พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1454 ตะลุมบอน

บทที่ 1454 ตะลุมบอน

“อะไรน่ะ เกียวโต?”

รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ กับทั้งสองคนว่า “อีกไม่นาน ผมอาจออกจากเกียวโตไปสักพัก ถึงเวลานั้นผมอาจจะไม่สามารถดูแลเรื่องเล็กใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ทุกวันนี้ผมไม่กลัวถ้ามีคนมาเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลลัดดาวัลย์ซึ่งหน้า แต่ถ้ามีคนมาเล่นลับหลังแล้วผมอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผมไม่อยู่ เกรงว่า……… ”

“คุณวางใจเถอะ ถ้ามีคนกล้าก่อกวนตระกูลลัดดาวัลย์ลับหลัง ถึงแม้ว่าผมไตรทศจะอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ผมก็จะตามฆ่าอีกฝ่ายเสีย!” ไตรทศกล่าว

ธฤตญาณขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าโง่ เห็นได้ชัดว่าคุณชายรพีมีเจตนาอื่น”

“ธฤตญาณยังคงฉลาด” รพีพงษ์ยิ้มและมองดูทั้งสองคนแล้วกล่าวว่า “พวกคุณมาปักหลักที่เกียวโตดีกว่า พวกคุณคิดว่าไง!”

ไตรทศและธฤตญาณมองหน้ากัน และไม่พูดอะไร

“ตอนนี้ในเมืองริเวอร์และแม้แต่เมืองรอบ ๆ พวกคุณไม่มีคู่แข่งแล้ว ดังนั้นใช้โอกาสช่วงนี้ที่ผมอยู่เกียวโต ผมจะรวมธุรกิจมืดของเกียวโต พวกคุณคิดว่าไง?” รพีพงษ์กล่าวถาม

ธฤตญาณและไตรทศมองไปที่รพีพงษ์ และพูดเกือบพร้อมกันว่า “โอเค!”

“การรวมธุรกิจมืดทั้งหมดในเกียวโต เพียงแค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว!” ไตรทศกล่าว

ดวงตาของทั้งสองคนเปล่งประกาย ในเกียวโตมีเสือซ่อนเล็บ ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกเขาไม่กล้าคิดว่าวันหนึ่งตนเองจะสามารถก้าวเข้าสู่เกียวโตได้!

“ถูกต้อง เมื่อสักครู่ได้ยินคนพวกนั้นกล่าวว่า หัวหน้าของธุรกิจมืดในเกียวโตคือมกรธวัช แค่พวกเราฆ่ามกรธวัชแล้ว พวกเราก็จะสามารถยึดพื้นที่ทั้งหมดของเขาได้!” ธฤตญาณกล่าวอย่างเย็นชา ในสมองของเขามีแผนแรกแล้ว

ไตรทศกระทืบเท้าและกล่าวว่า “ใช่ ฆ่ามันซะ ผมจะโทรให้พี่น้องของพวกเราที่เมืองริเวอร์บินมาคืนนี้เลย ผมคิดว่าสองร้อยคนก็น่าจะเพียงพอแล้ว!”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ “ไตรทศโปรดใช้สมองหน่อยได้ไหม ที่นี่ไม่ใช่เมืองเล็กอย่างเมืองริเวอร์ ที่นี่คือเกียวโต เป็นศูนย์กลางของประเทศจีน คุณเรียกคนสองร้อยคนมาที่นี่ทำไม มาร่วมตะลุมบอนหรือ? คุณคิดว่าผู้ตรวจสอบเหล่านั้นในเกียวโตโง่นักหรือไง เกรงว่าคนของคุณจะถูกจับกุมก่อนที่จะลงจากเครื่องบิน”

“นี่………” ไตรทศเกาศีรษะ และธฤตญาณที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พวกเราไปฟังว่าประมุขรพีจะพูดอะไรกันเถอะ”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย หันหลังและเดินไปหาชายหัวโล้นที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา

“คุณชายรพี”

ชายหัวโล้นมองไปที่พวกรพีพงษ์ ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่พวกเขาทั้งสามคนปรึกษาหารือเรื่องอะไร

“ถ้าพวกคุณต้องการติดตามพวกเรา ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ผมต้องการให้พวกคุณทำสิ่งหนึ่ง” รพีพงษ์กล่าว

“เรื่องอะไร?”

ชายตาเล็กถามอย่างรีบร้อน

“บอกผมมาว่าตอนนี้มกรธวัช อยู่ที่ไหน?” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น

ชายหัวโล้นกล่าวว่า “ไอ้หมอนี้ทำตัวลึกลับไม่เปิดเผย และอยู่ไม่เป็นที่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้ยินมาว่า เขาได้คบหากับผู้หญิงคนใหม่ที่ขายเบียร์ในบาร์ที่ชื่อว่า ‘บาร์ใต้ต้นระนาบ’ ผมคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่นั่น”

“บาร์ใต้ต้นระนาบ?”

“ถูกต้อง ที่นั่นแหละ! บาร์นี้เป็นธุรกิจของมกรธวัช และทุกครั้งที่เขาไปที่นั่น เขาจะพาคนของเขาไปด้วย” ชายตาเล็กกล่าวตาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย ดูไม่ออกเลยว่า มกรธวัชก็ไม่ถือเป็นคนที่หยาบคาย ชื่อของเขาฟังดูแล้วมีรสนิยม

“เอาเถอะ ธฤตญาณ ไตรทศ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว เป็นช่วงเวลาที่บาร์คึกคักที่สุด หรือพวกเราไปสนุกกัน” รพีพงษ์มองธฤตญาณและคนอื่น ๆ แล้วกล่าว

“โอเค” ธฤตญาณกล่าวเบา ๆ

ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในสายตาของคนทั้งสอง ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้งสามต่อสู้ด้วยกัน จำไม่ได้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

“คุณ คุณชายรพี พวกคุณคิดจะไปหามกรธวัช?” ชายหัวโล้นกล่าว และมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ

“ทำไม ไม่ได้หรือ?” รพีพงษ์ถามกลับ

“ไม่ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่……”

ชายหัวโล้นรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

“เพียงแต่อะไร?” ไตรทศขมวดคิ้วและกล่าว “คุณพูดจาชักช้าจริง ๆ พวกเรากำลังช่วยคุณ หรือคุณไม่อยากจะแก้แค้น? หากคุณอยากแก้แค้น ก็ไปพร้อมกับพวกเรา!”

“ไม่ใช่ พี่ใหญ่ ผมคิดว่าคุณชายรพีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หากเกิดการต่อสู้ใหญ่ เกรงว่ามันจะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของคุณชายรพี นอกจากนี้ มกรธวัชยังมีลูกน้อยมากกว่าร้อยคน และบาร์ใต้ต้นระนาบเป็นฐานที่มั่นของเขา หากเกิดการต่อสู้กันจริง ๆ พวกเราตายมันก็ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ถ้าคุณชายรพีได้รับบาดเจ็บ มันก็จะแย่” ชายหัวโล้นกล่าวด้วยความกังวล

“เฮียยิ่งคุณ คุณชายรพีเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น ผมคิดว่าเมื่อเขาเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา เขาต้องวางแผนไว้อย่างดีแน่นอน”

ชายตาเล็กกล่าว “คุณชายรพี คุณได้จัดกำลังคนไว้แล้วใช่ไหม ผมคิดว่า ตามสถานะของตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโต หากจะโยกย้ายเจ็ดแปดร้อยคนไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหม”

ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ เมื่อนึกถึงการตะลุมบอนของคนเจ็ดถึงแปดร้อยคนก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“บ้าเอ๊ย พาคนมาเจ็ดแปดร้อยคน คุณคิดว่าผู้ตรวจสอบในเกียวโตเป็นคนโง่หรือไม่” ไตรทศดุ ใช้คำพูดที่รพีพงษ์พูดกับตนเองก่อนหน้านั้นกับชายตาเล็ก

“งั้น……งั้นคุณชายรพีคือ?”

ชายตาเล็กมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความงวยงง

“แค่พวกเรา ก็เพียงพอแล้ว”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“อะไรนะ แค่พวกเราไม่กี่คน?” ชายตาเล็กและเพื่อนของเขาตกตะลึงโดยสิ้นเชิง

“แน่นอน จะตามไปหรือไม่ ก็แล้วแต่พวกคุณ” ดวงตาของรพีพงษ์สงบนิ่ง “ธฤตญาณ พวกเราไปที่บาร์ใต้ต้นระนาบกันเถอะ”

พูดจบ ทั้งสามคนก็หันหลังและเดินออกไป

“พวกเราจะเอาอย่างไรดี?” ชายหัวโล้นมองชายตาเล็ก แล้วกล่าวว่า “เตวิช ปกติแล้วคุณเป็นคนฉลาดที่สุด คุณลองพูดสิว่าตอนนี้ควรจะทำอย่างไร!”

เตวิชกลอกตา และแสดงท่าทางดุร้าย “แม่งฉิบหาย คุณชายรพียังไม่กลัว แล้วพวกเราจะกลัวอะไร อีกอย่าง ถ้าพวกเราไม่ตามไป เกรงว่าในชีวิตนี้จะไม่มีทางได้ก้าวไปข้างหน้าสักก้าว”

ตอนนี้ชายหัวโล้นสร่างเมาแล้ว หลังจากได้ยินสิ่งที่เตวิชพูด เขารู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นมีเหตุผล

นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด หากพลาดไป เกรงว่าชีวิตนี้จะไม่มีอีกแล้ว

“ไป พวกเรารีบตามไปกันเถอะ!”

ชายร่างใหญ่กำยำสี่คนตัดสินใจแล้ว จากนั้นก็รีบตามพวกเขาไป

บาร์ใต้ต้นระนาบ หน้าประตูของบาร์ได้ปลูกต้นระนาบไว้หลายต้น

ถนนรอบ ๆ เงียบเป็นอย่างมาก มีแต่บาร์นี้ที่ครึกครื้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจของบาร์นี้ค่อนข้างดี

ปกติรพีพงษ์เป็นคนที่ชอบความเงียบสงบและไม่ชอบที่อึกทึก เขาเคยไปบาร์ที่เสียงดังแบบนี้แค่ไม่กี่ครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน พวกชายหัวโล้นก็ไล่ตามพวกเขามา

“คุณชายรพี พวกเราคิดดีแล้ว และตัดสินใจที่จะต่อสู้ไปพร้อมกับคุณ ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับความตั้งใจของพวกคุณที่จะช่วยผม” ชายหัวโล้นมองที่รพีพงษ์แล้วกล่าว

“ใช่ คุณชายรพี อีกสักครู่ให้พวกเราบุกเข้าไปข้างในก่อน”

เตวิชเป็นคนที่ค่อนข้างมีน้ำใจไมตรี

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย “ไม่จำเป็น”

ในความเป็นจริง ตอนนี้ถ้ารพีพงษ์ต้องการ แม้ว่าเขาจะอยู่นอกบาร์ แค่รพีพงษ์คิดก็สามารถล็อกตัวมกรธวัชได้อย่างง่ายดาย

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าพวกคุณสามารถพาตัวมกรธวัชออกมาข้างนอกได้ น้องสองคนนี้ของผม ก็จะยอมรับพวกคุณเป็นลูกน้อง”

รพีพงษ์กล่าวแล้วมองไปที่ชายหัวโล้น

ธฤตญาณกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่คือบททดสอบสำหรับพวกคุณ ถ้าอยากเป็นลูกน้องของผม จะต้องมีความสามารถ ถ้าพวกคุณทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ ผมคิดว่าพวกคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในเกียวโตอีกต่อไป”

ชายหัวโล้นขมวดคิ้ว และเอามือลูบศีรษะ “ตกลง พี่ใหญ่ ผมจะไปเรียกมกรธวัชออกมาตอนนี้เลย!”

จากนั้นชายหัวโล้นก็เดินตรงเข้าไป

เมื่อเตวิชเห็นชายหัวโล้นหุนหันพลันแล่น พวกเขาก็รีบตามไป

ส่วนพวกรพีพงษ์สามคนอยู่ข้างหลัง

“พี่ใหญ่ คุณคิดว่าพวกเขาจะมีความสามารถไหม? หรือพวกเราเข้าไปทำลายสถานที่แห่งนี้โดยตรงเลยดีไหม?” ไตรทศกล่าว

ดวงตาของรพีพงษ์เป็นประกาย “ชายหัวโล้นเป็นคนมุทะลุ ชอบทำอะไรโดยพลการ อย่างไรก็ตาม แต่ชายตาเล็กที่ชื่อเตวิช ดูเป็นคนฉลาดเฉลียว คิดว่าพวกเขาน่าจะมีวิธี”

ธฤตญาณพยักหน้า ดูเหมือนว่าความคิดของเขาและรพีพงษ์เหมือนกัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท