พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1464 กลับไปยังเมืองริเวอร์อีกครั้ง

บทที่1464 กลับไปยังเมืองริเวอร์อีกครั้ง

เห็นสาวสวยที่อยู่ข้างหน้าโมโหอย่างนี้ ทั้งสองคนนั้นก็มองไปยังเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ชายหนุ่มสูงผอมก็พูดกล่าวว่า : “ทำไมถึงได้กระตือรือร้นขนาดนี้ พูดอย่างกับคุณเข้าใจเขายังไงอย่างนั้น เราก็แค่พูดคุยกันเองไม่ใช่เหรอ ก็พูดไปงั้นเอง”

“จริงด้วย มีใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าสถานะในตอนนี้ของรพีพงษ์ที่ทางฝั่งพวกเราเป็นยังไงบ้าง เพียงแค่คุยถึงอดีตของเขาให้พวกคุณฟังก็เท่านั้นเอง ทำไมถึงได้เอาใจใส่เช่นนี้”

อารียามองไปยังสองคนนี้ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “ถ้าหากใครพูดถึงรพีพงษ์พล่อยๆ ฉันก็จะโมโหกลับอย่างแน่นอน เพราะว่า ในใจของฉัน เขาคือผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก สำหรับลูก สำหรับครอบครัว สำหรับโลกใบนี้ เขาเป็นคนที่ดีที่สุด มีความรับผิดชอบมากที่สุด!”

“พอแล้ว พอแล้ว ไม่พูดด้วยแล้ว ทำอย่างกับเขาเป็นสามีของคุณยังไงอย่างนั้น”

ชายหนุ่มสูงผอมส่ายๆหน้า : “มิน่าล่ะ ว่าทำไมตอนนี้สาวๆทั่วทั้งประเทศจีนต่างก็คิดอยากจะหาผู้ชายเหมือนอย่างรพีพงษ์ สหาย คุณควรระวังตัวหน่อยนะ ภรรยาของคุณสวยขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเธอก็ปกป้องรพีพงษ์คนนี้มากเลยนะ”

พูดแล้ว ชายหนุ่มผอมสูงก็มองไปยังรพีพงษ์กึ่งหยอกล้อแล้ว

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย : “เรื่องนี้ คุณวางใจได้เลย”

พุดแล้ว เขาก็พูดกับอารียาและหนูลินว่า : “พักผ่อนเสร็จแล้วใช่ไหม เราก็ควรไปกันได้แล้วนะ”

ทั้งสามคนเตรียมจะลุกขึ้นยืน ในเวลานี้ พนักงานก็เดินเข้ามาพอดี

“คุณผู้ชายคะ ค่าอาหารของคุณทั้งหมด 228 หยวน ขอสอบถามว่าคุณจะรูดบัตรหรือว่าเงินสดคะ?”

“รูดบัตร”

รพีพงษ์ก็หยิบบักตรเอทีเอ็มออกมาตามอำเภอใจแล้ว ไม่นาน ที่เครื่องรูดบัตรไร้สายก็ปรากฏบิลเล็กๆออกมาแล้ว

“รบกวนคุณผู้ชายชุดเซ็นชื่อตัวเองที่บิลให้หน่อยนะคะ” พนักงานพูดกล่าว พร้อมยื่นปากกาให้รพีพงษ์แล้ว

รพีพงษ์รับปากกามา เขียนขีดๆไปสองตัวอักษรใหญ่ๆ จากนั้นก็พาหนูลินและอารียาออกไปจากเขตบริการเลย

เมื่อบริกรรับใบเสร็จมา เพียงแค่กวาดตามองแวบหนึ่ง แต่หลังจากนั้น เธอก็อึ้งอยู่กับที่เลย

เธอมองไปยังเงาร่างของรพีพงษ์พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกที่ค่อยๆเดินออกไปไกลๆ แววตามองอย่างเหม่อลอย

“โอ้ สาวน้อยคนนี้ก็จริงๆเลยนะ เห็นคนเขาหน้าตาหล่อหน่อย มองไม่ละสายตาเลยนะ”

ชายหนุ่มผอมสูงพูดจาหยอกล้อ เพื่อนที่อยู่ข้างๆก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“เขา……เขาคือรพีพงษ์เหรอ?”

“อะไรนะ รพีพงษ์?”

ทั้งสองตกตะลึงพร้อมกัน ลุกขึ้นยืน

ใบเสร็จในมือของพนักงาน เขียนชื่อรพีพงษ์ไว้อย่างประณีต ชายหนุ่มผอมสูงพูดกับเพื่อนว่า : “เร็ว รีบเปิดโทรศัพท์”

เพื่อนเปิดโทรศัพท์ หารูปของรพีพงษ์อีกครั้งแล้ว

“ใช่เลย คนเมื่อกี้นั้น ก็คือรพีพงษ์” เพื่อนพูดส่งเดชออกไปอย่างหวาดกลัว

ชายหนุ่มผอมสูงแววตาเหม่อลอย อึ้งพร้อมพูดว่า : “เมื่อกี้พวกเราได้พูดจาพล่อยๆถึงเขาต่อหน้าของเขาแล้ว แต่ว่าทำไม รพีพงษ์ถึงไม่โต้ตอบพวกเรา หรือว่าเกรี้ยวโกรธพวกเราเลยล่ะ? ”

แววตาของเพื่อนก็ตกตะลึงงันเช่นกัน : “บางทีอาจจะ……บางทีคนเขาอาจจะรู้สึกว่าไม่คู่ควรที่จะมาพูดชี้แจงข้อเท็จจริง หรือไม่……เห็นพวกเราเป็นไอ้โง่”

ชายหนุ่มผอมสูงพยักหน้าอย่างไม่พูดไม่จา เหมือนว่าเขาก็เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนแล้ว

รถคันนี้ขับด้วยความเร็วอย่างต่อเนื่อง เร็วมาก ป้ายบอกทางบนถนนทางหลวงแสดงให้เห็น ทางออกข้างหน้าก็คือเมืองริเวอร์

ในเวลานี้ ตะวันลับขอบฟ้าสู่ค่ำคืนยามราตรี รพีพงษ์มาถึงเมืองริเวอร์อีกครั้ง

“ไม่ได้กลับมานานมากแล้ว”

สัมผัสกับบรรยากาศที่คุ้นเคยรอบตัว อารียาพูดกล่าวอย่างทอดถอนหายใจ

ที่นี่เป็นสถานที่ที่เธอเติบโตตั้งแต่เล็กจนโต ต้นไม้ใบหญ้าสิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือนของที่นี่ มองดูแล้วล้วนเป็นความรู้สึกมีความใกล้ชิดสนิทสนม

รพีพงษ์มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สำหรับเขาแล้ว เมืองริเวอร์สถานที่เล็กๆนี้ ก็คือจัดเริ่มต้นของความฝันใฝ่

ใครก็คิดไม่ถึงว่า ตอนแรกลูกเขยของตระกูลฉัตรมงคล เศษสวะของประชากรในเมืองริเวอร์ กลับว่ามีจุดยืนในตอนนี้แล้ว

ดงเย็น นี่คือชุมชนที่หรูหราที่สุดในเมืองริเวอร์ บ้านที่นี่ มูลค่าหลักล้านเลย และคฤหาสน์ของที่นี่ก็มีมูลค่าถึงสิบล้าน!

คฤหาสน์ดงเย็น รพีพงษ์และอารียาผลักประตูเข้าไป

ตอนที่ตัวเองซื้อคฤหาสน์นี้เอาไว้ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกทึ่งไม่น้อยเลย

แม้ว่าหลังจากที่ตัวเองไปจากเมืองริเวอร์แล้วไม่กลับมาอีกเลยก็ตาม แต่ว่า ที่นี่ก็ยังถูกเก็บกวาดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน สิ่งนี้กับการจัดการดูแลทรัพย์สินของเขตชุมชนระดับสูงดงเย็นนั้นมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่รพีพงษ์ใกล้จะจากไป ก็จ่ายค่าส่วนค่าไว้ 800000 หยวน ให้พวกเขาช่วยดูแลบ้านของตัวเองให้ดีดี

หนูลินมีความสุขมาก พูดกล่าวกับรพีพงษ์ว่า : “พ่อ นี่เป็นสถานที่ที่พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเมื่อก่อนเหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้า หนูบินเกิดที่เกียวโต เมืองริเวอร์สำหรับเธอแล้ว เป็นสถานที่ที่แปลกมาก

“โธ่ สถานที่ที่พวกคุณอยู่ก่อนหน้านี้ใหญ่มากเลยนะคะ” หนูลินพูดอย่างมีความสุข เดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ผลักประตูออก ห้องหนึ่งในนั้นถูกรพีพงษ์ออกแบบให้กลายเป็นห้องเด็กแล้ว

เมื่อเห็นว่าภายในห้องมีของเล่นมากมาย และสมุดภาพ หนูลินก็เล่นอย่างมีความสุขอย่างมาก

กลับมาสู่สถานที่ที่คุ้นเคย เห็นได้ชัดว่าอารียามีความสุขอย่างมาก

“ตอนที่คุณซื้อที่นี่ไว้ ฉันก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ คิดว่าคุณกำลังคุยโวโอ้อวด”

อารียาพูดกล่าวกับรพีพงษ์

ใบหน้าของรพีพงษ์นำมาซึ่งรอยยิ้ม ไม่เพียงแค่อารียาเท่านั้น แม้แต่คนทั้งเมืองริเวอร์จะมีใครบ้างที่จะเชื่อ เศษสวะอย่างเขาจะสามารถซื้อคฤหาสน์ของดงเย็นได้งั้นเหรอ?

“คุณก็เหมือนกัน ไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่าคุณมีเงินขนาดนี้ แถมยังเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต แบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางได้รับความอัปยศอดสูมากขนาดนั้นในเมื่อก่อนแล้ว” อารียาพูดกล่าว

“ช่วงเวลาแห่งความร่ำรวย ผู้คนก็จะเข้ามาปกป้องคุณแสดงความรักต่อคุณ แต่ว่าเวลานี้ เพื่อนที่คบหาล้วนแต่มีจุดประสงค์ทั้งนั้น และในช่วงเวลาที่ตกอับ คนที่เข้ามาทำความรู้จักด้วยทั้งหมด ถึงจะเป็นพี่น้องที่แท้จริง เพื่อนที่แท้จริง และมีความสามารถพอที่เจอความจริงใจของผู้อื่น !”

รพีพงษ์มองไปยังอารียาพร้อมพูดกล่าวว่า : “แม้ว่าผมจะไม่ได้เล่าเรื่องประวัติครอบครัวของผมให้คุณฟัง แต่คุณก็ไม่เคยที่จะทอดทิ้งผมเลย ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนั้นยังพยายามที่จะปกป้องผมทุกอย่าง นี่ก็เพียงพอที่จะเห็นได้แล้วว่า คุณมีความจริงใจต่อผม”

อารียาพยักหน้าอย่างเงียบๆ สิ่งที่รพีพงษ์พูดมาทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นคำพูดที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือชัดเจนและแม่นยำจริงๆ และนี่ก็เป็นเพราะว่าทำไม ตอนแรกที่อยู่เมืองริเวอร์ เพื่อนเหล่านี้ที่รพีพงษ์คบเป็นเพื่อนด้วยทั้งหมด จนถึงตอนนี้ ก็มีความสามารถพอที่จะติดตามเขาได้

“กลางคืนพวกเราออกไปเดินรอบๆกันนะ ไม่ได้กลับมานานมากแล้ว ก็ไม่รู้ว่าที่เมืองริเวอร์นี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” รพีพงษ์พูดอย่างนิ่งๆ

อารียาแสดงความเห็นด้วยทันที

ยามพลบค่ำ รพีพงษ์พสอารียาและหนูเดินออกจากดงเย็นด้วยกัน พวกเราทั้งสามคนไปทานอาหารมื้อใหญ่ที่ร้านอาหารที่คุ้นเคยก่อนหนึ่งมื้อ แล้วก็เดินไปตามถนน

“หนูลิน ชอบเมืองริเวอร์ไหม?” รพีพงษ์พูดกล่าวกับขวัญนลิน

“ชอบค่ะ มีพ่อกับแม่อยู่ด้วย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหนูก็ชอบทั้งนั้นแหละค่ะ”

ใบหน้าของรพีพงษ์นำมาซึ่งรอยยิ้มเล็กน้อย เจ้าตัวเล็กนี่ ทำตัวให้คนอื่นชอบพอจริงๆ

“จริงสิ หนูลิน พ่อจะพาหนูไปที่ที่หนึ่ง ลูกจะต้องชอบมากกว่านี้แน่” รพีพงษ์พูดกล่าว

“ที่ไหนคะ?” ขวัญนลินมองไปยังรพีพงษ์อย่าวรอคอยพร้อมพูดถาม

รพีพงษ์มองไปยังอารียา พูดเชิงหยอกล้อว่า : “อยากจะไปสถานที่ที่พ่อกับแม่ของหนูแต่งงานกันไหม?”

“อยากค่ะ อยากค่ะ” หนูลินพูดอย่างมีความสุข

สีหน้าของอารียาเขินอายจนเป็นสีแดงก่ำ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยการรอคอยเหมือนกัน

ปราสาทคริสตัล ที่นี่ก็เป็นปราสาทที่รพีพงษ์สร้างขึ้นมาเพื่องานแต่งงานของตัวเองและอารียาในตอนนั้นโดยเฉพาะ

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน นอกปราสาทก็ปรากฏสีสันตระการตา ชวนให้ฝันจินตนาการมากยิ่งขึ้น!วันนี้ สามคนพ่อแม่ลูกก็ได้มายืนอยู่ที่นอกปราสาทอีกครั้ง นัยน์ตาของอารียามีหยดน้ำตาแห่งความสุข

ความคึกคริ้นเป็นประวัติการณ์ในตอนนั้น ดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองริเวอร์แล้ว

งานเลี้ยงวันนั้น ผู้คนจากทั่วสารทิศมาร่วมแสดงความยินดี เจ้าหญิงและเจ้าชายอยู่ในปราสาทคริสตัลที่แสนโรแมนติก จูบอย่างลึกซึ้ง ตัดสินใจแต่งงานร่วมหอเดียวกันแล้ว

“นี่คือสถานที่ที่พ่อแต่งงานกับแม่เหรอ?สวยจังเลย เหมือนกับในการ์ตูนเลยค่ะ!” หนูลินพูดอุทาน

ปราสาทสำหรับเด็กน้อยแล้วเป็นสิ่งที่ดึงดูดได้อย่างมากเลย ยิ่งไม่ต้องพูด ปราสาทคริสตัลที่โรแมนติกแห่งนี้เลย

“พ่อคะ เราเข้าไปกันได้ไหมคะ?” หนูลินพูดถาม

“ได้สิ นี่เป็นสถานที่ที่พ่อของหนูสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะนะ เป็นปราสาทของเรา”

อารียายิ้มพร้อมพูดกล่าว

สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกัน เดินไปทางประตูใหญ่ของปราสาท

เพิ่งจะเตรียมตัวเข้าไป ผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่สูทสีดำที่หน้าประตู คาบไม้จิ้มฟันอยู่ในปาก กลับว่าขวางกั้นพวกเขาไว้

“เดี๋ยวๆ พวกคุณเป็นใครกัน ใครอนุญาตให้พวกคุณเขาไป?”

ผู้ชายที่คาบไม้จิ้มฟันในปากคนนี้พูดกับรพีพงษ์พวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท