พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1475 แอบหนีไปตอนนี้ไม่ได้แน่

บทที่ 1475 แอบหนีไปตอนนี้ไม่ได้แน่

“ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวน” นทีนทยิ้มพูด ในใจก็คิดว่า คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหมู่บ้านนี้จะมีสาวสวยแบบนี้ด้วย เดี๋ยวตนเองจะลูบคลำตรวจดูเรือนร่างผู้หญิงคนนี้เสียหน่อย

พูดจบ เขาก็หลับตาลง แล้วใช้มือทั้งสองยื่นไปทางตัวของสุดา

ฝนสุดาก็ทำท่าเขินอาย เพียงแต่ ตอนที่นิ้วมือของฝั่งตรงข้ามกำลังจะถูกเนื้อต้องตัวตนเองนั้น ใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา

เยือนยะเยือก

นทีนทคิดแบบนี้อยู่ในใจ

“คุณผู้หญิงครับ ทำไมร่างกายของคุณถึงได้เย็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะมีพลังเย็นวนอยู่รอบกายคุณนะครับ ผมจะต้องตั้งใจสัมผัสเสียหน่อย เพื่อกำจัดพลังเย็นพวกนี้ออกไปด้วย” นทีนทกล่าว

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รบกวนคุณปี้ด้วยแล้วกันนะคะ” ฝนสุดาพูดอย่างอ่อนแอ

นทีนทที่หลับตาลง ในใจก็ชุ่มชื้น แล้วก็จะสำรวจร่างกายต่อไป

ในตอนนี้เอง ถ้าเขามีจิตสำนึกหน่อยล่ะก็ ก็คงจะพบได้ว่า ฝูงชนที่ครึกครื้นอยู่นั้น ตอนนี้ได้เงียบสงบลงแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ เขาไม่คิดอย่างอื่นเลย ในหัวของเขาคิดแต่เรื่องลามก คิดแต่เรื่องจะสัมผัสเรือนร่างของฝั่งตรงข้าม ว่ามือทั้งสองของตนเองจะมีความรู้สึกอย่างไร

นทีนทสำรวจต่อไป แต่ทว่า ความเย็นนั้น มันเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย

น่าแปลก ทำไมแขนของผู้หญิงคนถึงได้ยาวจัง

นทีนทคิดในใจ ที่ข้างหู ก็มีเสียงของฝนสุดาดังเข้ามาอีก “คุณคะ สัมผัสได้หรือยังคะ? สรุปว่าฉันมีพรสวรรค์ในการกลั่นยาหรือเปล่า”

“ไม่ต้องรีบร้อนครับ ค่อยๆ ทำ ผมกำลังใช้ใจสัมผัส” นทีนทปากก็พูดออกมา ในใจก็คิดว่า วันนี้ได้ทั้งเงินได้ทั้งสาวงามจริงๆ เลย

ถึงขนาดที่ว่า ในใจของเขาก็ได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะบอกไปว่าในตัวผู้หญิงคนนี้มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา พอผู้คนแยกย้ายไปแล้ว จะให้มาสำรวจกันต่อที่ห้องพักของตนเอง

ครั้งนี้ตนเองมาที่หมู่บ้านนี้ ได้พกยาสลบมาด้วย พอถึงตอนนั้น ก็จะได้………

พอนึกถึงจุดนี้ นทีนทก็มีใบหน้าดีใจจนยิ้มแฉ่ง

“นี่คุณ เสร็จหรือยัง คนอื่นแค่10วินาทีก็เสร็จแล้ว นี่คุณลูบคลำไปเป็นนาทีแล้วนะ”

ตอนนี้รพีพงษ์ที่อยู่ล่างเวทีก็ตะโกนได้ถูกเวลาพอดี

“เปล่าๆ ชี่แท้ในกายคุณผู้หญิงคนนี้เดี๋ยวมีเดี๋ยวหาย จะต้องใช้ใจไปสัมผัสหน่อย” นทีนทหลับตาพูด

เพียงแต่ ที่ปลายนิ้วของเขานอกจากสัมผัสถึงความเย็นแล้ว ก็ไม่มีความนุ่มนวลและอบอุ่นของผิวหนังเลย กลับกันยังรู้สึกขรุขระด้วย

“พี่ชาย ที่คุณกำลังคลำอยู่ไม่ใช่แขนของพี่สาวฉันนะคะ”

ด้านล่าง หนูลินตะโกนออกมา เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมพี่ชายคนนี้ถึงได้ตั้งใจลูบคลำขนาดนั้น ราวกับกำลังมีความสุขเสียอย่างนั้น

“อะไรนะ ไม่ใช่มืองั้นหรือ?” พอนทีนทได้ยิน ก็รีบลืมตาขึ้นมา เขาตกใจเห็นว่า ตอนนี้ที่ตนเองลูบคลำไป เป็นแค่แส้ยาวเส้นหนึ่งเท่านั้นเอง

“ฮ่าๆ !”

คนรอบๆ ก็หัวเราะลั่นออกมา

“ไอ้หนุ่ม แส้เส้นเดียวก็ทำเอ็งมีความสุขได้ขนาดนี้เลยนะ ทำไมล่ะ เอ็งสัมผัสได้ถึงพลังทิพย์ในแส้หรือยังล่ะ?”

“นั่นสิ คงไม่ใช่เห็นว่าคุณผู้หญิงคนนี้รูปร่างสะสวย แล้วจะถือโอกาสลวนลามหรอกนะ”

……

พอได้ยินทุกคนหัวเราะเยาะ นทีนทก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“คุณผู้หญิงครับ นี่หมายความว่าอย่างไรครับ?” นทีนทถามเสียงเย็น เขารู้ได้เลยว่า สาวสวยคนนี้ตั้งใจจะมาก่อความวุ่นวายแน่ๆ

“แคลร์ คุณอยู่ดูละครที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวออกไปจัดการอะไรหน่อย” ทางด้านล่าง รพีพงษ์พูดกับแคลร์

แคลร์พยักหน้า แล้วรพีพงษ์ก็หันหลังออกไป

บนเวที ฝนสุดาก็ยิ้มมองฝั่งตรงข้าม

แส้อ่อนเมื่อครู่นี้ ตนเองเรียกมันออกมาเอง เธอจะให้ชายลามกคนหนึ่งมาลูบคลำเรือนร่างของตนเองได้อย่างไรเล่า?

“นทีนทใช่ไหม ถ้าฉลาดก็เอาเงินของแกคืนทุกคนไปเสีย แล้วบอกแผนหลอกลวงของแกมาให้หมด ฉันจะไว้ชีวิตแก” ฝนสุดากล่าว

“คุณพูดมั่วอะไร อะไรหลอกลวง ผมมีอะไรต้องอธิบาย” นทีนทพูดอย่างโมโห

“ให้ฉันพูดแทนไหม? ”

สุดาหันไปมองทุกคน “ไอ้หมอนี่ ไม่ใช่คนของสำนักเทพยาเซียนหรอก และไม่ใช่ลูกศิษย์ของเจ้าจิรภัทรด้วย!”

“อะไรนะ?”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“แต่การที่สามารถต่อกระดูกได้ มีแต่คนของสำนักเทพยาเซียนเท่านั้นนะ ที่ทำได้”

“นั่นสิ เมื่อครู่ยังมีไอพลังพุ่งออกมาอยู่เลย พวกเราก็เห็นกับตานะ”

ทุกคนเริ่มคุยกัน

“พวกคุณ ช่างโง่จริงๆ เลย” ฝนสุดาไม่อยากจะสนใจ แล้วก็ชี้นทีนทพูดว่า “รีบพูดว่า เอาเรื่องหลอกลวงของตัวเองบอกกับทุกคนไปเดี๋ยวนี้เลย”

“หลอกลวงงั้นหรือ? อะไรหลอกลวง?” นทีนทยิ้มพูด “แม่สาวน้อย คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าผมหลอกลวง คุณพูดจาดูถูกสำนักเทพยาเซียน ช่างชั่วร้ายมากเลยนะ!”

“นั่นสิ”

“ถูกต้อง เธอไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง แล้วยังมาบอกว่าพวกเราโง่อีก”

สำนักเทพยาเซียนมีชื่อเสียงที่ในใจของหมู่บ้านนี้เคารพนับถือไม่น้อย เนื่องจากเมื่อครู่ได้เห็นนทีนทแสดง “อิทธิฤทธิ์” ให้เห็นตรงหน้า คนพวกนี้ก็เลยเชื่อถือนทีนทอย่างไม่มีข้อกังขา!

พอเห็นว่าตนเองมีคนคอยช่วยพูดมากมาย นทีนทก็เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมา

“คุณผู้หญิง ถ้าคุณคิดจะล้อผมเล่นล่ะก็ ก็เชิญลงไปเถอะครับ คนของสำนักเทพยาเซียนไม่ใช่จะให้มาล้อเล่นได้ง่ายๆ” นทีนทกล่าว

“แกนี่มัน หน้าไม่อายจริงๆ เลยนะ!” สุดาพูดอย่างโมโห คนที่มาดูพวกนี้ก็เหมือนถูกล้างสมองไปแล้ว กลับไปเชื่อมันเสียอย่างนั้น ทำให้สุดาทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“คุณผู้หญิง คุณยังพูดจาดูถูกกันหลายครั้ง เดิมทีผมไม่อยากจะลงไม้ลงมือกับคุณ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็คงต้องเชิญคุณลงไปจากเวทีแล้วล่ะ”

พูดจบ นทีนทก็เอาพลังเน่ยจิ้งออกมา ทำเหมือนเมื่อครู่นี้ ใช้มือทั้งสองจะยกตัวของฝนสุดาออกไป

“รอแกลงมืออยู่พอดีเลย!”

วันนี้ในใจของฝนสุดาโมโหเต็มเปี่ยม กำลังหาที่ระบายอยู่พอดี

แส้ในมือของเธอก็สะบัดออกไป เข้าไปมัดเข้าที่ข้อมือของฝั่งตรงข้าม

นทีนทก็ยิ้มในใจ แล้วก็ออกแรงที่แขน

พลังเน่ยจิ้งปล่อยออกมาข้างนอก แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับไม่ขยับอะไรเลย

“นี่คุณ?” นทีนทมองฝนสุดาอย่างตกใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงที่อ่อนช้อยคนนี้ จะเป็นพวกนักฝึกวิชาด้วย อีกอย่าง ตอนนี้ดูเหมือนว่า พลังของเธอจะสูงกว่าตนเองเสียด้วย

“ก็แค่จับคนโยนออกไปเท่านั้นเอง ฉันก็ทำได้”

ฝนสุดายิ้มพูดเยาะเย้ย จากนั้นก็ออกแรงไปที่มือข้างเดียว พลังเน่ยจิ้งอันแข็งแกร่งก็ถูกปล่อยออกมา แล้วจับฝั่งตรงข้ามโยนลงเวทีไป

ทุกคนมองฝนสุดาอย่างตื่นตกใจ พวกเขาถูกฝีมือของสาวสวยคนนี้ทำให้อึ้งนิ่งไป

“ทุกคนไม่ต้องไปเชื่อไอ้คนนี้ ในสำนักเทพยาเซียนไม่มีคนชื่อนี้อยู่เลย” ฝนสุดาชี้ไปทางนทีนทที่นอนอยู่บนพื้น แล้วพูดออกมา

“ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องคุ้นเคยกับสำนักเทพยาเซียนละสิ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาไม่ใช่คนของสำนักเทพยาเซียน?” ลุงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“คือฉัน…ฉันไม่ใช่คนของสำนักเทพยาเซียนหรอก แต่ว่าฉันกำลังจะไปที่สำนักเทพยาเซียน” ฝนสุดาบอกมาตามตรง

เธอไม่ใช่คนของสำนักเทพยาเซียนจริงๆ และรู้เรื่องของสำนักเทพยาเซียนน้อยมากด้วย

“ได้ยินหรือยัง เธอไม่รู้จักสำนักเทพยาเซียนเสียด้วยซ้ำ แล้วยังมาดูถูกผม ทุกคนล้วนรู้ดี พวกเราคนของสำนักเทพยาเซียน ไม่ได้เก่งเรื่องการฝึกวิชา แต่เน้นเรื่องการกลั่นยาเพื่อสร้างชื่อเสียง”

นทีนทอาศัยจังหวะนี้ แล้วก็พยายามลุกขึ้นพูดว่า “ทุกคนอย่าไปเชื่อเธอ ผู้หญิงคนนี้พูดจาเหยียดหยามสำนักเทพยาเซียน ถือเป็นการทำผิดใหญ่หลวงนัก เดี๋ยวผมจะกลับไปรายงานท่านอาจารย์ ให้อาจารย์มาช่วยตัดสิน”

“แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เรื่องมันยังไม่ชัดเจน ห้ามไปไหนเด็ดขาด” ฝนสุดาพูดอย่างร้อนรน

“เหอะ ดูเหมือนว่าวันนี้จะฆ่าผมให้ได้เลยสินะ ได้ เก่งนักก็เข้ามาเลย ผมนทีนทยอมตายแต่ไม่ยอมเสียเกียรติ อยู่เป็นคนของสำนักเทพยาเซียน ตายก็ขอเป็นผีของสำนักเทพยาเซียน!”

พอเห็นนทีนทพูดจามีคุณธรรมแบบนี้ ทุกคนก็พยักหน้า

“ไอ้น้อง เอ็งรีบออกไปเถอะ วางใจได้ เดี๋ยวที่นี่พวกเราจะช่วยกันไว้ให้”

“ใช่ ถูกต้อง เดี๋ยวพวกเราช่วยกันผู้หญิงคนนี้ไว้ให้เอง คุณรีบออกไปเลย”

……

พอเห็นคนพวกนี้เห็นผิดเป็นชอบสับสนกันไปหมด ฝนสุดาก็ไม่มีความโมโหอะไรอีก เธอร้อนรนจนน้ำตาจะไหลออกมา “พวกคุณถูกมันหลอกแล้วนะ ทำไมถึงโง่อย่างนี้นะ”

“พระคุณนี้จะไม่มีวันลืม เรื่องการรับศิษย์ เดี๋ยวรอผมลงเขาครั้งหน้า จะจัดขึ้นอีกแน่นอน” นทีนทก็ทำท่ายกมือคำนับทุกคนอย่างกับเหมือนว่าเป็นคนดี

สถานการณ์ไม่ค่อยดี ถ้าตนเองยังอยู่ที่นี่ต่อก็โง่แล้ว เขาเตรียมจะหนีออกไป พอหันหลังไปมอง ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยิ้มให้ตนเองอยู่

“คิดหนีงั้นหรือ? เกรงว่าจะไม่ทันแล้วล่ะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท