“รพีพงษ์ คุณอารียา เดินทางมาเหนื่อยๆ รีบเชิญด้านในก่อนเลย” จิรภัทรก็ยกมือคำนับพูดกับพวกของรพีพงษ์
“นั้นสิ พี่รพี เดี๋ยวผมพาพี่ไปดูห้องที่พวกเราจัดให้ใหม่ พี่จิลลาเป็นคนตกแต่งให้เองเลยนะพี่”
ชุติเดชน้อยยิ้มพูด
“ไอ้ชุติเดชบ้า พูดมากจริงนะ” จิลลาทำท่าจะตีชุติเดช ใบหน้าก็เขินอายจนแดงก่ำ
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ?”
จิรภัทรชี้มือถามฝนสุดาที่อยู่ข้างๆ รพีพงษ์
“ดิฉันชื่อว่าฝนสุดาค่ะ เจ้าจิรภัทร อาจารย์ของฉันให้มาที่นี่ มีจดหมายมาถึงด้วย นิรภัฏอาจารย์ของฉันให้มาส่งให้คุณค่ะ”
พูดจบ ฝนสุดาก็หยิบจดหมายออกมา แล้วยื่นให้จิแฟชั่นทร
“นิรภัฏงั้นหรือ?”
จิรภัทรเปิดจดหมายออก อ่านไปถอนหายใจไป “ผมเจอกับเขาครั้งก่อน ก็น่า20กว่าปีที่แล้วแล้วล่ะ ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อาจารย์แข็งแรงดีค่ะ อาจารย์ยังบอกอีกว่า ถ้ามีโอกาส จะมาเยี่ยมเจ้าจิรภัทรด้วยตัวเองเลยค่ะ”
“เอ๊ะ ตาแก่นี่ อยากมาเยี่ยมผม หรือยากมาเอายาเม็ดจากผมไปกันแน่”
จิรภัทรยิ้มพูด แล้วก็มองฝนสุดา “ไม่คิดเลยว่า อายุเพียงเท่านี้ จะมีพลังวิชาระดับแดนดั่งเทพแล้ว เป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ”
“เจ้าจิรภัทรกล่าวชมเกินไปค่ะ ตอนนี้ยังมีใครกล้าบอกว่าตนเองมีพรสวรรค์ต่อหน้ารพีพงษ์ล่ะคะ? มันจะเหมือนกับแกว่งดาบเล่นหน้าโรงพักน่ะสิคะ” ฝนสุดายิ้มพูด
ทุกคนก็ยิ้มๆ กันหมด ไม่มีใครแย้งขึ้นมา
“ไป ทุกท่าน ในหุบเขาลมมันแรง เข้าไปคุยกันด้านใน”
รพีพงษ์ก็ยกมือคำนับ แล้วก็พาลูกเมียและฝนสุดาเข้าไปยังตำหนักใหญ่ของสำนักเทพยาเซียน
อารียามองตำหนักที่ใหญ่โตโอ่อ่า ในใจเธอรู้ดี ว่าตนเองนั้นได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกวิชาในก้าวแรกแล้ว!
ในตำหนัก งานเลี้ยงได้จัดเตรียมไว้แล้ว
พวกหงส์และอีกหลายๆ คนได้ยินว่าวันนี้รพีพงแฟชั่นจะมา ก็เลยจัดเตรียมกันตั้งแต่เมื่อวาน
มีแต่พวกอาหารป่า แต่ว่าหลังจากที่ได้ผ่านการปรุงรสของหงส์แล้ว แต่ละเมนูก็หอมอร่อยขึ้นมาทันที
“เอ่อ เจ้าจิรภัทรครับ ปยุตล่ะครับ วันนี้ทำไมไม่เห็นเขาเลย?”
รพีพงษ์นั่งลงที่โต๊ะงานเลี้ยง แล้วก็ถามละก็รภัทรขึ้นมา
“ปยุตน่ะหรือ คงจะเมาหลับฝันอยู่ล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าไปเมาหลับอยู่ที่ไหน” จิรภัทรยิ้มพูดอย่างเอือมระอา “จิลลา อาจารย์เธออยู่ที่ไหน รู้ไหม?”
“ไม่ทราบเลยค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่หนูมาช่วยจัดห้องให้พี่รพี ก็ไม่ได้อยู่กับอาจารย์เลย” จิลลาตอบ
“ช่างเถอะครับ เดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จ ผมจะไปดูเขาที่ถ้ำเสียหน่อย” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ
“ก็ดี ขอเพียงคุณไม่ถูกกลิ่นเหล้าในถ้ำทำให้มึนหัวก็พอแล้ว” จิรภัทรยิ้มพูด
ทุกคนก็หัวเราะลั่น
“ไอจิรภัทร ว่าใครเหม็นเหล้าห้ะ”
ในตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงดังเข้ามา
ทุกคนก็หันไปมอง ปยุตที่ใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ เดินยิ้มมีความสุขเข้ามา
“ปยุต” รพีพงษ์มองเขาอย่างเคารพ
อารียาและหนูลินก็ลุกขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่ตนเองมายังสำนักเทพยาเซียน ถ้าไม่ได้ปยุตช่วยฝึกฝนให้ล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลั่นยาหรือพลังวิชา รพีพงษ์ก็คงจะไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งได้แบบนี้
“ฮ่าๆ ไอ้น้องรพีพงษ์ ผมมาแล้วๆ ทุกคนนั่งเถอะ ไม่ต้องมากพิธีอะไรกันหรอก”
ปยุตยิ้มพูด แล้วก็หยิบเก้าอี้แถวนั้นมานั่งข้างๆ รพีพงษ์
“ปยุต ก็รู้อยู่ว่าวันนี้รพีพงษ์จะมา เพิ่งมาอะไรตอนนี้ล่ะ?” จิรภัทรถาม
“แหะๆ ไอจิรภัทร ผมก็มีเรื่องของผมนั่นแหละ” ปยุตหัวเราะ แล้วพูดอย่างมีเลศนัยว่า “น้องรพีพงษ์ ดูสิว่า วันนี้ผมเอาอะไรมาด้วย”
“ห้ะ?” รพีพงษ์มองเขาอย่างสงสัย
พูดจบ ปยุตก็ค่อยๆ เอาขวดลายครามออกมาจากหน้าอก
“นี่คือ……”
“แน่นอนต้องเป็นเหล้าอย่างดีไงล่ะ” ปยุตยิ้มพูด แล้วก็เปิดฝาขวดออก กลิ่นหอมของเหล้าก็คละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องโถง
“มาๆ ไม่ต้องเกรงใจ ผมรู้ว่าวันนี้คุณจะมา ก็เลยไปเอาเหล้าขวดนี้มาโดยเฉพาะ พวกเราก็แบ่งกันลิ้มลองไปแล้วกัน”
พูดจบ ปยุตก็รินให้รพีพงษ์หนึ่งแก้ว แล้วตนเองก็ถือเหล้าอีกครึ่งขวดที่เหลือ
“ชนแก้ว”
ขวดกับแก้วชนกัน รพีพงษ์ชิมไปหนึ่งจิบ เป็นเหล้าจริงๆ กลิ่นหอมมาก กลืนลงคอเหล้าหวานดี
ปยุตก็เงยคอ กระดกเหล้าที่เหลือไปจนหมด
“บ๊ะ เหล้าดีจริงๆ” ปยุตกล่าว
พอเห็นขวดลายครามบนโต๊ะไม่มีเหล้าแล้ว จิรภัทรก็ขมวดคิ้ว แล้วยกขึ้นมาดู
หมุนขวดไปมา ด้านล่างขวดเขียนไว้ว่า นีโลทให้เป็นของขวัญ!
“หน็อยแน่ไอ้ปยุต นี่มันคือเหล้ายู่ลู่กานเฉวียนที่นีโลทอาจารย์หมักเหล้าอันโด่งดังของจีนให้ผมเป็นของขวัญเมื่อ15ปีก่อน ก็ว่าทำไมขวดนี้มันคุ้นๆ ที่แท้คุณก็เอามาดื่มเสียแล้วงั้นหรือ?” จิรภัทรพูดอย่างโมโห
“แย่จัง มองออกเสียแล้ว” ปยุตก็แกล้งทำบ่นปากจู๋ๆ แล้วพูดกับจิรภัทรว่า “ไอหย๋า รพีพงษ์กว่าจะมาสำนักเทพยาเซียนของพวกเราได้ พวกเราก็ต้อนรับขับสู้ดีๆ หน่อยสิ ดูคุณพูดเข้าสิ เหล้านี้คุณเก็บไว้ตั้ง15ปีแล้ว ผมหยิบออกมาชิมหน่อย เดี๋ยวเสียของไปจะเสียดายเอาเปล่าๆ ว่าไหมล่ะ”
“จะไปรู้อะไร!”
จิรภัทรโกรธจนตาโตหนวดกระดิก “เหล้าขวดนี้ของคุณนีโลท เก็บไว้ยิ่งนานมันยิ่งหอม แล้วในโลกนี้มีขวดเดียวเท่านั้น คุณนี่มัน…….บังอาจจริงๆ เลย”
“เอ๊ะ ไอจิรภัทร ไอ้ขี้เหนียว” ปยุตพูดปากจู๋ “แล้วทำไงล่ะ ผมดื่มมันลงท้องไปแล้ว ให้ผมอ้วกออกมาคืนไหมล่ะ”
“ไอ้…..ไอ้ปยุต” จิรภัทรทั้งโกรธทั้งทำอะไรไม่ได้ “ผมไม่ได้เสียดายเหล้าขวดนี้ ที่จะเอามาให้รพีพงษ์ดื่ม เพียงแต่ เนื่องจากเหล้าขวดนี้มันมีความพิเศษ ผมคิดว่าจะให้เป็นของขวัญในวันที่รพีพงษ์และภรรยาฝึกวิชาสำเร็จจากที่นี่และออกจากการฝึกในวันนั้น แต่คุณกลับมารินให้เขาแค่แก้วเดียว แล้วตนเองก็ซัดหมดขวดเลย”
ปยุตบืนปาก “ไอหย๋า รู้แล้วๆ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ คุณก็รู้ว่าผมรักเหล้าเท่าชีวิต ผมว่าวันหลังคุณอย่าเก็บเหล้าไว้อีกนะ ไม่งั้นล่ะก็ เดี๋ยวผมได้กลิ่น แล้วจะไปหยิบมันออกมาอีก”
“เอ๊ะคุณ……ยังมาโทษผมเสียอีก!” จิรภัทรพูดอย่างโมโห
“เจ้าจิรภัทร อย่าไปว่าปยุตเลยครับ ผมคิดว่าเขาก็อยากจะคิดดีนั่นแหละครับ” รพีพงษ์ยิ้มพูด
“แต่ว่า เหล้าที่คุณนีโลทให้มาขวดนี้ มันเพิ่ง15เองน่ะสิ เห้อ”
จิรภัทรส่ายหัวถอนหายใจ ล้วนเป็นคนชอบเหล้าเหมือนกัน รพีพงษ์ก็รู้ว่า ของดีแบบนี้ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งดี
“เจ้าจิรภัทร ไม่ต้องเสียใจไปครับ ผมก็พอจะรู้จักกับนีโลทอยู่ เหล้าดีแบบนี้ผมก็พอมีบ้างครับ” รพีพงษ์กล่าว “ถึงแม้จะไม่หอมเท่าขวดนี้ แต่ก็เป็นเหล้าที่นีโลทหมักเองเหมือนกันครับ”
“งั้นหรือ? ประมุกรพี คุณพูดจริงนะ?” จิรภัทรไม่อยากจะเชื่อ
นีโลทเป็นสุดยอดนักหมักเหล้าของประเทศจีน มีเงินก็หาซื้อยาก กว่าจะได้เหล้าของนีโลทแต่ละขวดมันหายาก
ปีนั้น จิรภัทรให้ยาเม็ดระดับสูง3เม็ดแก่นีโลท กว่าจะให้เขาหมักเหล้าดีๆ แบบนี้ออกมาได้
“แน่นอนครับ ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นคนออกทุนสร้างโรงเหล้าของนีโลทเอง เขาเป็นนักหมักเหล้าประจำตระกูลลัดดาวัลย์เลยล่ะครับ คุณว่าผมจะรู้จักเขาไหมล่ะครับ?” รพีพงษ์ยิ้มพูด
จิรภัทรก็อึ้งมาก ปยุตก็เอามือตบใหล่รพีพงษ์อยู่ข้างๆ “ไอ้น้องรพีพงษ์ คุณนี่มันแน่จริงๆ วันหลังเอาเหล้าของนีโลทมาให้ผมสักหลายๆ ขวดหน่อยสิ”
“ได้เลยครับ” รพีพงษ์ก็มองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ดูจากเวลาแล้ว น่าจะถึงเวลาแล้วล่ะครับ”
“ถึงเวลา เวลาอะไร?”
ปยุตและจิรภัทรถามอย่างไม่เข้าใจ
รพีพงษ์ก็พูดกับทุกคนว่า “ทุกท่าน เชิญตามผมมาเลยครับ”
พูดจบ รพีพงษ์ก็นำทุกคนเดินออกมาด้านนอกตำหนัก
รพีพงษ์เงยหน้ามองบนฟ้า หนูลินก็สงสัยอยู่ข้างๆ
“พ่อคะ บนฟ้ามันมีอะไรหรือคะ”
“เดี๋ยวก็รู้แล้วนะหนูลิน” รพีพงษ์ยิ้มพูด
หลังจากนั้นหนึ่งนาที ทางขอบฟ้าก็มีเสียงดังสนั่นเข้ามา
ทุกคนมองไปยังท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์ขนสินค้า8ลำก็บินเข้ามา
“รพีพงษ์ นี่คืออะไร?” จิรภัทรถามอย่างแปลกใจ เพราะรู้ว่าเฮลิคอปเตอร์พวกนี้ รพีพงษ์เรียกมาเอง
“เจ้าจิรภัทร ครอบครัวพวกเราจะมารบกวนเป็นเวลานาน ในใจผมก็เกรงใจ ดังนั้น เลยเอาของขวัญมา เชิญรับไว้ด้วยครับ”
ตอนที่พูด เฮลิคอปเตอร์ลำแรกก็มาลงจดที่หน้าตำหนัก