พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1437 ไม่อยากให้พวกเราจากไป

บทที่ 1437 ไม่อยากให้พวกเราจากไป

“รพีพงษ์ คนที่เธอกำลังพูดถึงคือใคร? ฉันเคยเห็นไหม?”นีย์ถาม

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว :“เธอไม่รู้จักคนๆนี้หรอก แต่ในก่อนหน้านี้ ผมเคยบอกเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ถูกผนึกไว้ในหินลั่วหง”

“เธอหมายถึง ผีผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ

รพีพงษ์พยักหน้า: “เขาชื่อญาณิดา อยู่บเทือกเขาคุนหลุน เธอเป็นคนที่ผนึกวิญญาณของจิรกิตติ์พี่น้องสามคนนั้นด้วยแสงสีแดงนั้นคือเขา คนที่พาคนทั้งหมดของกลุ่มสิงโตมาสู่ทวีปโอชวินทันทีนั้นคือเขา เมื่อที่ผมอยู่ในทางเดิน คนที่ทำให้ผมกลายเป็นคนคนพิการก็ยังคือเขา!”

“ญาณิดาคนนี้ เก่งและแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?”

นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ สามเรื่องที่รพีพงษ์นั้นพูดถึง ไม่ว่าอยากจะทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ ก็ถือว่าเป็นนักฝึกวิชาตนชั้นยอดแล้ว ถ้าเป็นสภาพแบจิรกิตติ์และคนอื่นๆนั้น ก็ยากที่จะทำได้สำเร็จ

ถ้าสามารถย้อนกลับเข้าไปผ่านในทางเดินทวีปโอชวินนั้นได้ ในปีนั้น จอมมารชูราคงจะทำมานานแล้ว จะตามฆ่จิรกิตติ์และคนอื่นๆนั้นสูญพันธุ์กันให้หมด

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆไม่ได้เกิดขึ้น และแข็งแกร่งเช่นจอมมารชูราก็ทำได้เพียงที่ผนึกช่องทางเดินนั้นไว้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า เมื่อเทียบกับจอมมารชูราแล้ว ความแข็งแกร่งของญาณิดานั้นสูงกว่ามาก

“ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือญาณิดาติดอยู่กับหินลั่วหงนั้น ราวกับวิญญาณ ความแข็งแกร่งของนางนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นนี้แล้ว หากนางเป็นเหมือนพวกเรา ฟื้นคืนร่างคนกลับมา ความแข็งแกร่งเช่นนั้นไม่กล้าที่จะจินตนาการเลย!”

รพีพงษืพูด

นีย์พยักหน้า: “โชคดีที่คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่มีจิตใจที่เลวร้าย และเขาก็ยังได้ช่วยเธอทำสิ่งต่างๆมากมาย ไม่เช่นนั้น วันนั้นคุณพ่อของฉันก็จะ……”

เมื่อพูดถึงเช่นนี้แล้ว นีย์ก็หยุดชั่วคราว และหลังจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก

แต่ในใจของรพีพงษ์นั้นรู้ดีว่าเธออยากสืบถึงอะไร

รพีพงษ์ยิ้มและพูดว่า: “เธอพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะญาณิดาที่ช่วยผมในวันนั้นไว้ ความแข็งแกร่งของจิรกิตติ์พี่น้องสามคนวางไว้ที่นั่น คนกลุ่มสิงโตของพวกเรานั้นก็จะไม่มีวิธีใดๆทั้งสิ้น เวลาผ่านไปนานๆ คนที่แพ้คงต้องเป็นพวกเราแน่นอน”

นีย์ก้มหน้าและไม่พูดอะไร เธอไม่กล้านึกเลย ถ้าหากจิรกิตติ์ฆ่ารพีพงษ์จริงๆในเวลานั้น แล้วสภาพในตอนนี้จะเป็นเช่นไร

ลองคิดดูแล้ว น่าจะจะเป็นฉันท์ชนกที่ควบคุมทวีปโอชวินไว้ ส่วนจิรกิตติ์และคนอื่นๆ ควบคุมทวีปการฝึกตนของจีนนั้นไว้ จากนั้น พวกเขาก็จะแสดงละครการกบฏของคุณพ่อและลูกสาว และคงจะเป็นหลายปีแห่งการต่อสู้

“แต่ว่า ส่วนที่เธอบอกว่ายัยญาณิดาคนนั้นมีจิตใจที่ไม่เลวร้ายนั้น ผมก็ไม่แน่ใจละ เพราะว่า ครั้งนี้ที่มาพื้นที่เขตต้องห้าม เป็นคำขอของเขาเอง” รพีพงษ์พูดกับนีย์

“อะไรนะ? คำขอของเขา?”นีย์จ้องมองรพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ แล้วมองด้วยสายตาที่ระมัดระวัง: “จุดประสงค์ของเขาที่จะมาถึงพื้นที่เขตต้องห้ามของทวีปโอชวินนั้นคืออะไร รพีพงษ์ ทำไมเธอไม่บอกฉันล่วงหน้า ?”

รพีพงษ์จ้องมองไปที่นีย์ เรื่องนี้ไม่ได้บอกล่วงหน้าให้นีย์ได้รับรู้ เป็นความผิดและความประมาทของผมเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อที่ตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของญาณิดาในการมาที่พื้นที่เขตต้องห้ามนั้นคืออะไร

“ผมก็ไม่รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร”

ขณะพูด รพีพงษ์นำหินลั่วหงออกมา

บนผนังหินเรียสีแดงเข้มนี้ มีหน้าแดงจางๆปรากฏขึ้นมา

รพีพงษ์เม้มปาก แสดงความลังเลเล็กน้อย

“รพีพงษ์ เธอเป็นอะไร ฉันก็แค่พูด ถ้าพาเขามาที่นี่แล้ว อย่างน้อย ในตอนนี้เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อทำร้ายพวกเรา” นัย์เผชิญหน้ารพีพงษ์แล้วพูด เธอคิดว่ารพีพงษ์โกรธกับการพูดจาของตัวเองในก่อนหน้านี้

รพีพงษ์มองไปที่หินลั่วหงส่ายหัวแล้วพูดว่า:“ไม่ ตอนนี้ ผมมีความคิดที่ต่างออกไป”

“ความคิดอะไร?” นีย์ถาม

รพีพงษ์จ้องมองนีย์ด้วยดวงตาที่สดใส:“ยังจำสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปในเมื่อกี้ได้ไหม ในวันนั้น ตอนที่เข้าไปในอาณาจักรลับของสระน้ำมังกร เมื่อพระอาทิตย์ตกดินสีแดงอยู่ในคิ้วของพระพุทธรูปองค์นี้ บังเอิญว่าอาณาจักรถูกเปิดออก ตอนนี้ผมเป็นห่วงเล็กน้อย”

นีย์จ้องมองรพีพงษ์ที่โศกเศร้า ขมวดคิ้ว

“ฉันเข้าใจแล้ว เธอเป็นห่วงเป็นใยว่า ตอนนี้ พระพุทธรูปที่อยู่ในวัดที่มีไฝแดงจางหายไปจากคิ้วด้วยเช่นกัน ถ้าไฝแดงกลับเข้าที่ งั้นก็……”

“จากนั้น อาณษจักรลับใหม่อาจถูกเปิดออก!”รพีพงษ์พูดกับนีย์ด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ

นีย์ตกใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น ส่วนรพีพงษ์ก็ยังรู้สึกเย็นๆในที่หลังอีกด้วย!

ถ้าหากทวีปโอชวินเป็นอาณาจักรลับ ถ้าหากเป็นเหมือนอย่างที่ตัวเองดาวไว้จริงๆ ไฝสีแดงที่หายไปในคิ้วกลับสู่ที่เดิม ก็คงจะเปิดอาณาจักรลับอื่นออกมาอีก งั้นอาณาจักรลับนี้จะถูกเปิดขึ้น สำหรับทวีปโอชวินทั้งหมดนี้แล้ว อย่างที่โลกเป็นห่วงจะเป็นพรหรือคำสาป ทุกอย่างก็ไม่มีใครรู้

แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่รพีพงษ์มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์

ในฐานะที่เป็นอาณาจักรลับของทวีปโอชวินนั้นมีความลึกลับและมหัศจรรย์มาก และในนั้นก็มีจ้าวแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าบนโลกมากมาย หากยังมีอาณาจักรลับซ่อนอยู่ในอาณาจักรลับนี้อีกแล้วก็ อาณาจักรลับใหม่นี้จะต้องมีพลังมากกว่าทวีปโอชวินแน่นอน!

“รพีพงษ์ ฉันคิดว่าการพิจารณาของเธอนั้นถูกต้องมาก ไม่รู้ว่าทำไม ฉันรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอว่า ถ้าหากมีอาณาจักรลับซ่อนอยู่ในทวีปโอชวินจริงๆ จะมีลักษณะอย่างไรเมื่อถูกเปิดออก “นีย์ถาม

รพีพงษ์ส่ายหัว: “ที่นี่คือเขตแดนของทวีปโอชวิน ผ่านวัดแห่งนี้ไป ข้างหน้าก็ไม่มีถนนแล้ว เป็นเพราะเหตุนี้เอง นี่ถึงได้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด ที่จะใช้เป็นทางเข้าอาณาจักรลับ เพราะว่า ตามความเห็นของพวกเธอแล้ว การเปิดอาณาจักรลับนั้น ก็ราวกับว่าคือโลกใบใหม่เลย!”

นีย์พยักหน้า:“รพีพงษ์ พวกเรารีบๆไปกันเถอะ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าอาณาจักรลับนี้จะถูกเปิดออกเมื่อไร แต่ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าทวีปกิตติ์ ฉันต้องพิจารณาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทวีปโอชวิน ในอาณาจักรลับนี้เป็นความชั่วร้ายหรือจะเป็นความโชคดี เธอและฉันต่างก็ไม่ไม่มีใครทราบ พวกเราอย่าไปเสี่ยงเลย”

รพีพงษ์พยักหน้าเห็นด้วย เขาจ้องมองหินลั่วหงที่อยู่ในมือ แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า :“เธอพูดถูก ผมทำตามสัญญาแล้ว และได้นำหินลั่วหงเข้ามาในพื้นที่เขตต้องห้ามแล้ว เพราะฉะนั้น พวกเรากลับไปกันเถอะ”

เมื่อพูดเช่นนั้น รพีพงษ์ก็ดึงนีย์ และเดินออกไปจากวัดอย่างรวดเร็ว

เพียงเดินแล้วแค่สองก้าว ทันใดนั้น ลมเย็นพัดมา และประตูของวัดที่เปิดกว้างก็ปิดอย่างแน่นหนา

ทันทีหลังจากนั้นวัดก็มืดสนิท ต่อมา มีไฟผีสองสามดวงก็แวบวาบผ่าน ราวกับผี

“รพีพงษ์ นี่มันเป็นอะไรไป?”

นีย์ถามอย่างประหม่า เธอเข้าหารพีพงษ์โดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเธอรู้สึกถึงปลอดภัยเมื่อได้อยู่เคียงข้างของรพีพงษ์เท่านั้น

รพีพงษ์จับนีย์ด้วยมือข้างหนึ่ง ขมวดคิ้ว: “ไม่ต้องกลัว ดูเหมือนว่า มีคนไม่อยากให้พวกเราออกไปจากที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว!”

นีย์จ้องมองไปที่ไฟผีสองสามดวง หลังจากที่ถูกรพีพงษ์จับมือตัวเองนั้นไว้ เธอก็ดูเหมือนจะสงบลง ไม่ได้กลัวเหมือนเมื่อสักครู่

“เธอพูดถูก ในเมื่อมีคนไม่อยากให้พวกเราจากไป ฉันก็จะคอยดู ว่าคนๆนี้เป็นใครกันแน่!”

นีย์พูดอย่างเย็นชา

ทันใดนั้น กลุ่มของเปลวไฟสีน้ำเงินก็โจมตีมาในทางของรพีพงษพวกเขาโดยตรง

“ระวัง!”

รพีพงษ์เอื้อมมือออกเพื่อดึงนีย์ไปไว้ข้างหลังของเธอ จากนั้น พลังวิญญาณอันทรงพลังก็แผ่ออกมาจากร่างกายของตัวเอง และโจมตีไฟผีโดยตรง

แต่กลุ่มไฟผีนี้ดูเหมือนจะมีพลังมากกว่าที่จินตนาการไว้ เมื่อทั้งสองมาสัมผัสกัน จิตวิญญาณของรพีพงษ์รับรู้ได้ว่า นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าไฟผีเลย ตรงกันข้าม มองเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นนี่กลุ่มพลังวิญญาณ!

พลังวิญญาณที่ควบแน่นนี้ แข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรทั่วไป

แต่ว่า สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ในวัดแห่งนี้ มีพลังวิญญาณเหมือนเช่นนี้มากสุดก็แค่สิบคนเท่านั้น!

“รพีพงษ์ พวกเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าตอนนี้พวกเราควรหลีกเลี่ยงความอันตรายและหนีออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” นีย์พูด

รพีพงษ์ส่ายหัว: “ไม่ พลังวิญญาณเหล่านี้เร็วมาก ถ้าพวกมันโจมตีพวกเราพร้อมกัน ผมเกรงว่ามันจะต้านทานได้ยาก!”

“โอเค ถ้าอย่างนั้น ฉันจะสู้กับมันอย่างเต็มที่!”

นีย์เต็มไปด้วยสงครามและพูด

เธอจับแสงสีฟ้าซีดและมองไปที่รพีพงษ์ ที่มีจมูกโดงสูงและดวงตาของเธอหนักแน่น และได้มีความรู้สึกแปลกๆเข้ามาในใจของเธอ

วินาทีนี้ สิ่งที่เธอรู้สึกนั้นไม่ใช่ความตึงเครียดและความวิตกกังวลก่อนสงคราม ตรงกันข้าม เธอรู้สึกว่ามันเป็นความสุขที่ได้สู้อยู่เคียงข้างในรพีพงษ์

แม้ว่าฉันจะต้องเสียสละเพื่อเขา ฉันก็เต็มใจ

นีย์แอบคิดอยู่ในใจ

“ระวัง!”

รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง กลุ่มของไฟผีแทงออกจากแนวเฉียง และโจมตีไปในทางของนีย์โดยตรง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท