พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1443 มอบของขวัญ

บทที่1443 มอบของขวัญ

“เทวโลก?”

รพีพงษ์และนีย์กล่าวพร้อมกัน

“สำหรับคนในเทวโลกอย่างพวกข้า ระดับที่บรรลุถึงนั้นก็คือแดนบุญ ซึ่งเช่นเดียวกับที่นี่ของพวกเจ้า แดนบุญก็ถูกแบ่งออกเป็นสามขั้นเช่นกัน มีขั้นพื้นฐาน ขั้นปานกลาง ขั้นสมบูรณ์ และแต่ละขั้นถูกแบ่งออกเป็นสามระดับที่แตกต่างกัน มีแดนดวงจิต แดนดวงเทพ แดนดวงวิญญาณ” ญาณิดาพูดคร่าวๆ

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แท้ที่จริงแล้วระดับที่สูงกว่าแดนเทพขั้นพีคนั้นก็คือแดนบุญ ซึ่งเป็นการบรรลุถึงระดับสูงที่สุด และระดับเช่นนี้ทำให้คนชื่นชมเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับใด?” รพีพงษ์ถาม

ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าหากเป็นนับพันปีที่ผ่านมา ข้าน้อยอยู่ในระดับแดนดวงวิญญาณเลยนะ! แต่ตอนนี้เหรอ……”

ขณะที่พูด ญาณิดาก็ส่ายหัวเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่ามีความท้อใจเล็กน้อย: “พลังทิพย์ในที่นี่ตื้นเกินไป ซึ่งมันไม่ได้ช่วยในการฝึกตนของข้าน้อยเลย นอกจากนี้ ข้าน้อยไม่ใช่ร่างที่แท้จริงในตอนแรกแล้ว ข้าน้อยคิดว่า ระดับของข้าน้อยในตอนนี้อย่างมากที่สุดก็คงเป็นเพียงแค่ระดับขั้นพื้นฐานของแดนดวงเทพเท่านั้น”

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ ระดับขั้นพื้นฐานของแดนดวงเทพ นึกไม่ถึงเลยว่าจะน่ากลัวถึงขั้นนี้แล้ว ตัวเองอยู่ในมือญาณิดา ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะต่อต้านใดๆเลย

“ต้อง……ต้องทำอย่างไรถึงจะบรรลุถึงระดับแดนบุญ?” รพีพงษ์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เจ้าอยากรู้หรือ?” ญาณิดาพูดกับรพีพงษ์ด้วยอารมณ์ขัน และในขณะเดียวกันนางก็ยื่นมือออกไป: “เอาหินลั่วหงมาให้ข้าน้อย แล้วข้าน้อยจะบอกเจ้าเอง”

รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดา มือซ้ายที่กำหินลั่วหงไว้ก็ค่อยๆยื่นออกไปให้ญาณิดา

นีย์ที่อยู่ด้านข้างตื่นเต้นอย่างมาก: “รพีพงษ์ อย่าให้นางนะ ซึ่งพวกข้ายังไม่รู้ว่าเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่!”

แววตาทั้งคู่ของรพีพงษ์จ้องไปที่ญาณิดา ด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจบนใบหน้า: “นีย์ไม่ต้องกังวล ถ้าหากญาณิดามีเจตนาร้ายจริงๆ นางคงไม่บอกทั้งหมดนี้ให้กับพวกข้าหรอก ถ้าเกิดว่าแย่งหินลั่วหงไปจากในมือของข้าโดยตรง ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”

นีย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามวิธีการของญาณิดานั้นยอดเยี่ยมมาก และความสามารถนั้นแข็งแกร่งมากจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว ถ้าหากต้องการแย่งหินลั่วหงไปจากในมือของรพีพงษ์จริงๆละก็ เกรงว่าคงจะง่ายพอๆกับการหายใจ

“แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าลืมไปแล้วหรือ นางปีศาจเฒ่านี้เป็นคนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างโลกกับทวีปโอชวิน ไม่เพียงแต่เช่นนั้น เมื่อกี้นางยังคิดจะใช้สกินพลังจิตวิญญาณ ฆ่าพวกข้าทิ้ง!” นีย์กล่าว

ญาณิดาพูดกับนีย์ว่า: “ข้าน้อยบอกแล้ว เมื่อกี้ข้าน้อยแค่แกล้งพวกเจ้าเล่นๆเท่านั้นเอง และอีกอย่าง ข้าน้อยก็หยุดทันเวลาไม่ใช่หรือ”

“รพีพงษ์ นางปีศาจเฒ่าคนนี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ใครจะไปรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่!” นีย์พูดอย่างเสียงดัง สำหรับญาณิดาผู้หญิงคนนี้ นางไม่เคยมีความประทับใจอะไรเลย

แต่รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดาด้วยแววตาจริงจัง

“นีย์ สิ่งที่เจ้าพูดนั้นข้าได้พิจารณาแล้ว แต่ข้าเชื่อว่า ญาณิดานี้ นางเป็นคนที่เห็นแก่เล่น ใช่ไหม?”

ญาณิดารีบพยักหน้า: “คุณชายรพี แน่นอนว่าคนที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันนั้นไม่เหมือนกันจริงๆ ยังคงเป็นเจ้าที่รู้จักในตัวข้าน้อยดี ข้าน้อยเป็นคนเห็นแก่เล่น มิฉะนั้นก็คงไม่……ก็คงไม่ถูกตีให้เป็นวิญญาณและกักขังไว้ในหินลั่วหงนี้หรอก ซึ่งก็ได้อยู่ในวิหารคนเดียวเป็นเวลาหลายปีแล้ว

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ญาณิดาก็น้ำตาคลอเบ้า

รพีพงษ์ยื่นมือไปยังตรงหนัาญาณิดา แต่หมัดของเขายังคงกำแน่น

“ตามที่กล่าวมานี้ ซึ่งมีเรื่องมีราวมากมายเกิดขึ้นกับเจ้า”

ญาณิดาถอนหายใจ: “ยังพอมีเวลา ถ้าหากพวกเจ้าอยากฟังละก็ ข้าน้อยสามารถเล่าให้พวกเจ้าฟังได้”

“ได้ ตั้งใจฟังอยู่” รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม และนีย์ที่อยู่ข้างๆยังคงเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง

“เมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา เป็นเพราะว่าข้าน้อยเห็นแก่เล่นจึงทำพลาดให้เกิดเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังทำให้ทั้งเทวโลกนั้นโกรธ แต่โชคดีที่พ่อพยายามปกป้องข้าน้อยอย่างเต็มที่ ข้าน้อยจึงไม่ต้องถูกประหาร และด้วยเหตุนี้จึงถูกเนรเทศ”

ญาณิดากล่าว

“เป็นเพราะว่าเห็นแก่เล่นจึงทำพลาดให้เกิดเรื่องใหญ่?”

นีย์ถามด้วยความสงสัย: “เรื่องใหญ่อะไร ถึงกับให้เจ้ารอคอยอยู่ที่นี่คนเดียวเป็นเวลาพันปี?”

“เพราะ……เพราะความประมาทของข้าน้อย ได้ปล่อยคนที่ไม่ควรปล่อยไป”

ญาณิดากัดริมฝีปากและพูดว่า: “แต่จะโทษข้าน้อยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้าน้อยเป็นคนที่ขี้สงสัยล่ะ ซึ่งบอกว่าจะถ่ายทอดวิชาการเคลื่อนย้ายดวงดาวให้กับข้าน้อย โดยบอกว่าถ้าหากฝึกฝนสำเร็จ ก็จะสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าได้ตามต้องการ”

รพีพงษ์และนีย์ตกตะลึง การเคลื่อนย้ายภูเขา ซึ่งเป็นความสามารถที่ทำให้พวกเขาตะลึงอยู่แล้ว แต่คาดคิดไม่ถึง ในเทวโลกยังมีวิชาเวทย์ที่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งดวงดาวได้อีกด้วย!

“ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของข้าน้อย ก็เลยร้องขอให้เขาสอนวิชาเวทย์ให้กับข้าน้อย แต่เขานั้นร้ายกาจมาก สอนข้าน้อยเพียงวันละนิดเท่านั้น ข้าน้อยร้อนใจ จึงถามเขาว่าเมื่อไหร่จะสอนวิชาเวทย์ทั้งหมดให้ข้าน้อย แต่เขาบอกว่า มือทั้งสองข้างของเขานั้นถูกมัดไว้ ไม่สะดวกสอน ดังนั้นข้าน้อยก็เลย……”

“เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่ามือทั้งสองข้างของคนนี้ถูกมัดไว้? ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ทำไมอยู่ดีๆถึงถูกมัดไว้ล่ะ?” นีย์ถามด้วยความสงสัย

ญาณิดากัดริมฝีปาก จากนั้นก็แหงนมองไปที่รพีพงษ์และนีย์

“เพราะว่าคนนี้คือ……นักโทษที่จะถูกประหารชีวิต!”

“นักโทษที่จะถูกประหารชีวิต!”

ญาณิดาพยักหน้า: “โทษฉันเอง ที่เป็นคนขี้สงสัยเกินไป และคิดว่าถ้าเกิดว่าสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งดวงดาวได้ละก็ ซึ่งมันต้องสนุกมากแน่ๆ ดังนั้นข้าน้อยจึงฉวยโอกาสขโมยกุญแจออกมาในขณะที่พ่อกำลังหลับ และแก้มัดมือทั้งสองข้างให้เขา ใครจะไปรู้……”

“ใครจะไปรู้ ทันทีที่มือทั้งสองข้างของเขาถูกแก้มัดออก เขาก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าอีกต่อไป และจึงวิ่งหนีออกไปโดยตรง ใช่ไหม?” รพีพงษ์ถาม

“ใช่ เป็นเช่นนี้แหละ”

ญาณิดาก้มหน้าลงและพูดว่า: “อันที่จริงแล้ว ชื่อจริงของข้าน้อยไม่ได้ชื่อญาณิดา เป็นเพราะพ่อและคนอื่นๆลงโทษข้าน้อย เพื่อที่จะให้ข้าน้อยจำเรื่องนี้ได้ตลอดไป ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อของข้าน้อยเป็นญาณิดา”

ญาณิดา กุญแจ

รพีพงษ์เกิดความคล้อยตาม ซึ่งเห็นได้ชัดว่า คนในเทวโลกนี้ชอบเล่นคำพ้องเสียง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เดิมทีนีย์ที่มีความรู้สึกเร่าร้อนต่อญาณิดาเล็กน้อยแต่ตอนนี้กลับปกป้องนางขึ้นมา แน่นอนว่า ความคิดของผู้หญิงมักจะเดาและเข้าใจยากจริงๆ

“อย่างไรก็ตาม แค่ปล่อยคนไปเพียงแค่คนเดียว ก็ได้รับการลงโทษแบบนี้ มันหนักเกินไปหรือเปล่า?”

“ไม่หนักเลย ข้าน้อยยังคงถือว่าโชคดีมากที่ถูกตีให้เป็นวิญญาณ และคอยเฝ้าอยู่ที่นี่คนเดียว” ญาณิดากล่าว

“ตามที่กล่าวมานี้ นักโทษที่จะถูกประหารชีวิตที่ถูกเจ้าปล่อยไปนี้ ต้องเป็นคนที่สำคัญมาสินะ” รพีพงษ์กล่าว

ญาณิดาพยักหน้า: “ใช่ ผู้ชายคนนี้เป็นคนชั่วร้าย และอีกอย่าง ความสามารถของเขาแข็งแกร่งมาก พ่อและคนอื่นๆใช้ความพยายามมากในการจับกุมเขา ทั้งหมดเป็นเพราะข้าน้อย เพราะความเห็นแก่เล่นของข้าน้อย ถึงได้สร้างความผิดพลาดเช่นนี้”

ขณะที่พูด ญาณิดาหันกลับไปมองพระพุทธรูป และพึมพำว่า: “ไม่ได้กลับมาเป็นพันปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เทวโลกเป็นอย่างไรบ้าง”

รพีพงษ์และนีย์มองไปที่นาง พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึง ความคิดถึงอันลึกซึ้งของญาณิดาที่มีต่อเทวโลก

ไม่ได้กลับมาเป็นพันปีแล้ว ไม่ว่าเป็นใครก็จะต้องคิดถึงบ้านมากๆอยู่แล้ว

“ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าจะมอบหินลั่วหงให้เจ้า”

รพีพงษ์พูดกับญาณิดา

ญาณิดามองไปที่รพีพงษ์: “เจ้า……เจ้ายอมมอบหินลั่วหงให้ข้าน้อยจริงๆเหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้า: “แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า ต่อไปห้ามทำผิดพลาดเพราะเห็นแก่เล่นอีกเด็ดขาด เพราะเจ้าต้องรู้ว่า หลายๆเรื่องหากได้ทำลงไปแล้ว อาจทำให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมาก็ได้!”

“รู้แล้วค่ะ คุณชายรพี”

ญาณิดาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็ยื่นมืออันงดงามออกมาและจับไปยังหินลั่วหงที่อบอุ่น

“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ ยังคงยืนยันคำเดิม ไม่ว่าเทวโลกของพวกเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ถ้าหากพวกเจ้ามีความคิดชั่วร้ายต่อโลกของพวกข้าแม้แต่นิดละก็ ข้าก็จะประสบภัยพิบัติเป็นคนแรก และไปหาพวกเจ้าคิดบัญชีแน่!” รพีพงษ์กล่าว

ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม: “วางใจได้เลยคุณชายรพี พูดตามตรง ในแววตาเทวโลกของพวกข้า ยังมองไม่เห็นเหล่าผู้ฝึกตนบนโลกของพวกเจ้า”

ทันใดนั้นรพีพงษ์ถึงกับหมดคำจะพูด แต่อย่างไรก็ตามญาณิดาก็ได้บรรลุถึงระดับขั้นพื้นฐานของแดนดวงเทพเท่านั้นแต่ก็ถือได้ว่าทรงพลังอย่างมาก ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลที่นางบอกว่าผู้ฝึกตนบนโลกของตัวเองนั้นไม่เข้าตาพวกเขา

“แต่อย่างไรก็ตาม คุณชายรพี ข้าน้อยชื่นชมในตัวเจ้าจริงๆ พรสวรรค์ของเจ้าหายากในโลกนี้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในป่าหมอก หรือทวีปโอชวินก็ตาม แต่ตลอดชีวิตของเจ้าจะไม่มีวันบรรลุถึงระดับแดนบุญ” ญาณิดากำหินลั่วหงไว้ในมือ และพูดกับรพีพงษ์

“แล้ว……แล้วควรทำอย่างไร?”

ญาณิดากำหินลั่วหงไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าพระพุทธรูป และหันหลังคุยกับรพีพงษ์

“คุณชายรพี เจ้ากับข้าน้อยก็ถือได้ว่ามีพรมลิมิตมาก และอีกอย่าง หลังจากช่วงเวลาที่ได้อาศัยอยู่ร่วมกับเจ้า ข้าน้อยสามารถดูออกได้ว่า เจ้าเป็นคนซื่อตรง นอกจากนี้ยังมีความรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันพรสวรรค์ของเจ้านั้นเหนือกว่าทุกคนที่ดำรงอยู่ แน่นอนว่าสำหรับข้าน้อยแล้วก็ถือว่าไม่เลวเลย แต่ทว่าข้าน้อยก็เห็นเจ้าทำดีกับหญิงงามทุกคน”

สีหน้าของรพีพงษ์มืดมนลงทันที

“ในเมื่อข้าน้อยก็จะไปแล้ว แต่ก่อนจะไป ข้าน้อยก็ควรจะขอบคุณเจ้า นี่คือหนังสือสองเล่มข้ามอบให้เจ้า”

ญาณิดากล่าว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท