาวประมาณห้าเมตรวิ่งมาฝ่างนี้

“นี่……นี่คือ!?”

รพีพงษ์มองไปที่สัตว์ร้ายตัวยักษ์ด้วยความตกใจ อ้าปากกว้างและพูดว่า:“ช่างเป็นสุนัขอภิบาลจีนที่ตัวใหญ่จริงๆ!”

“สุนัขอภิบาลของจีนสักที่ไหนละ มันชื่อเจ้าเหลือง เป็นสัตว์ประหลาดที่บ้านฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก” นีย์พูด

“สัตว์ประหลาด?” รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นั่นก็คือ สิ่งที่พวกเธอเรียกว่าสัตว์เซียนเหรอ” นีย์พูด ลูบผมบนร่างของเจ้าเหลือง

“สุนัขตัวใหญ่” ตัวนี้ มีความสนิทสนมมากหลังจากที่ได้เห็นนีย์ นั่งนิ่งๆและปล่อยให้นีย์เล่นกับเขาได้อย่างสนุกและสบายมาก

ทวีปโอชวินเต็มไปด้วยพลังงานทางจิตวิญญาณ และไม่น่าแปลกใจเลย ที่สามารถเพาะพันธุ์สัตว์เซียนขนาดใหญ่เช่นนี้ได้

รพีพงษ์พูดกับนีย์: “แต่ว่า สัตว์เซียนตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องผ่านไปกี่ปี?”

นีย์คิดอยู่สักครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: “เจ้าเหลืองยังเด็กอยู่ เมื่อสัตว์ประหลาดโตถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เขาก็จะพูดและคิดได้เหมือนพวกเรา แต่ว่าตอนนี้เขายังเด็กอยู่ เมื่อพูดถึง อายุมันก็คงมีประมาณหกสิบปีแล้วมั้ง ”

หลังจากรพีพงษ์ได้ยิน แสดงความเข้าใจ เช่นเดียวกับแรดโบราณในป่าหมอก เมื่อถึงเวลาสุดท้ายแล้ว สัตว์เซียนก็สามารถพูดคุยกับตัวเองได้

“อายุหกสิบกว่าแล้วเหรอ งั้นก็แก่กว่าผมเยอะมากเลยนะ” รพีพงษ์พูด

“แน่นอน อยู่ในสายตาของ เจ้าเหลืองแล้ว เธอยังป็นเด็กอยู่”นีย์พูดด้วยรอยยิ้ม

รพีพงษ์จ้องมองนีย์ เหล่ตาและพูดว่า:“ดูเหมือนว่า ผมไม่ใช่แค่เป็นเด็กในสายตาของเจ้าเหลืองหรอก แต่ผมก็ยังเป็นเด็กในสายตาของเธออีกด้วย นี่คือสิ่งที่เธอเลี้ยงดูแลมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ ดังนั้นแล้ว อายุของเธอนั้น ก็คงจะต้องแก่กว่าเขาหละสิ?”

เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ มือของนีย์ก็หยุดลูบเจ้าเหลืองทันที

โอเค ฉันเผลอเปิดเผยอายุของตัวเองไปซะละ

“ดูเหมือนว่า ต่อไปผมจะเรียกเธอว่านีย์ไม่ได้ละ ต้องเรียกเธอว่าพี่นีย์แทน เธอว่าดีไหม?”รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม

นีย์หันหน้าไปอีกฝ่างหนึ่ง สำหรับทวีปการฝึกตนแล้วเนี่ย อายุหกสิบกว่าหรือเจ็ดสิบปีนั้นมันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย และรูปร่างหน้าตานั้นยิ่งสามารถเปรียบเทียบกับสาวๆได้ แต่ว่า เมื่อเธอได้ยินรพีพงษ์เรียกตัวเองแบบนี้แล้ว ในใจของนีย์ก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ

“ได้สิ เธอเรียกฉันว่าพี่นีย์ จากนี้ไป ฉันก็จะเรียกเธอว่ารพี แบบนี้ได้หรือยัง?”

ทันทีที่พูด นีย์ก็ตบเจ้าเหลือง และหลังจากที่เจ้าเหลืองย่อตัวลง นีย์ก็กระโดดขึ้นและวิ่งตรงไปข้างหน้า

“รอผมด้วยสิ ทำไม เธอคิดที่จะให้ผมวิ่งไปเหรอ?”

รพีพงษ์พูดอย่างรวดเร็ว

“ฮึ่ม เธอไปเองเถอะ ฉันจะไม่สนใจเธอแล้ว”

นีย์พูดอย่างโกรธเคือง ไม่สบายใจในเรื่องที่รพีพงษ์บอกตัวเองแก่

รพีพงษ์ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และวิญญาณมืดมน แนบโดยตรงอยู่ในที่เจ้าเหลือง

รพีพงษ์ผู้ที่มาถึงขั้นกลางของแดนเทพ ในการที่ควบคุมสัตว์เซียนที่ยังอยู่ในวัยทารกนั้นมันง่ายมากสำหรับเขา

“เจ้าเหลือง เธอเป็นอะไรไป ทำไมเธอไม่วิ่งล่ะ?”

ในระยะไกล นีย์ที่นั่งอยู่บนร่างขอเจ้าเหลือง พูดด้วยความตกใจ และทันทีหลังจากนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มาจากด้านหลังของเธอนั้น

รพีพงษ์กระโดดขึ้น และนั่งข้างหลังของนีย์

“ทำไม ต้องการที่จะกำจัดผมเหรอ?” รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้มเบา ๆ

นีย์หันกลับไป ทันใดนั้นก็มองเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอันอบอุ่นของรพีพงษ์พอดี

ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองคนนั้นอยู่ใกล้ชิดกันมาก นีย์ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่มาจากรพีพงษ์

ใบหน้าสวยของเธอแดงก่ำ ความทุกข์ในก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ได้จางหายไปในพริบตา

“ฉันไม่เคยคิดที่จะกำจัดเธอ”

นีย์เองก็แปลกใจเองว่า ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้

ในระหว่างทางไม่พูดไม่จากันสักคำ รพีพงษ์พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสทางร่างกายกับนีย์ให้มากที่สุด ดังนั้น จึงนั่งลงไปข้างหลังเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนแปลกไปเล็กน้อย แล้วก็ การนั่งก็ไม่ค่อยสบายนัก

ระหว่างทางไปยังพื้นที่เขตต้องห้าม ผู้คนมากมายในทวีปโอชวินก็มองเห็นรพีพงษ์และนีย์ขี่สุนัขของพวกเขาด้วยกัน และก็ไม่พ้นที่จะมีคนกระซิบและพูดคุยกันแน่นอน

ทำให้แก้มของนีย์นั้นแดงอีกครั้ง

ในที่สุด ทั้งสองคนก็มาถึงข้างนอกของพื้นที่เขตต้องห้าม

ลงจากหลังของเจ้าเหลือง เจ้าเหลืองนั้นก็นั่งยองๆและพักผ่อนขึ้นมา

“นี่และ เป็นพื้นที่เขตต้องห้ามของทวีปโอชวินของพวกเราละ”

นีย์ชี้ไปที่ด้านหน้าและพูด

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ด้านหน้า วิญญาณหนึบหนับ ยิ่งมองไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งพบวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น

“บอกว่าเป็ฯพื้นที่เขตต้องห้าม อันที่จริงแล้ว นี่คือขอบเขตของทวีปโอชวินของพวกเรา และไปอีกข้างหน้า ยกเว้นหน้าผา และเหนือทะเลเมฆที่หยั่งไม่ถึง ก็ไม่มีถนนใดอีกต่อไป”นีย์พูด

รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย ถ้าโลกเป็นวงกลม นั่นก็หมายความว่า ทวีปโอชวินนี้จะถูกล้อมรอบด้วย ซึ่งก็หมายความว่า ทวีปโอชวินทั้งหมดนี้เป็นแบนราบ

รพีพงษ์รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าระหว่างทวีปโอชวินและอาณาจักรลับทั้งสองที่เขาเคยเข้าไปมาก่อนมีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป

อย่างแรก เช่นเดียวกันกับสระน้ำมังกรในก่อนหน้านี้ ช่องทางเดินของทวีปโอชวินก็เปิดตามเวลาที่กำหนดเป็นระยะๆ

ประการที่สองคือ ที่นี่มีสิ่งลึกลับมากมาย สิ่งเหล่านี้มีความล้ำค่ามาก เมื่อไปวางไว้อยู่บนโลก แล้วก็ สิ่งลึกลับเหล่านี้และสิ่งที่คล้ายกันนั้นเหมือนได้รับพรสวรรค์จากสวรรค์ ราวกับว่าพวกเขาถูกเก็บไว้ในทวีปโอชวินมาโดยตลอด รอคอยที่จะถูกคนค้นพบเจอ

“ไม่รู้ว่าญาณิดาจะมาที่นี่ เพราะเหตุใด?”

รพีพงษ์คิดอยู่ในใจลึกๆ เป็นไปได้ไหม ว่าระหว่างญาณิดาและทวีปโอชวินมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกัน?

“ผมสามารถเข้าไปดูได้ไหม?” รพีพงษ์พูด

นีย์พยักหน้า: “บอกตามตรง ฉันก็ไม่เคยเข้ามาที่นี่ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่ ไม่รู้ว่าในที่นี่มีกับดักอะไรหรือไม่”

รพีพงษ์ยิ้มและส่ายหัว:“ไม่ต้องกลัว ไม่มีกับดักแน่นอน”

“ทำไมเธอถึงมั่นใจนัก?หรือว่าเธอเคยมา?

“ไม่เคย” รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม: “ แต่ว่า ฉันท์ชนกได้เปิดพื้นที่เขตต้องห้ามมาก่อนแล้ว แม้ว่าจะมีอาวุธที่ซ่อนอยู่ พวกเขาก็คงน่าจะกระตุ้นมันแล้ว ตอนนี้ที่นี่เป็นวิถีที่ราบรื่นไปแล้ว พวกเราเข้าไปได้โดยตรงเลย ”

ทันใดที่พูด รพีพงษ์ก็เดินก้าวเข้าไป

นีย์คิดอย่างรอบคอบ และรู้สึกว่าที่รพีพงษ์พูดก็ถูก ดังนั้น เธอจึงเดินตามทีหลังไปอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์เดินเข้าไปในที่พื้นที่เขตต้องห้าม มีเพียงความรู้สึกว่าพลังวิญญาณนั้นแข็งแกร่งและอุดมสมบูรณ์มาก ซึ่งแข็งแกร่งกว่าแหล่งวิญญาณใต้ดินในป่าหมอกอีกหลายเท่า

“ที่นี่เป็นสมบัติของลางบอกเหตุทางธรณีจริงๆ!”

รพีพงษ์ชื่นชมและพูดว่า หลังจากที่เรียนรู้วิชาฝึกเล่นแร่แปรธาตุ รพีพงษ์ก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับวัสดุยาแล้ว

เมื่อเทียบกับวิชาลับเหล่านั้นแล้ว รพีพงษ์รู้สึกสนใจวัสดุยาที่อยู่ทั่วพื้นดินเหล่านี้มากกว่า

“พืชสมุนไพรใดๆในที่นี่ วางไว้ในบนโลกพวกเรา เงินทองนั้นก็ไม่สามารถเอามาวัดกันได้!” รพีพงษ์พูดด้วยเสียงเบา

หากวัสดุยาในป่าหมอก มีระดับที่สูงมากอยู่แล้ว งั้นยาในพื้นที่เขตต้องห้ามของทวีปโอชวินก็ราวกับว่าคือเทพเจ้ามากกว่ากัน

“ไม่แปลกใจเลยว่าในที่นี่ของพวกเธอจะสามารถกลั่นเม็ดยาระดับเทพได้มากมายขนาดนี้ เป็นเพราะว่ามีสมบัติที่มีค่าเช่นนนี้มากมายนี่เอง!”

รพีพงษ์พูดด้วยความชื่นชม: “อืม ได้ตำหนิฉันท์ชนกเพราะสายตาที่เงอะงะของเธอ ถ้าเป็นผมเนี่ย วิชาลับเหล่านั้นจะไปเทียบอะไรได้ ใช้วัสดุยาเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น ถึงจะเป็นวิธีในการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องที่ดีที่สุด”

นีย์พยักหน้า ตามที่รพีพงษ์พูด นีย์และคนอื่นๆรู้แน่นอน แต่ว่า เมื่อเทียบกับวัสดุยาแล้ว วิชาลับไม่เพียงแต่ทำให้ผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังน่ากลัวมาก ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ฉันท์ชนกต้องการใช้ทางลัด เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ในที่สุดก็ลงมือบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ!

“ไป พวกเราไปมองดูข้างหน้าอีก”นีย์พูด

รพีพงษ์พยักหน้าและเดินตามข้างหลังของนีย์

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และรู้สึกอบอุ่นในอกตั้งแต่ที่ก้าวเข้าไปในพื้นที่เขตต้องห้าม

และนำหินลั่วหงออกมามองดู รพีพงษ์เพียงรู้สึกว่าหินลั่วหงก้อนนี้ ราวกับว่ามีรัศมีสีแดง และก็ไม่เย็น หนาวเหมือนเมื่อก่อน

“ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่เก็บวิชาลับแหละ”

นีย์ชี้ไปที่อาคารคล้ายวัดที่อยู่ข้างหน้าแล้วพูดว่า

ประตูวัดถูกเปิดออก ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ ฉันท์ชนกเคยพาคนมาที่นี่มาก่อน

“พวกเราเข้าไปดูข้างในกัน”

รพีพงษ์เก็บหินลั่วหงไว้ และเดินก้าวเข้าไป

ทันทีที่เดินเข้าไปในข้างในของวัด รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นและมองเห็นพระพุทธรูปที่มีสิบกว่าเมตรที่อยู่ข้างหน้าองค์หนึ่ง

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นพระพุทธรูปองค์นั้น ใบหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที และยืนอยู่กับที่อย่างมึนงง

“แปลกนะ พระพุทธรูปองค์นี้ ทำไม…… ทำไมถึงปรากฏอยู่ที่นี่!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท