พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1444 ฟ้าลิขิต

บทที่1444 ฟ้าลิขิต

“หนังสือ? นี่เจ้ากำลังพูดถึงวิชาลับเหรอ?” นีย์พูดอย่างเย็นชา: “เจ้าไม่รู้หรือว่าวิชาลับอาจจะแว้งกัดนักฝึกวิชาได้? คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังอยากเอาวิชาลับเหล่านี้ให้รพีพงษ์?”

“แว้งกัด? เฮอ สาวน้อย นั้นเป็นเพราะว่าผลการฝึกตนของพวกเจ้าไม่เพียงพอมันถึงเป็นเช่นนั้น แต่ทว่า คุณชายรพีนั้นเป็นคนรู้ใจของข้าน้อยนะ ข้าน้อยจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?”

ญาณิดาพูดพลางมองไปที่รพีพงษ์: “ข้าน้อยอยู่ที่นี่มานับพันปีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในที่นี่ต่อให้ข้าน้อยหลับตาก็สามารถที่จะจำทุกอย่างได้ คุณชายรพี รบกวนเจ้าไปยืนอยู่ด้านหลังพระพุทธรูป”

รพีพงษ์พยักหน้า และค่อยๆเดินไปด้านหลังพระพุทธรูปองค์นี้

“เจ้าเห็นอะไรหรือเปล่า?” นีย์ถาม

รพีพงษ์แหงนมองขึ้นไป และพูดด้วยความนิ่งเฉย: “พระพุทธรูปสูงเกินไป แต่ข้าสามารถเห็นเพียงแค่กลับดอกบัวที่พระพุทธเจ้านั่งเท่านั้น”

“อืม” ญาณิดาพยักหน้า: “มีของที่มีประโยชน์ต่อเจ้าซึ่งซ่อนอยู่ตรงกลางของกลีบดอกด้านหลัง เจ้าลองหามันให้เจอสิ”

รพีพงษ์พยักหน้า และไม่นาน เขาก็เห็นตำแหน่งใจกลางของกลีบดอกบัว

เมื่อชำเลืองมอง กลีบดอกสีทองนี้กับกลีบดอกอื่นๆไม่มีความผิดปกติใดๆเลย

“ขออนุญาตครับ”

รพีพงษ์พูดพร้อมกับคารวะด้วยความเคารพ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเพื่อที่จะเปิดกลีบดอกนี้

แต่กลีบดอกนี้ถูกปิดแนบสนิท ซึ่งไม่สามารถเปิดได้เลย

“เจ้าแน่ใจเหรอ ว่าหนังสือสองเล่มนั้นอยู่ในนี้?” รพีพงษ์ถาม

“แน่ใจและแม้กระทั่งมั่นใจ เจ้าสามารถลองใช้พลังจิตวิญญาณดู” ญาณิดากล่าว

“ในเมื่อเจ้าแข็งแกร่งมากนั้นแล้ว ทำไมเจ้าจึงถึงไม่ช่วยเขาล่ะ!” นีย์ถามด้วยความกังวล

“พระพุทธรูปองค์นี้เป็นเทพเจ้าแห่งเทวโลกของพวกข้า ข้าน้อยในฐานะคนของเทวโลก ไม่สามารถทำพฤติกรรมในการดูหมิ่นใดๆต่อเทพเจ้าได้ และอีกอย่าง หนังสือวิชาลับสองเล่มที่ข้าน้อยมอบให้คุณชายรพี ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเขา แต่สามารถนำมาได้ไหม นั้นก็ขึ้นอยู่ที่เขาแล้วแหละ!” ญาณิดากล่าว

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพลังจิตวิญญาณในมือค่อยๆควบแน่นเข้าด้วยกัน

นิ้วทั้งสิบนิ้วของเขาราวกับคีมเหล็ก กำลังงัดแงะอยู่บนกลีบดอก

เปิด!

รพีพงษ์ตะโกน พลังเทพและพลังจิตวิญญาณเร่ร่อนอยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเส้นเลือดของทั้งตัวเขาจะแตกออก!

ทันทีหลังจากนั้น มีแสงสีทองฉายแวววาว ซึ่งพลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์จะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปอย่างมาก และในขณะนี้ก็ได้ถึงขั้นที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!

ทันทีหลังจากนั้น แสงสีทองส่องสว่างไปทั่ววิหาร!

สำหรับกลีบดอกบัวที่ปิดแนบสนิทนี้ ซึ่งถูกรพีพงษ์งัดแงะออกเป็นช่องเล็กๆโดยตรง ทันทีหลังจากนั้น ช่องเล็กๆนี้ใหญ่ขยายขึ้นเรื่อยๆ

รพีพงษ์ใช้พละกำลังอย่างเต็มที่ และสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นยกกลีบดอกบัวนี้ออกโดยตรง!

“คาดคิดไม่ถึงเลยว่า พลังจิตวิญญาณของคุณชายรพีจะบริสุทธิ์ขนาดนี้ พรสวรรค์เช่นนี้ ถ้าหากถูกนำพาที่เทวโลกละก็ ถ้าอย่างนั้นก็คง……”

ญาณิดาถอนหายใจ แต่นีย์กลับยิ่งกังวลเกี่ยวกับใต้กลีบดอกบัวนั้น มีหนังสือวิชาลับสองเล่มที่ญาณิดาพูดหรือเปล่า!”

“รพีพงษ์ เจ้าหาเจอหรือยัง?” นีย์ถาม

“ในนี้มีหนังสือจริงๆด้วย”

รพีพงษ์เอื้อมมือพร้อมกับหยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง

“แต่แปลก มันมีเพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าว

“เป็นไปได้อย่างไร!”

เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดเช่นนี้ ช่วงระหว่างหายใจญาณิดาก็ได้ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างรพีพงษ์

นางจ้องมองไป แน่นอนว่า ในมือของรพีพงษ์มีหนังสือวิชาลับเพียงแค่เล่มเดียว

“เป็นไปไม่ได้ ทั้งๆที่มีหนังสือสองเล่มอยู่ในนี้ แต่ทำไมเหลือเพียงแค่เล่มเดียวแล้วล่ะ?” ญาณิดาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เจ้าจำผิดหรือเปล่า? หรือว่า เป็นเพราะเห็นแก่เล่น จึงได้ทำหนังสือหนึ่งในนี้หายไปเล่มหนึ่ง?” รพีพงษ์ถาม

“เป็นไปไม่ได้นะ ข้าน้อยได้สิงอยู่ในหินลั่วหงนะ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ จะเห็นแก่เล่นได้ยังไงกันละ?” ญาณิดากล่าว

จากนั้น นางมองดูวิชาลับที่อยู่ในมือของรพีพงษ์: “โธ่เอ๊ย ช่างเถอะ มันก็ไม่ได้เป็นวิชาลับยอดเยี่ยมอะไร เพียงแต่เมื่อเทียบกับวิชาลับอื่นๆในวิหารแล้ว จะเลิศล้ำกว่าเยอะ

ขณะที่พูด ญาณิดาก็ยิ้มเล็กน้อย: “อย่างน้อย วิชาลับที่อยู่ในมือของเจ้าตอนนี้ ข้าน้อยเชื่อว่านี่เป็นเล่มที่เจ้าอยากได้มากที่สุด”

“หา? ใช่เหรอ?” รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็มองไปที่ปกในของหนังสือวิชาลับนี้

“คัมภีร์หยินหยาง? นี้หนังสือวิชาลับประมาณไหน แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นหนังสือเล่มที่ข้าอยากได้มากที่สุด?”

ญาณิดาหัวเราะและพูดว่า: “มันง่ายมาก เพราะว่าคัมภีร์หยินหยางเล่มนี้พอเห็นชื่อก็จะทราบถึงความหมายแฝง ซึ่งมันเหมาะสมกับชายหนึ่งหญิงหนึ่งเข้าสู่ในการฝึกคู่ นี่เป็นสิ่งที่คุณชายรพีใฝ่ฝันมานานไม่ใช่เหรอ?”

“ฝึกคู่?”

ทันใดนั้นแสงสว่างวาบในในดวงตาของรพีพงษ์: “ถ้าอย่างนั้นก็สามารถพานางอารียาเข้าฝึกตนด้วยกันได้ละสิ?”

“ถูกต้อง ได้แน่นอน” ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม: “แม้ว่าคัมภีร์หยินหยางเล่มนี้จะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ข้าน้อยกล้าพูดเลยว่า ไม่มีหนังสือวิชาลับเล่มไหนในบนโลกที่เหมาะสมกว่ามันในการฝึกคู่แล้ว คุณชายรพี เจ้าก็ใช้ๆไปก่อนเถอะ”

“ขอบคุณอย่างมาก”

รพีพงษ์คารวะ ความรู้สึกดีใจมากจนไม่สามารถบรรยายได้ และแววตาของนีย์ที่อยู่ด้านข้างแลดูเปล่าเปลี่ยวเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า หลังจากรพีพงษ์ได้หนังสือวิชาลับฝึกคู่นี้มาแล้ว คนแรกที่นึกถึงในหัวนั้นก็คือภรรยาของเขา อารียา

“โธ่เอ๊ย เพียงแต่ไม่รู้ว่าวิชาลับเล่มที่สองถูกใครขโมย วิชาลับเล่มนั้นเป็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมสำหรับผลการฝึกตนส่วนบุคคล เพียงแค่สามารถฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ซึ่งสามารถบรรลุถึงระดับแดนบุณได้”

รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดา และทันใดนั้นในหัวก็เกิดความคล้อยตาม: “คุณญาณิดา หนังสือวิชาลับที่เจ้าพูดถึง คือกังฟูเสนหรือเปล่า?”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ญาณิดาพูดอย่างประหลาดใจ

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า: “ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี่จะถูกชัชพิสิฐขโมยไปแล้ว และถูกซ่อนไว้ในสุสานกษัตริย์ฉิน โชคดีที่ข้าได้ศึกษามาหมดแล้ว”

ญาณิดาพูดอย่างประหลาดใจ: “จริงเหรอ นี่มันคือฟ้าลิขิตชัดๆ แต่ใครจะรู้ว่าในตอนนั้นชัชพิสิฐเปิดกลีบดอกบัวนั้นได้อย่างไร และทำไมจึงถึงหยิบไปเพียงแค่เล่มเดียว”

รพีพงษ์มองไปรอบๆวิหาร: “ข้าคิดว่า มันน่าจะเป็นผลของวิชาลับที่เก็บวางที่นี่ มิฉะนั้น ตามผลการฝึกตนของชัชพิสิฐในเวลานั้น หากต้องการที่จะเปิดกลีบดอกบัว มันทำไม่ได้อย่างแน่นอน”

“ถ้าหากตามที่กล่าวมานี้ ชัชพิสิฐควรโดนแว้งกัดมันถึงจะถูก แต่เขากลับมีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้ว” นีย์ถามด้วยความสงสัย

รพีพงษ์แตะปลายจมูก: “ในวันนั้นตอนที่ชัชพิสิฐแปรพักตร์จากทวีปโอชวิน และมีพิทักษ์รักษาสี่คนคอยติดตามอยู่รอบตัว เขาไม่ฝึกวิชาลับ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้พิทักษ์รักษาฝึกวิชาลับได้”

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” นีย์ก็เข้าใจได้ทันที ตามที่กล่าวมานี้ ชัชพิสิฐนี้เลวร้ายจริงๆเลยนะ

“แต่ว่าทำไมเขาถึงหยิบไปเพียงแค่เล่มเดียว เรื่องนี้ข้ายังไม่เข้าใจเลยจริงๆ” รพีพงษ์กล่าว

“ข้าน้อยจำได้แล้ว ในวันนั้นตอนที่พวกเขามาถึงเขตต้องห้ามมาขโมยหินลั่วหงและยาเม็ด ข้าน้อยกำลังพักผ่อนอยู่ในหินลั่วหง พอข้าน้อยรู้ตัวก็ได้ห้ามไว้ทันที แต่ไม่คาดคิดมันยังคงสายไปก้าวหนึ่ง ซึ่งกังฟูเสนก็ถูกพวกเขาขโมยไปแล้ว” ญาณิดารำลึกและกล่าว เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และความจำของญาณิดายังคงเลือนราง

รพีพงณ์พูดด้วยรอยยิ้ม: “ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เพียงแต่ห่วงเล่น แต่ยังห่วงนอนอีกด้วย ถูกคนอื่นพรากไปจากทวีปโอชวินแล้ว แต่เจ้ายังมีอารมณ์นอนหลับ เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ”

ญาณิดาก็ได้ระบายความในใจออกมา: “เจ้าหยุดว่าให้ข้าน้อยได้แล้ว อย่างน้อยผลสุดท้ายก็ไม่ได้เลวมากนะ คุณชายรพี ครึ่งแรกของกังฟูเสนคือวิธีการฝึกลม และครึ่งหลังนั้นก็คือส่วนที่สำคัญที่สุด!”

“เส้นลมปราณได้โคจรทั่วตันเถียนเก้าจุด และตันเถียนเก้าจุดได้โคจรทั่วรูปเทพเจ้า! ในตอนนี้เส้นลมปราณของข้าได้โคจรทะลุทะลวงทั่วร่างกาย เพียงแต่ สำหรับประโยคต่อไป ข้ายังหาวิธีการในนั้นไม่เจอ” รพีพงษ์กล่าว

“เรื่องการฝึกตน คนภายนอกพูดสิบประโยคไม่ดีเท่าความเข้าใจตระหนักของตัวเอง เรื่องบางเรื่องสามารถรู้สึกและเข้าใจมันด้วยหัวใจ แต่ไม่สามารถแสดงออดด้วยคำพูดได้ และในขณะเดียวกัน ยังต้องการความโชคอีกเล็กน้อย คุณชายรพี เจ้านั้นโชคดีมาโดยตลอด ข้าน้อยเชื่อว่า ต้องมีสักวันที่เจ้าสามารถเข้าใจและตระหนักถึงความลึกลับของประโยคครึ่งหลังนี้ได้!” ญาณิดาพูดอย่างใจเย็น

รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดานี้ แม้ว่าในสายตาของคนอื่นๆ นางปีศาจเฒ่าคนนี้มีชีวิตอยู่มานับพันปีซึ่งยังคงเหมือนกับเด็กวัยสาว แต่สิ่งที่นางพูดเมื่อกี้นี้ พูดได้ปรัชญามาก

“คุณนีย์” ญาณิดามองไปที่นีย์และเรียก

“อะไร?” นีย์ถาม

“ไม่ต้องประหม่า เดี๋ยวข้าน้อยก็จะกลับไปแล้ว คาดคิดไม่ถึงเลย สุดท้ายคนที่มาส่งข้าน้อยจะเป็นพวกเจ้าสองคน เนื่องจากการได้พบเจอกันคือพรมลิขิต ข้าน้อยก็มีของขวัญชิ้นหนึ่งที่จะมอบให้เจ้า” ญาณิดากล่าว

“ข้า……ข้าน้อยก็มีของขวัญหรือ?” นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ

ซึ่งนางก็รู้ว่า ญาณิดาหญิงคนนี้ไม่ใช่ธรรมอย่างแน่นอน และของขวัญจะมอบให้นางก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“ใช่”

ขณะที่พูด ญาณิดาก็ค่อยๆปลดเข็มขัดที่อยู่บนรอบเอวนั้นลงมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท