พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1476 มีใครอยากจะตรวจกระดูกอีก

บทที่ 1476 มีใครอยากจะตรวจกระดูกอีก

รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ มือซ้ายก็รีบยื่นออกไปคว้าคอเสื้อฝั่งตรงข้ามเอาไว้ แล้วปล่อยมือดันออกไป ฝั่งตรงข้ามก็หลุดลอยขึ้นเวทีไปเหมือนกันว่าวที่ขาดออกจากเชือก

นทีนทตัวแข็งทื่อ หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่ ทำไมถึงมีคนเก่งซ่อนตัวอยู่เยอะแบบนี้ แถมยังเป็นคนที่มีพลังสูงส่งกว่าตนเองด้วย

“นี่คุณ……คุณเป็นใคร?” นทีนทชี้หน้ารพีพงษ์

รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ แล้วก็กระโดดขึ้นเวทีไปเบาๆ

สุดาก็มองรพีพงษ์ ค่อยสบายขึ้นมาหน่อย ขอเพียงมีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วย ก็จะไม่มีเรื่องไหนที่จัดการไม่ได้

รพีพงษ์ขึ้นมาบนเวที แต่ไม่ได้มองไปทางนทีนท กลับกันเขาชี้ไปยังคนที่ล้อมดู แล้วพูดว่า “พวกคุณยังมีใครอยากจะจับโครงกระดูกอีกไหม เดี๋ยวผมช่วย”

“คุณก็ทำเป็นหรือ?”

“หรือ คุณก็คือคนของสำนักเทพยาเซียน?”

……

รพีพงษ์ยิ้มๆ “ผม…….ก็ถือว่าใช่อยู่ เจ้าจิรภัทรเป็นเพื่อนของผม ในสำนักเทพยาเซียนมีคนชื่อว่าปยุต เขาเป็นอาจารย์ที่สอนให้ผมกลั่นยาเป็น”

“เออใช่ ในเมื่อคุณบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียน แล้วรู้จักปยุตไหม?” รพีพงษ์ถามขึ้นมา

นทีนทมีสีหน้าอึ้งไป จากนั้นรีบพูดว่า “รู้จักๆ ปยุตโตมาพร้อมกับผมเลย พวกเราเคยเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก เพียงแต่วิชาการกลั่นยาของเขาสู้ผมไม่ได้”

“งั้นหรือ?” รพีพงษ์ยิ้มเยาะ “ปแฟชั่นเป็นคนแก่อายุมากแล้วนะ คุณกลับบอกว่าโตมาด้วยกัน แล้วปยุตก็เป็นศิษย์น้องของเจ้าจิรภัทร เป็นผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียน ถ้าคุณเป็นศิษย์ใหญ่ของสำนักเทพยาเซียนจริงๆล่ะก็ จะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!”

“คือผม……..” นทีนทพูดไม่ออก สายตาก็เผยความเกลียดออกมา

ไอ้หมอนี่ ขุดหลุมให้ตัวเองตกลงไปเองแท้ๆ !

ผู้คนทั้งหลายได้ยินดังนั้น ก็เผยสายตาแปลกใจออกมา อยู่ดีๆ ก็มีชายหนุ่มมาพูดจาอย่างจริงจัง แต่ว่าดูไปแล้วนทีนทก็ตอบมาไม่ค่อยตรงเท่าไร

“มา คุณอยากจะจับกระดูกดูไม่ใช่หรือ เดี๋ยวผมช่วย”

ยังไม่ทันให้ใครพูด รพีพงษ์ก็จับชายวัยกลางคนเข้ามา

เขาเอาทั้งสองมือวางไว้บนตัวของฝั่งตรงข้าม แล้วพูดว่า “ก็แค่ไอพลังสีขาวเท่านั้นเอง เดี๋ยวทำให้”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ปล่อยพลังจิตวิญญาณออกมาจากมือ เขาปล่อยออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ก็เข้มข้นมาก ราวกับเมฆสีขาวบนท้องฟ้าเลย

ทุกคนก็อึ้งไป “นี่มัน เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“ไอ้นทีนท ไหนบอกมาสิ ว่าคุณผู้ชายท่านนี้มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาหรือเปล่า” รพีพงษ์ถาม

“เอ….” นทีนทกัดปากแน่น เขารู้ดีว่า วันนี้เจอคนเก่งเข้าให้แล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะผ่านไปยากเสียแล้ว

“ไม่บอกใช่ไหม งั้นผมก็จะทำให้คุณยอมแพ้ทั้งกายใจ”

พูดจบ เขาก็มองไปยังด้านล่างเวที แล้วตะโกนว่า “พวกคุณสามคนจะรอช้าทำไม รีบขึ้นมา!”

พอพูดไปดังนั้น ทุกคนก็มองไปยังด้านล่างเวที

ห่างออกไปไม่ไกล มีคนสามคนเดินเข้ามาอย่างกลัวๆ

“อ้าวนี่ไม่ใช่คนเก็บขยะนั่นหรอกหรือ?”

“แล้วก็ลูกเศรษฐีนั่นอีก ที่บอกว่าจะให้เงินเป็นหมื่นนั่นน่ะ!”

“ไอ้คนใส่ชุดสูทผมรู้จัก เป็นผู้จัดการของห้างนี้!”

……

ขณะพูด ทั้งสามคนก็ได้เดินมาถึงบนเวทีแล้ว พวกเขามองไปมา เห็นรพีพงษ์ก็เหมือนเห็นผี สีหน้าเผยความกลัวออกมา

ที่แท้ เมื่อครู่นี้ หลังจากที่รพีพงษ์ออกไปจากอารียา เพื่อรีบตามตัวคนเก็บขยะและลูกเศรษฐี แล้วใช้เข็มทิ่มกระดูกแทงพวกนั้นไป จากนั้นรพีพงษ์ก็ไปหาตัวผู้จัดการของห้าง แล้วใช้วิธีเดียวกันควบคุมตัวมา

“พวกคุณกลับมาได้อย่างไร ผู้จัดการด้วย มาทำไมกัน?”

คนแถวนั้นถาม

“พูดมาเถอะ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ออกมาให้หมด” รพีพงษ์พูดเสียงเย็น

“ผมเล่า ผมเล่าเอง”

ชายขาเป๋ก่อนหน้านี้ชี้ไปยังนทีนทที่นอนอยู่บนพื้น “เอ่อ…..จริงๆ แล้วผมนัดกับเขาไว้ก่อนแล้ว ให้แกล้งทำเป็นขาเป๋ จากนั้นก็มาแกล้งว่าเขารักษาผมหาย พอสำเร็จเขาจะแบ่งเงินให้ผมห้าพันหยวน”

“ผมก็เหมือนกัน ให้ร่วมกันแสดงกับเขา จุดประสงค์ก็เพื่อให้พวกคุณเชื่อว่าเขาเป็นคนของสำนักเทพยาเซียนจริงๆ ไม่โลภในเงินทอง” ลูกเศรษฐีพูดอย่างอ่อนแอ

ส่วนชายสวมชุดสูท ที่เป็นผู้จัดการคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “เมื่อไอ้หมอนี่มาหาผม บอกว่าจะขอยืมสถานที่ตั้งเวที แล้วจะให้ผมแสนหยวน ผมก็เลยตอบรับไป”

พอได้ยินทั้งสามคนพูดดังนั้น ทุกคนก็ตอบสนองกลับมาได้

“หน็อยแน่ะ เป็นพวกหลอกลวงจริงๆ !”

“แม่งเอ้ย ยังมาบอกว่ากูมีพรสวรรค์อีก ทำให้กูตื่นเต้นเล่นๆ กูจะฟ้องเอาค่าเสียขวัญ!”

“นั่นสิ เอาเงินคืนพวกเรามาเลย!”

……

ทุกคนเข้าไปล้อมนทีนทไว้

นทีนทก็เหงื่อออกเต็มหน้า แต่ว่า คนพวกนี้เป็นชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น สำหรับเขาแล้ว จะบุกฝ่าวงล้อมไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

แต่ที่ยากจริงๆ ก็คือ รพีพงษ์ไม่ให้เขาทำแบบนั้นได้แน่

พอคิดไป ไม่ถึงวินาที รพีพงษ์ก็ผนึกเน่ยจิ้งในตัวเขาไว้แล้ว

นทีนทลองกวัดแกว่งกำปั้นออกไป แต่ไม่มีพลังอะไรเลย

ทุกคนลุมประทืบไปคนละเท้าสองเท้า นทีนทก็หน้าเขียวกำเดาไหล น่าอนาถจนดูไม่ได้

“ทุกท่าน สำนักเทพยาเซียนเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์ เรื่องการกลั่นยาจะมาบีบบังคับกันไม่ได้” รพีพงษ์พูดกับทุกคน “ไอ้หมอนี่มาหลอกใช้ความคิดของทุกคน ก็เลยทำออกมาเป็นแบบนี้ วันหลังทุกท่านต้องระวังตัวให้มาก”

“ขอบคุณน้องชายมากที่ช่วยเตือน”

มีลุงคนหนึ่งยกมือคำนับพูดขึ้น

ทันใดนั้น ในฝูงชนก็มีคนพูดขึ้นว่า “เอ่อ ไม่ทราบว่านี่ใช่ประมุกรพีไหม?”

พอพูดออกไปดังนั้น ทุกคนก็มองไปแบบอึ้งๆ แล้วก็มีคนหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดหารูป

“ใช่แล้ว เขาก็คือคุณชายรพีพงษ์ ก่อนหน้านี้ที่เคยช่วยพวกเราในหมู่บ้านไว้ ผมเคยเห็นเขา!”

“ถึงว่าล่ะ คำพูดของล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น”

……

พริบตา ผู้คนก็เข้าไปห้อมล้อมรพีพงษ์ไว้ ในใจของพวกเขา นายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์เป็นถึงสุดยอดบุคคลของประเทศจีนเลย

“แม่คะ พ่อดังขนาดนี้เลยหรือคะ” หนูลินถาม

อารียาก็ยิ้มเบาๆ “แน่นอนสิจ๊ะ พ่อของหนูน่ะ เป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะจ่ะ”

หนูลินเงยหน้าน้อยๆ ของตนเองขึ้นไปมองพ่อตนเองที่ถูกฝูงชนห้อมล้อมอยู่บนเวที ถึงแม้เธอจะยังเด็ก และไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงได้สนับสนุนพ่อตนเองขนาดนี้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ พ่อของตนเองนั้น ได้เป็นผู้กล้าผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของเธอแล้ว

นทีนทที่อยู่บนเวทีก็เจ็บหนัก เดินอิดโรยออกไปจากที่นี่

“ไป สาวๆ ทั้งสองคน แล้วก็หนูลินผู้น่ารักของเรา พวกเรากลับโรงแรมกันเถอะ”

รพีพงษ์พูดกับทั้งสามคน

อารียาและฝนสุดาก็พยักหน้า แล้วกลับไปโรงแรม

ไม่คิดเลยว่า วันนี้แค่ออกมาเดินเล่นในห้างเฉยๆ จะเจอเรื่องมากมายแบบนี้

รพีพงษ์ก็เบื่อตัวเอง ตนเองไม่ใช่คนชอบหาเรื่อง แต่มักจะเรื่องมาหาตนเองเสียนี่

อยากจะกลับไปป่าหมอกในสำนักเทพยาเซียนเสียจริงๆ ภายใต้การห้อมล้อมของหุบเขาและสายน้ำ จะได้พาแคลร์ไปฝึกวิชาอย่างเงียบๆ

พอกลับมาถึงโรงแรม รพีพงษ์สามคนพ่อแม่ลูกก็เข้าห้องมาเตรียมจะปิดประตู ไม่คิดว่าฝนสุดาจะยืนอยู่ที่หน้าประตู

“ทำไมหรือ ยังมีอะไรหรือเปล่า?” รพีพงษ์ถามอย่างสงสัย

สุดาก็มองห้องชุดสุดหรูห้องนี้

ไม่นานก่อนหน้านี้ ตนเองก็เคยอยู่ในห้องนี้ ใส่ชุดนอนบางๆ อยู่ในห้องกับรพีพงษ์

ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้รพีพงษ์มีสมาธิมาก ข้าวสารก็คงกลายเป็นข้าวสุกไปแล้วล่ะ

แต่ว่าตอนนี้ ห้องนอนห้องเดียวกัน การตกแต่งก็เหมือนกัน แต่ผู้หญิงในห้องได้กลายเป็นอารียาแล้ว

“รพีพงษ์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณออกมาหน่อยได้ไหม?” สุดาถาม

รพีพงษ์ก็มองเธอ แล้วก็หันไปส่งสายตามองให้กับอารียา

“จะมองฉันทำไม คุณไปเถอะ” อารียาพูดไปโดยไม่คิดอะไร

“วางใจได้ เดี๋ยวผมรีบกลับมา”

พูดจบ รพีพงษ์ก็ตามฝนสุดาออกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท