พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1450 ชนะสงครามโดยไม่ต้องใช้กำลัง

บทที่1450 ชนะสงครามโดยไม่ต้องใช้กำลัง

ยามวิกาล หนูลินนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว แต่ในเวลาดึกดื่น รพีพงษ์กลับจุดเทียนพูดคุยอยู่กับอารียาสองต่อสอง

ประเด็นในการสนทนาไม่มีอะไรมากไปกว่าการเตรียมการขั้นต่อไป

เมื่อได้ยินรพีพงษ์วางแผนให้หนูลินอยู่ที่เกียวโต ช่วงเวลาที่พาตนเองไปยังป่าหมอกเพื่อการฝึกตน อารียายังแสดงออกถึงความไม่พอใจออกมา

“ตั้งแต่หนูลินเกิดมา รพีพงษ์ยังไม่เคยห่างจากเธอเลย ตอนนี้คุณต้องพาฉันไปยังป่าหมอก และถอดทิ้งหนูลินไว้ที่เกียวโตอีก อย่างไรก็แล้วแต่ฉันก็ยังไม่วางใจจริง ๆ” อารียาพูดตอบ : “หากต้องทำอย่างนี้จริง ๆ งั้นฉันยอมที่ไม่ไปฝึกตนเสียดีกว่า”

“ไม่ฝึกตน?” รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย : “ฉันก็รู้ การเลือกที่จะทำเช่นนี้ กลับเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่บ้าง ขณะเดียวกัน ฉันก็ทนไม่ได้ที่จะจากหนูลินไป เธอน่ารักขนาดนั้น น่ารักน่าเอ็นดู ขนาดนั้น”

“แต่ว่า หนูลินยังเด็กเกินไป มิเช่นนั้นก็พาเธอไปฝึกตนด้วยกันก็ยังได้ อีกทั้ง หนูลินมีความเหมาะสมมากต่อการฝึกตนมาตั้งแต่กำเนิด” รพีพงษ์พูดตอบ

“งั้นควรทำอย่างไรดีล่ะ?”

อารียาพูด ด้านหนึ่งตัวเองก็ไม่ต้องการแยกจากรพีพงษ์ สักวันหนึ่งในอนาคต และอีกด้านหนึ่งเธอก็ไม่อยากแยกจากหนูลิน

“เฮ้อ บางครั้งก็อยากให้เธอรีบโตไว ๆ แต่บางเวลาก็ยังอยากให้เธอเป็นเด็กเล็กอย่างนี้ตลอดไป รพีพงษ์คุณว่าความคิดของฉันมันตลกไหม” อารียาพูดกับตัวเองแล้วมองไปยังหนูลินที่กำลังนอนหลับสนิท

“ไม่” รพีพงษ์กุมมืออารียาอย่างความอ่อนโยน: “ความคิดของผมนั้นเรียบง่ายมาก ผมแค่หวังวให้หนูลินมีสุขภาพดี มีความสงบสุข”

อารียาพยักหน้า สุขภาพดีมีความสุข นี้เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่พ่อแม่มีต่อลูกแล้ว

“รพีพงษ์ งั้นคุณว่า เรื่องการฝึกตนของคุณกับฉันควรจะรอให้กลับถึงเกียวโตแล้ว ค่อยปรึกษากันดีไหม?” อารียาเอ่ยปากถาม: “อย่างไรก็ตาม ให้ฉันแยกจากหนูลิน กลับเป็นเรื่องยากสำหรับฉันแม้ว่าการแยกจากเธอนั้นจะเป็นการฝึกตนกับคุณก็ตาม เกรงว่าฉันคงทำสมาธิได้ยาก”

“คุณพูดก็ถูกต้อง ความจริงแล้ว ตอนนี้ผมก็เริ่มเปลี่ยนความคิดของผมแล้วล่ะ” รพีพงษ์พูด แล้วนำ คำภีร์หยินหยางออกมาจากหน้าอก

“นี่คือ?”

“นี่คือวิชาลับที่ญาณิดาฝากไว้ในผมก่อนจากไป เหมาะสำหรับการฝึกฝนสำหรับชายหญิงที่สุด” รพีพงษ์กล่าว

จากนั้น อาศัยแสงเทียน รพีพงษ์เริ่มเปิดวิชาลับหน้าแรกขึ้น

“วิชาหยินหยาง รวมองค์ประกอบธาตุทั้งห้า พลังจิตสอดประสาน หลอมรวมเป็นหนึ่ง!”

แค่คำสั้น ๆเพียงเท่านี้ กลับคือบทบัญญัติของวิชาลับนี้

แน่นอนว่าอารียานั้นไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนรพีพงษ์จะมองเห็นบางอย่างในบทบัญญัตินี้

“แท้จริงสิ่งที่เรียกว่าวิชาการฝึกตนคู่นั้น สิ่งสำคัญประการแรก ทั้งสองคนต้องมีจิตใจที่หลอมรวมกันก่อน” รพีพงษ์ถอนหายใจเบา ๆ

“เฮ้อ จิตใจยังต้องหลอมรวมกันอีก เกี่ยวกับปัญหาของหนูลินแล้ว พวกเรายังมีความคิดเห็นต่างกัน ดูไปแล้ว การฝึกตนคู่นี้คงจะไม่สามารถทำต่อได้แล้ว”

อารียาถอนหายใจ ตั้งใจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

รพีพงษ์มองอารียา ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้อยู่แก่ใจว่าภรรยาของตนตั้งใจพูดคำเหล่านี้ออกมา

“อารียาคุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ” รพีพงษ์เผยรอยยิ้มในแววตา

“แล้วคุณล่ะ? จะไปอีกไหม?” อารียารีบพูดขึ้น จับมือของรพีพงษ์จนแน่น

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “วางใจได้ ผมไม่ไปไหน ไม่จากคุณไปไหนอีกแล้ว”

“งั้นคุณหมายความว่า?” อารียาถามด้วยความสงสัย

“พรุ่งนี้ต้องไปแล้ว เมื่อครู่ผมลืมมอบหมายเรื่องอะไรบางเรื่อง คุณไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”

พูดพลาง รพีพงษ์เดินไปถึงประตูห้อง ทันใดนั้นเขาหันหลังกลับแย้มยิ้มพูดว่า: “ สิ่งที่คุณพูดมาเมื่อครู่ผมจดจำไว้หมดแล้ว วางใจได้ ปัญหาของหนูลิน ผมจะให้คำตอบที่คุณพอใจอย่างแน่นอน”

พูดแล้ว รพีพงษ์ก็เดินออกจากห้องไป……

อารียามองรพีพงษ์เดินออกไป ค่ำมืดดึกดื่น รพีพงษ์เขาจะไปหาใครกันนะ?

ภายนอกกลุ่มสิงโต ร่างสูงใหญ่ของรพีพงษ์และจิรภัทรยืนอยู่ท่ามกลางความมืด

“รพีพงษ์ ก่อนหน้านี้ช่วยเหลือคุณได้ไม่มากนัก อย่าได้ถือโทษเลยนะ” จิรภัทรพูด

รพีพงษ์ส่ายศีรษะ: “ เจ้าจิรภัทรเกรงใจไปแล้ว แม้แต่พี่น้องสมาคมสยบเซียนของพวกคุณก็ยังมาช่วยผม นั่นคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผมแล้ว อีกอย่าง ยาเม็ดที่คุณนำมาให้นั้น สำหรับทุกคนแล้วเป็นของที่หาได้ยากมากจริง ๆ”

จิรภัทรพูดถ่อมตนว่า: “พูดถึงยาเม็ด ใครจะเทียบชั้นคุณรพีพงษ์ได้อีกล่ะ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพราะความจริงก็เป็นเช่นนี้ เกี่ยวกับการกลั่นยาของตนเอง นับได้ว่ามีพรสรรค์อยู่บ้าง

“รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าการมาพบคุณในครั้งนี้ กลับเป็นการจากกันที่รวดเร็วอะไรขนาดนี้ ว่าไปแล้ว เกรงว่าจิลลาเด็กสาวคนนั้น คงจะเสียใจมากที่สุด” จิรภัทรยิ้มแล้วพูด

รพีพงษ์ถามกลับว่า: “ทำไม ทำไมเธอเสียใจเหรอ?”

“แม้ผมจะอายุมากแล้ว แต่มองออกว่า หลังจากออกจากสำนักเทพยาเซียนแล้ว สาวน้อยจิลลานั้นได้เห็นคุณเป็นไอดอลของเธอ การมาที่กลุ่มสิงโตครั้งนี้ เธอหวังที่จะสามารถช่วยเหลือคุณได้ แต่ว่า ผลลัพธ์กลับทำให้เธอผิดหวัง” จิรภัทรกล่าวตอบ

รพีพงษ์มีสีหน้าเรียบเฉย คราวก่อนช่วงที่ตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่ตอบโต้กลับทวีปโอชวิน แม้ผู้อาวุโสธีรพัฒน์ยังต้องจบชีวิตอยู่ที่นั้น

แม้จิลลาจะมีพรสวรรค์สูง แต่อายุยังน้อยเกินไป ในด้านการฝึกตนเมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้วถือว่ายังด้อยกว่ามาก ถ้าหากรีบเร่งไปทวีปโอชวินแล้ว อาจเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้

“กลับไปบอกจิลลา บางทีอีกไม่นาน พวกเราจะได้พบกันอีก” รพีพงษ์แย้มยิ้มแล้วพูดขึ้น

“อ่อ?รพีพงษ์ คุณหมายความว่า?” จิรภัทรแววตาแฝงไปด้วยความดีใจ พูดกับรพีพงษ์

“ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า จะพาอารียาไปป่าหมอกเพื่อฝึกตนด้วยกัน ถึงเวลานั้น คงต้องรบกวนเจ้าจิรภัทรแล้ว” รพีพงษ์กุมมือคำนับพูดขึ้น

“มิกล้า มิกล้า สัตว์วิญญาณในป่าหมอกล้วนเคารพนับถือคุณ หากไม่ใช่สิ่งที่คุณทำไว้ก่อนหน้านี้ คนของสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ไม่มีทางเข้าไปในป่าหมอกแม้แต่ก้าวเดียว!”

จิรภัทรพูดสำทับต่ออีกว่า: “รพีพงษ์ คุณพาภรรยาของคุณไปยังป่าหมอก ผมก็จะไปรอคุณอยู่ที่นั่น”

ว่าแล้ว จิรภัทรหันหลังคิดจะกลับไป

“จะรีบไปไหน?”

“ผมจะรีบนำข่าวนี้ไปบอกกับจิลลา เด็กคนนั้นได้ยินแล้วเขาคงจะดีใจมาก” จิรภัทรยิ้มแล้วพูด

รพีพงษ์ส่ายศีรษะอย่างเสียไม่ได้ พูดไปแล้ว จิรภัทรตามใจเด็กสาวจิลลาจนเสียนิสัยแล้วจริง ๆ

“อย่ารีบร้อน ผมยังมีอีกเรื่อง ที่จะปรึกษากับเจ้าจิรภัทร” รพีพงษ์พูดขึ้น

“อ่อ? เรื่องอะไรเหรอ?” จิรภัทรถามด้วยความประหลาดใจ

แววตารพีพงษ์เปลี่ยนไป พูดกับจิรภัทรเบา ๆ ว่า: “ผมวางแผนที่จะ……”

บนเขาคุนหลุน สายลมพัดผ่าน ต้นไม้เขียวชอุ่มส่งเสียงพลิ้วไหว

ครู่เดียว ขอบฟ้าทางตะวันออกเผยให้เห็นสีแดงระเรื่อ ดวงอาทิตย์สีแดงฉานกำลังขึ้นอย่างช้า ๆ!

บนยอดเขาคุนหลุน ใบพัดขนาดใหญ่ของเฮลิคอปเตอร์รุ่นอาปาเช่ใหม่เอี่ยมกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์ใส่ชุดสูทสวมแว่นตาดำ ข้างกายของเขาก็คือหนูลินและอารียา

“ทุกท่านโปรดส่งเพียงเท่านี้”

รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าผู้คน กวาดสายตาไปยังคนเหล่านั้น

มังกร หงส์ พยัคฆ์ ธัชธรรม ธมกร นฤชัย นิศมา จิรภัทร…… ใบหน้าแต่ละคนตราตรึงอยู่ในสมองของรพีพงษ์

นับดูแล้ว ตนเองเข้ามาอยู่ในกลุ่มสิงโตเป็นเวลานานมาก

ตอนที่รพีพงษ์เพิ่งเข้ามานั้น ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องพบกับความท้าทายและอันตรายอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ รอจนถึงเวลาที่รพีพงษ์จะต้องจากไป กลับทำภารกิจจอมมารชูร่าได้สำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำไม่สำเร็จ!

สิ่งที่เขาทำไม่เพียงแต่สามารถกำจัดทวีปโอชวิน แล้วยังรวบรวมทวีปโอชวินกับทวีปการฝึกตน ประเทศจีนให้เป็นหนึ่งเดียว จากนั้นเป็นต้นมาไม่มีข้อพิพาทอีกต่อไป!

ชนะสงครามโดยไม่ต้องใช้กำลัง รพีพงษ์ได้ทำให้ประโยคนี้เป็นจริงขึ้นมาได้

เฮลิคอปเตอร์รุ่นอาปาเช่ค่อย ๆ ลอยขึ้นไป มุ่งหน้าสู่เกียวโต

บนยอดเขาคุนหลุน สายของทุกคนต่างจับจ้อง พวกเขารู้ดี รพีพงษ์เหมือนเฉกเช่นจอมมารชูร่า ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว และตนเองก็มีความสุขที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานฉบับนี้!

เกียวโต วันนี้เดิมทีเป็นวันที่ปกติธรรมดาอีกวันหนึ่ง แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ กลับทำให้วันนี้เป็นวันที่ไม่ปกติไปแล้ว

“ประมุกรพีกลับมาแล้ว!”

ข่าวนี้ไม่นานได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเกียวโต แม้จะไม่โด่งดังไปทั่วทุกตรอกซอกซอย แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความสั่นสะเทือนได้!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท