พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1449 แยกทางเพื่อพบกันอีกครั้ง

บทที่1449 แยกทางเพื่อพบกันอีกครั้ง

ทุกคนต่างมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าชื่นชมยินดี ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้ดีใจไปมากกว่าการได้วิชาลับอันดับหนึ่งในโลก สำหรับนักฝึกวิชาการฝึกตน

ยิ่งไปกว่านั้น กังฟูเสนยังได้รับการยืนยันจากคนถึงสองคน รพีพงษ์กับญาณิดา ซึ่งทุกคนในที่นี้ต่างก็ได้เห็นถุงความมหัศจรรย์ของพลังกังฟูเสนแล้ว

แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่า รพีพงษ์เป็นคนใจกว้างถึงขนาดนี้ ยินดีอุทิศกังฟูเสน ให้กับนักฝึกวิชาการฝึกตน!

“ยอดเยี่ยมไปเลย หากพูดอย่างนี้ ฉันก็สามารถฝึก กังฟูเสนเพื่อไปให้ถึงแดนบุญได้ใช่ไหม?” ธมกรหรี่ตาคิดวาดฝันไปไกล

“ฮ่า เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าจะกลับไปเมืองหลวง ทำไม ตอนนี้ ไม่กลับไปแล้วหล่ะ?” หงส์พูดพลางยิ้มเยาะ

ธมกร หัวเราะอย่างมีความสุข: “ในเมืองหลวงไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการฝึกตน ฉันตัดสินใจแล้ว จะอยู่ฝึกตนในกลุ่มสิงโตนี่แหละ คนอย่างฉันเป็นคนที่มุ่งมั่นแน่วแน่ อีกหน่อยคุณหงส์ก็จะเข้าใจผมเอง”

ธมกรพูดพลาง poseท่าที่คิดว่าตนหล่อที่สุดให้กับหงส์ จนทำให้หงส์รู้สึกสะอิดสะเอียน

“ เออใช่สิ เจ้าจิรภัทร”

รพีพงษ์พลันหันหน้าไปทางจิรภัทร

“ขณะที่ผมทำการฝึกตน ก็ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรสูงส่งนักหนา เกี่ยวกับกังฟูเสนแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องใช้มัน ส่วนจิลลาเอง เธอเป็นคนมีพรสวรรค์ ผมยังคงสนับสนุนเธอ” จิรภัทรพูดขึ้น

“ไม่ เจ้าจิรภัทร สิ่งที่ผมต้องการจะพูดกับคุณ ไม่ใช่เรื่องกังฟูเสน” รพีพงษ์พูด

“อ๋อ? อะไรเหรอ……” จิรภัทรมองหน้ารพีพงษ์ด้วยท่าทีฉงนสนเท่

“ในเขตต้องห้ามของทวีปโอชวิน มีสมุนไพรที่มหัศจรรย์มากกว่าป่าหมอกมาก ผมเชื่อว่าหากมีสมุนไพรเหล่านี้เป็นตัวเสริม โอกาสในการทำยาเม็ดให้สมบูรณ์มีถึงร้อยละ80เชียวนะ!” รพีพงษ์พูดอธิบาย

“อะไรนะ ยังมีสถานที่ที่มีสมุนไพรคุณภาพสูงกว่าป่าหมอกอีกเหรอ?” แววตาจิรภัทรเปล่งประกาย

หากพูดว่า วรยุทธที่มหัศจรรย์เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับนักฝึกวิชาการฝึกตน งั้นก็ไม่มีเรื่องอะไร ที่จะสำคัญไปกว่าการได้รับสมุนไพรชั้นเลิศ สำหรับนักกลั่นยา!

อีกทั้ง จิรภัทรเอง ก็เชื่อใจรพีพงษ์ เป็นอย่างมาก สาเหตุไม่ใช่เพราะตัวเขา แต่เป็นเพราะรพีพงษ์เองเป็นนักกลั่นยาระดับพีคของประเทศจีนคนหนึ่ง สิ่งที่เขาพูด จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!

“โอเค สิ่งที่ผมอยากจะพูด ก็พูดหมดแล้ว ทุกท่าน ถึงแม้โลกของพวกเราในตอนนี้ ไม่ได้คุกคามการเป็นอยู่ของพวกเราชั่วคราว สำหรับทวีปการฝึกตนของพวกเรา แต่ต้องจำเอาไว้ว่าจะต้องเตรียมป้องกันไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทุกท่านยังคงต้องฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น พยายามทำให้ตนเองแกร่งขึ้น มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น สามารถทำให้เรามั่นใจเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า และมีโอกาสที่จะชนะคู่ต่อสู้ได้!” รพีพงษ์พูดขึ้นด้วยท่าทีมั่นคง

ทุกคนต่างมองรพีพงษ์ การฝึกตนของรพีพงษ์มาถึงขั้นนี้ อีกทั้งยังเป็นคนหนุ่มสาว เส้นทางการฝึกตนยังอีกยาวไกล สำหรับตนเองแล้ว ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรมากไปกว่าเขา จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่มุ่งมั่นพยายามให้มากยิ่งขึ้น?

“เจ้าสำนักวางใจได้ พวกเราจะต้องมุมานะการฝึกตนให้ดีที่สุด” ทุกคนต่างตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง

แดนบุญก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น แต่ในตอนนี้ รพีพงษ์คิดที่จะถ่ายทอดกังฟูเสนให้กับทุกคน ทำอย่างนี้ก็มีโอกาสที่จะไปถึงแดนบุญได้

ไปถึงแดนบุญ ก็แสดงว่าจะได้เป็นอมตะ มนต์เสน่ห์ล่อใจเช่นนี้ ช่างมากมายเสียเหลือเกิน!

ปลดปล่อยพลังจิต จิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ ก็ได้เข้ามาปกคลุมกลุ่มสิงโตทั้งหมด

เคล็ดวิชาพลังภายในส่วนแรกครึ่งหนึ่งของกังฟูเสน รพีพงษ์ได้ถ่ายทอดไปยังสมองของทุกคนผ่านจิตวิญญาณเทพของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

คนเหล่านั้นหลับตาสนิท ทำสมาธิเพื่อสัมผัสถึง ความมหัศจรรย์ของกังฟูเสน

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลังจากมั่นใจว่าทุกคนได้รับเคล็ดวิชาพลังภายในกังฟูเส้นครบทั้งหมด รพีพงษ์จึงดึงพลังจิตกลับมา

“ทุกท่าน หวังว่าครั้งต่อไปที่ได้เจอพบกัน ทุกท่านจะมีพัฒนาการที่มากขึ้น ขุนเขาสายน้ำย่อมมาบรรจบกัน ต่อไปในภายภาคหน้า ผมยังคงหวังว่าจะมีวันที่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องทุกท่าน!”รพีพงษ์กุมมือคำนับกล่าวขึ้น

“ในขณะเดียวกัน ผมยังคงรำลึกท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ตลอดไป เป็นเพราะเขาไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จนทำให้พวกเราได้รับชัยชนะ ขณะที่ต่อต้านทวีปโอชวินในครั้งนั้น!”รพีพงษ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ทุกคนต่างขมวดคิ้ว แม้ช่วงเวลาที่อยู่กับธีรพัฒน์จะไม่นานนัก แต่ภายในใจของพวกเขา ยังคงชื่นชมจากใจจริง ยอดฝีมือในขณะนั้น

แต่หลังจากที่ทุกคน ครุ่นคิดคำพูดของรพีพงษ์เมื่อครู่นี้อย่างละเอียด ต่างก็สอบถามด้วยความตกตะลึง ว่า: “เจ้าสำนัก ความหมายของท่านก็คือต้องไปจากกลุ่มสิงโตเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มพยักหน้ารับคำ ขณะเดียวกัน ก็มองไปที่อารียา ที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสายตาอบอุ่น

“อารียา คุณมาทางนี้หน่อย”

รพีพงษ์พูดเสียงเบา

อารียาพยักหน้า ถ้าก่อนหน้านี้ เธอคงจะโมโหเป็นอย่างมากที่รพีพงษ์ไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลา แต่ตอนนี้ หลังจากทราบว่าสองวันที่ผ่านมา รพีพงษ์เกิดเรื่องราวมหัศจรรย์มากมาย เธอจึงไม่มีท่าทีขุ่นเคืองแต่อย่างใด

อารียาเดินเข้ามาหา รพีพงษ์กุมมือของเธอเบา ๆ

ภายในห้องโถงใหญ่ รพีพงษ์กับอารียา ทั้งสองคนยืนจับมือต่อหน้าผู้คนมากมาย ทุกคนที่อยู่ด้านล่างไม่มีใครเลยที่ไม่ร้องอุทานออกมา ทั้งคู่ช่างดูเหมาะสมกันเป็นอย่างมาก

“รพีพงษ์ คุณเรียกฉันขึ้นมามีเรื่องอะไรเหรอ? สิ่งที่คุณพูด เกี่ยวกับเรื่องการฝึกตน ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ฉันก็พอจะเดาออกว่า ระดับแดนบุญนี้คงจะแข็งแกร่งกว่าพวกคุณมาก ใช่ไหม” อารียา เคยปากถาม

รพีพงษ์ แย้มยิ้มและพยักหน้า จากนั้นมองไปทางผู้คนด้านล่าง พูดว่า: “ทุกท่าน ผมมาเข้าร่วมกลุ่มสิงโตก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมา ผมจะจดจำไปชั่วชีวิต แต่ในโลกนี้ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา การจากกันในวันนี้ ก็เพื่อพบกันอีกครั้งในวันข้างหน้า”

รพีพงษ์ หันหน้าไปมองอารียาที่ยืนอยู่ด้านข้าง พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า: “ต่อจากนี้ ผมจะพาภรรยาของผม กลับไปที่เกียวโตด้วยกัน จากนั้นวางแผนจะพาภรรยาของผมทำการฝึกตนพร้อมกัน”

“ทำการฝึกตนพร้อม?”

“ถูกต้อง!” รพีพงษ์พยักหน้ารับคำ สีหน้าอารียาที่ยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึง

แม้ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ เคยเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง แต่ไม่คิดว่า จะเกิดขึ้นรวดเร็วอะไรปานนั้น

“ฉัน…… ฉันทำได้จริง ๆ เหรอ?” อารียา ถามกลับด้วยความประหลาดใจ เพราะเธอไม่เคยรู้สึกว่าตนเองนั้นมีพรสวรรค์ทางด้านการฝึกตนแต่อย่างใด

“ก่อนหน้านี้ผมมีความมั่นใจแค่สามส่วน แต่ตอนนี้ ผมมีความมั่นใจเต็มร้อย” รพีพงษ์พูดขึ้น ที่มาของความมั่นใจนี้ก็มาจากคำภีร์หยินหยางที่อยู่ในหน้าอกของเขา

“ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ดีมากน่ะสิคุณหลิน รพีพงษ์เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ ผมมั่นใจมาก เขาจะต้องเป็น อาจารย์ที่ดีคนหนึ่ง คุณไปกับเขา สามารถเดินบนเส้นทางการฝึกตนได้ อย่างแน่นอน” ธัชธรรม แย้มยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น

“ได้ยินหรือยัง ต่อไปอยู่ที่บ้านผมเป็นสามีของคุณ อยู่ข้างนอก ผมก็ยังเป็นอาจารย์ของคุณอีกนะ” รพีพงษ์พูดหยอกล้อ

อารียามองค้อนรพีพงษ์ แต่สำหรับเรื่องการฝึกตนนั้น เธอก็มีความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้เห็น ฝีมือของรพีพงษ์และทุกคนในกลุ่มสิงโต เธอรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ในนั้น

“เจ้าสำนักจะออกเดินทางเมื่อไหร่” หงส์ เอ่ยปากถาม

“พรุ่งนี้!” รพีพงษ์ยิ้มและพูดขึ้น จูงมืออารียาเดินลงมา

ทุกคนต่างก็มองดูรพีพงษ์เดินจากไป ในดวงตาจิลลากับพวกซ่อนคำพูดไว้มากมาย

กลุ่มสิงโตที่เดินทางมาในครั้งนี้ เป้าหมายหลักของจิลลา ต้องการที่จะเข้าพบรพีพงษ์ แต่คาดไม่ถึง เรื่องราวฉับพลันทันด่วน รพีพงษ์ก็ได้จากไป

“คุณพ่อ!”

ด้านข้างห้องโถงใหญ่ มีเสียงเรียกของเด็กดังขึ้น

ขวัญนลิน วิ่งโผเข้าหา รพีพงษ์

อารียาแปลกใจเป็นอย่างมาก เดิมทีหนูลินเธอควรที่จะนอนหลับอยู่ แต่กลับมาที่ห้องโถงใหญ่ในเวลานี้

หรือว่า เด็กคนนี้กับรพีพงษ์จะมีจิตใจที่ประสานถึงกันได้ จึงล่วงรู้ว่ารพีพงษ์กลับมาแล้ว?

รพีพงษ์อุ้มตัวหนูลินยกขึ้นสูง ในดวงตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู

“พ่อกลับมาแล้วหนูลิน พรุ่งนี้พวกเราจะกลับไปเกียวโตกัน” รพีพงษ์ พูดขึ้น

“อืม”

หนูลิน ที่อยู่ในอ้อมกอดของรพีพงษ์พยักหน้าเห็นด้วย ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปทางรพีพงษ์

ขณะที่รพีพงษ์จ้องมองที่ดวงตาอันบริสุทธิ์ของหนูลิน ใบหน้าของญาณิดาในขณะที่จากกัน ได้ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา

พลังจิตของเขาปล่อยออกมา สำรวจร่างกายของหนูลิน ทันใดนั้น รพีพงษ์ตัวเย็นเฉียบด้วยความประหลาดใจ

“เป็น……อย่างนี้ได้ยังไง?” รพีพงษ์ มองดูหนูลินด้วยความตกตะลึง

“คุณพ่อเป็นอะไรเหรอ ทำไมถึงมองหนูอย่างนั้น?” หนูรินถามด้วยสีหน้างุนงง

รพีพงษ์ รีบแย้มยิ้มตอบกลับไปว่า: “ไม่ ไม่มีอะไร พ่อคงดีใจมากไป พวกเรากลับไปพักผ่อนที่ห้องกันเถอะ”

“อืม” หนูลิน พยักหน้าตอบรับคำอย่างฉลาดเฉลียว กลับไปที่ห้องพร้อมกับรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท