พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1448 ครั้งแรกที่มิอาจลืมเลือน

บทที่1448 ครั้งแรกที่มิอาจลืมเลือน

“เธอมันสมควรตาย กลับมาแล้วสินะ!”

อารียาจ้องมองรพีพงษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา!

รพีพงษ์ก้าวเท้าเข้าไปหาอารียาอย่างช้า ๆ ธมกรที่อยู่ด้านข้างมองดูรพีพงษ์ที่แสดงท่าทางภูมิใจ พูดเสียงเบาเหมือนบ่นพึมพำ จนลืมความเจ็บปวดบนใบหน้า: “ผมบอกแล้วไง คุณรพีพงษ์จะต้องไม่เป็นอะไร ครั้งนี้ก็ผ่านไปแล้ว เชื่อผมหรือยังล่ะ”

“ผมกลับมาแล้ว” รพีพงษ์พูดขึ้น

อารียาร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดกับรพีพงษ์: “ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว รู้ไหมว่าหลายวันมานี้ฉันผ่านไปได้ยังไง ไม่เพียงแค่นั้น พี่น้องกลุ่มสิงโตทุกคน ต่างรอคอยคุณอย่างยากลำบาก คุณจะไม่อธิบายอะไรหน่อยเหรอ?”

รพีพงษ์มองดูคนเหล่านั้น กุมมือขึ้นทำการคำนับพูดว่า: “ต้องขอโทษทุกท่านที่ทำให้ต้องเป็นห่วง เนื่องจากหลายวันก่อนผมต้องจัดการเรื่องบางอย่าง จึงทำให้ล่าช้า ผมรพีพงษ์ต้องขอโทษทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย”

บรรดาพี่น้องกลุ่มสิงโตทั้งหลายเห็นรพีพงษ์กุมมือคำนับ จึงรีบคำนับตอบ

“กลับมาก็ดีแล้ว รพีพงษ์ หากพูดถึงคนที่เป็นห่วง คงต้องเป็นภรรยาของคุณ เธอเป็นห่วงมากที่สุด แต่ไม่รู้ว่า คุณไปจัดการเรื่องอะไรเหรอ?” ธัชธรรมพูดกับรพีพงษ์

เมื่อเห็นรพีพงษ์กลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน จนลืมอาจารย์ของตนเองไปเสียสนิท

หากโลกใบนี้ไม่มีรพีพงษ์สักคน ไม่รู้เลยจริง ๆว่าจะเรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงไปในสภาพไหน!

“ผมประสบกับเรื่องที่อาจจะทำให้เปลี่ยนแนวความคิดไปเลยทีเดียว” รพีพงษ์พูดกับทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

นักฝึกวิชาที่เพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ในเวลานั้น มองดูรพีพงษ์ด้วยสีหน้าจริงจัง พวกเขารู้ว่า เมื่อใดที่ รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง แสดงว่า เรื่องที่ประสบมาในตอนนั้นต้องเหนือความคาดหมายแน่นอน

“ในเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า วันนี้ ผมจะแจ้งเรื่องที่ทราบมาทั้งหมดให้กับทุกท่าน!”

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงกังวาน คนเหล่านี้เป็นผู้ฝึกตนในยุคนี้ พวกเขามีสิทธิ์ และมีข้อผูกมัดที่ควรจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้

พูดพลาง รพีพงษ์เดินมาถึงที่นั่งเจ้าสำนัก มองคนทั้งหลาย เมื่อเอ่ยปากพูดเหมือนดั่งอสนีบาตบนพื้นดินมิปาน

ทวีปโอชวินเป็นแดนลับแห่งหนึ่งในประเทศจีนของพวกเราจริง ๆ!”

“อะไร?”

“แดนลับ? มัน…… มันเป็นไปไม่ได้?”

“ทวีปโอชวิน เป็นโลกที่ไม่เหมือนกับพวกเราไม่ใช่เหรอ? หากพูดอย่างนี้ มันเป็นของประเทศจีนของพวกเราเหรอ?”

……

ทุกคนต่างก็ถกเถียงกัน

“เจ้าสำนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ? ถ้าพูดอย่างนี้ พวกเรากลุ่มสิงโตทำสงครามกับทวีปโอชวิน มาหลายร้อยปี ก็เป็นการทำลำพังฝ่ายเดียวหน่ะสิ? ที่แท้พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน!”ธมกร เอ่ยปากพูด

“ใช่ ถ้าพูดอย่างนี้ หากทวีปโอชวินเป็นแดนลับแห่งหนึ่งของประเทศจีนพวกเรา งั้นก่อนหน้านี้พวกเรา ไม่ใช่เข่นฆ่าพวกเดียวกันหรอกเหรอ?” มังกรพูดสำทับขึ้นอีกคน

ธัชธรรม ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน หากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความจริง สิ่งที่รอคอยมานานหลายปี เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

“ทุกท่าน สิ่งที่ผมพูดนั้น เป็นเรื่องจริงทุกประการ เรื่องทั้งหมด หากพูดไปเรื่องมันยาว แต่ทุกท่านวางใจได้ กลุ่มสิงโตของพวกเรา ฝ่าฟันอุปสรรคมาหลายปี จะต้องไม่สูญเปล่า แม้ว่าทวีปโอชวิน จะเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน แต่การกระทำของจิรกิตติ์และฉันท์ชนกกับพวก ชั่วช้าสามานย์ พวกเรากำจัดความชั่วร้าย ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร!”

รพีพงษ์พูดขึ้น ทำให้ความกังวลภายในใจของทุกคนสงบลงได้

“ทว่า ตามที่ผมรู้มา แดนลับในประเทศจีนมีมากมาย แต่ไม่มีสักแห่งที่มหัศจรรย์เหมือนกับทวีปโอชวิน ดูไปแล้วจิรกิตติ์พวกเขาเข้าออกประเทศจีนได้ดั่งใจปรารถนา ก็คงจะเป็นเรื่องนี้แหละ?”พยัคฆ์เดินก้าวออกมาเอ่ยปากพูดขึ้น

รพีพงษ์ มองดูทุกคน ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง: “ทุกท่าน โปรดฟังผมอธิบายให้ละเอียด”

รพีพงษ์ อธิบายเรื่องราวสองวันก่อนที่เกิดขึ้น ให้กับทุกคนฟัง

ฟังดูแล้ว เหมือนดั่งตำนานนิทานอาหรับพันหนึ่งราตรี ทุกคนที่ได้ยิน เริ่มต้นด้วยความรู้สึกพิศวง ประหลาดใจ และสุดท้าย ต่างก็นิ่งเงียบ

“บนแดนเทพ มีแดนบุญจริง ๆ!”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้ผู้ฝึกตนเกิดความประหลาดใจเป็นอย่างมาก!

ที่แท้ สิ่งที่พวกเขาเพียรพยายามไล่ตามมาทั้งชีวิต เพื่อให้ถึงระดับขั้นพีคแดนเทพ อีกทั้งสิ่งที่พวกเขารู้มาทั้งหมด ตลอดทั้งชีวิตอาจจะไม่มีทาง ทำให้ถึงระดับขั้นพีคแดนเทพได้

ตอนนี้ดูไปแล้ว ขั้นพีคแดนเทพ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเส้นทางการฝึกตนอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของรพีพงษ์ที่กล่าวถึงสิ่งที่ญาณิดาได้พูดไว้ การถึงขั้นพีคแดนเทพ เป็นเพียงการเริ่มต้นเส้นทางการฝึกตนเท่านั้น?

“ลึกลับมาก เส้นทางการฝึกตน ไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิดจริง ๆ” หงส์ ถอนหายใจเบา ๆพูดขึ้น

“ฉันคิดว่า พวกเรากลับไปที่เมืองหลวง ใช้ชีวิตอย่างอิสระกันต่อเถอะ จู่ ๆก็พบว่า เส้นทางการฝึกตนไม่เหมาะสมกับตนเอง” ธมกรพูดขึ้นด้วยน้ำตาคลอเบ้า แอบเสียใจเล็กน้อย

รพีพงษ์ คาดเดาได้ถึงปฏิกิริยาตอบโต้ของคนเหล่านี้อยู่แล้ว ญาณิดาได้เคยพูดให้เขาฟังเมื่อครั้งที่อยู่ในจักรวาล ปฏิกิริยาตอบสนองกับกลุ่มสิงโตทุกคน คล้ายคลึงกัน

“มิน่าล่ะ การต่อสู้ที่เขาคุนหลุนในครั้งนั้น ญาณิดาเพียงแค่อาศัยมโนทัศน์ ก็สามารถผนึกพลังวิญญาณของ จิรกิตติ์ทั้งสามคนได้ หลังจากเหตุการณ์นี้ ฉันรู้สึกว่าแม่นางญาณิดาคงเป็นภูตผี แน่นอนว่า จะต้องมีวิชาพิเศษอะไรที่สามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ดูไปแล้ว เห็นได้ชัดว่า ความสามารถของเธอ เหนือกว่าจิรกิตติ์พวกเขามาก ถึงจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้”

ธัชธรรม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง พูดพลางส่ายหัวไปพลาง ตนเองอายุปูนนี้แล้ว หากไม่มีคนมีฝีมืออย่างรพีพงษ์แล้ว ตนเองคงตายอย่างน่าอนาถไปในการต่อสู้ที่เขาคุนหลุนในครั้งนั้นแล้ว

แดนบุญ เกรงว่าตนเองคงจะทำไมได้……

ธัชธรรมครุ่นคิด จ้องมองดูคนทั้งหมดด้านล่าง ในจำนวนคนเหล่านี้ คนจำนวนมากที่มีอายุไม่มากนัก มีความสามารถฝึกถึงแดนดั่งเทพแล้ว

มองดูคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ธัชธรรมยิ้มมุมปากเล็กน้อย แดนบุญระดับในตำนาน ถูกเล่าขานเช่นนี้ ให้คนหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์เหล่านี้ไล่ตามหาเถอะ!

ในใจธัชธรรมเวลานี้ดีใจยิ่งนัก จำนวนคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ตนเองสร้างขึ้นกับมือ และพามาเข้าร่วมกลุ่มสิงโต

และคนที่ทำให้เขาภาคภูมิใจมากที่สุด ก็คือรพีพงษ์ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆเขานั่นเอง

เขารู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์เหนือผู้อื่น แต่ไม่คาดคิดว่า ตอนนี้เขาสามารถที่จะไต่ขึ้นมาได้ถึงจุดสูงสุด จนกลายเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดและมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า!

ขณะเดียวกัน รพีพงษ์เองก็เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถความเป็นผู้นำ แม้แต่ธัชธรรมเองก็ไม่มีความสามารถทางด้านนี้

“ท่านธัชธรรม”

รพีพงษ์หันหน้าไปทางธัชธรรมพูดว่า: “ผมคิดว่า ในเมื่อกลุ่มสิงโตของพวกเราทุกคน เป็นผู้ฝึกตนในยุคนี้ และ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด งั้นพวกเราก็ควรที่จะฝึกตนในเส้นทางนี้ต่อไป”

“คุณพูดได้ถูกต้อง แต่ผมอายุมากแล้ว เกรงว่าการฝึกตนให้ถึงแดนบุญ คงทำไม่ได้ แต่ผมหวังว่า ในชีวิตของผม จะสามารถเห็นยอดฝีมือแดนบุญคนแรกของประเทศจีนพวกเรา กำเนิดขึ้นด้วยตาผมเอง!”

ธัชธรรม มองดูรพีพงษ์ ในดวงตาเปล่งประกายลุกวาว

ทุกคนต่างก็หันหน้าไปมองรพีพงษ์เช่นกัน แม้ทุกคนจะไม่เอ่ยปากพูด แต่ในใจย่อมชัดเจน ถ้าพูดว่า มีคนหนึ่งที่สามารถฝึกตนให้ถึงแดนบุญได้ คนในจำนวนนั้น จะต้องเป็นรพีพงษ์อย่างแน่นอน!

รพีพงษ์ ยิ้มเล็กน้อย พูดว่า: “ไม่ใช่ ท่านธัชธรรม คุณก็เป็นเหมือนกับพวกเรา จะต้องฝึกตนเช่นกัน อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ญาณิดาได้เคยพูดไว้ว่า ความมหัศจรรย์ของกังฟูเสน เหนือกว่าวิชาลับใด ๆในโลกนี้ อีกทั้งคุณก็ฝึกตนกังฟูเสนไปครึ่งทางแล้ว ตราบใดที่ยังมุ่งมั่นฝึกตนอีกครึ่งหนึ่งให้สำเร็จ พลังจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”

“จริงเหรอ? ไม่คิดว่า กังฟูเสนจะมหัศจรรย์ได้ถึงเพียงนี้” ธัชธรรม พูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่า ตนเองอายุมากถึงขนาดนี้ ยังมีโอกาสที่จะฝึกถึงขั้นสุดยอดได้อีก

เมื่อคิดเกี่ยวกับการฝึกกังฟูเสน อีกทั้งธีรพัฒน์ที่มีพลังถึงขั้นพีคแดนเทพได้สละชีวิตที่ทวีปโอชวิน ภายในใจของธัชธรรมโศกเศร้าอย่างมาก หากอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ พวกเราฝึกตนไปพร้อมกัน ประสบกับปัญหาช่วยกันชี้แนะ อาจมีพัฒนาการเร็วยิ่งขึ้น!

“ไม่เพียงเท่านี้”

รพีพงษ์จ้องมองทุกคนพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า: “ผมจะถ่ายทอดกังฟูเสนท่อนแรกครึ่งหนึ่งให้กับทุกคน ทุกท่านเพียงแค่มุมานะฝึกตน จนทุกท่านฝึกฝนจนถึงแดนเทพแล้ว พวกเราค่อยฝึกตนส่วนที่เหลือให้สำเร็จ เพื่อเข้าไปสู่แดนบุญ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝันอย่างแน่นอน!”รพีพงษ์พูดขึ้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท