พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1478 ของขวัญของรพีพงษ์

บทที่ 1478 ของขวัญของรพีพงษ์

“รพีพงษ์ คุณอารียา เดินทางมาเหนื่อยๆ รีบเชิญด้านในก่อนเลย” จิรภัทรก็ยกมือคำนับพูดกับพวกของรพีพงษ์

“นั้นสิ พี่รพี เดี๋ยวผมพาพี่ไปดูห้องที่พวกเราจัดให้ใหม่ พี่จิลลาเป็นคนตกแต่งให้เองเลยนะพี่”

ชุติเดชน้อยยิ้มพูด

“ไอ้ชุติเดชบ้า พูดมากจริงนะ” จิลลาทำท่าจะตีชุติเดช ใบหน้าก็เขินอายจนแดงก่ำ

“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ?”

จิรภัทรชี้มือถามฝนสุดาที่อยู่ข้างๆ รพีพงษ์

“ดิฉันชื่อว่าฝนสุดาค่ะ เจ้าจิรภัทร อาจารย์ของฉันให้มาที่นี่ มีจดหมายมาถึงด้วย นิรภัฏอาจารย์ของฉันให้มาส่งให้คุณค่ะ”

พูดจบ ฝนสุดาก็หยิบจดหมายออกมา แล้วยื่นให้จิแฟชั่นทร

“นิรภัฏงั้นหรือ?”

จิรภัทรเปิดจดหมายออก อ่านไปถอนหายใจไป “ผมเจอกับเขาครั้งก่อน ก็น่า20กว่าปีที่แล้วแล้วล่ะ ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อาจารย์แข็งแรงดีค่ะ อาจารย์ยังบอกอีกว่า ถ้ามีโอกาส จะมาเยี่ยมเจ้าจิรภัทรด้วยตัวเองเลยค่ะ”

“เอ๊ะ ตาแก่นี่ อยากมาเยี่ยมผม หรือยากมาเอายาเม็ดจากผมไปกันแน่”

จิรภัทรยิ้มพูด แล้วก็มองฝนสุดา “ไม่คิดเลยว่า อายุเพียงเท่านี้ จะมีพลังวิชาระดับแดนดั่งเทพแล้ว เป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ”

“เจ้าจิรภัทรกล่าวชมเกินไปค่ะ ตอนนี้ยังมีใครกล้าบอกว่าตนเองมีพรสวรรค์ต่อหน้ารพีพงษ์ล่ะคะ? มันจะเหมือนกับแกว่งดาบเล่นหน้าโรงพักน่ะสิคะ” ฝนสุดายิ้มพูด

ทุกคนก็ยิ้มๆ กันหมด ไม่มีใครแย้งขึ้นมา

“ไป ทุกท่าน ในหุบเขาลมมันแรง เข้าไปคุยกันด้านใน”

รพีพงษ์ก็ยกมือคำนับ แล้วก็พาลูกเมียและฝนสุดาเข้าไปยังตำหนักใหญ่ของสำนักเทพยาเซียน

อารียามองตำหนักที่ใหญ่โตโอ่อ่า ในใจเธอรู้ดี ว่าตนเองนั้นได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกวิชาในก้าวแรกแล้ว!

ในตำหนัก งานเลี้ยงได้จัดเตรียมไว้แล้ว

พวกหงส์และอีกหลายๆ คนได้ยินว่าวันนี้รพีพงแฟชั่นจะมา ก็เลยจัดเตรียมกันตั้งแต่เมื่อวาน

มีแต่พวกอาหารป่า แต่ว่าหลังจากที่ได้ผ่านการปรุงรสของหงส์แล้ว แต่ละเมนูก็หอมอร่อยขึ้นมาทันที

“เอ่อ เจ้าจิรภัทรครับ ปยุตล่ะครับ วันนี้ทำไมไม่เห็นเขาเลย?”

รพีพงษ์นั่งลงที่โต๊ะงานเลี้ยง แล้วก็ถามละก็รภัทรขึ้นมา

“ปยุตน่ะหรือ คงจะเมาหลับฝันอยู่ล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าไปเมาหลับอยู่ที่ไหน” จิรภัทรยิ้มพูดอย่างเอือมระอา “จิลลา อาจารย์เธออยู่ที่ไหน รู้ไหม?”

“ไม่ทราบเลยค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานที่หนูมาช่วยจัดห้องให้พี่รพี ก็ไม่ได้อยู่กับอาจารย์เลย” จิลลาตอบ

“ช่างเถอะครับ เดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จ ผมจะไปดูเขาที่ถ้ำเสียหน่อย” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ

“ก็ดี ขอเพียงคุณไม่ถูกกลิ่นเหล้าในถ้ำทำให้มึนหัวก็พอแล้ว” จิรภัทรยิ้มพูด

ทุกคนก็หัวเราะลั่น

“ไอจิรภัทร ว่าใครเหม็นเหล้าห้ะ”

ในตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงดังเข้ามา

ทุกคนก็หันไปมอง ปยุตที่ใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ เดินยิ้มมีความสุขเข้ามา

“ปยุต” รพีพงษ์มองเขาอย่างเคารพ

อารียาและหนูลินก็ลุกขึ้น

ก่อนหน้านี้ที่ตนเองมายังสำนักเทพยาเซียน ถ้าไม่ได้ปยุตช่วยฝึกฝนให้ล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลั่นยาหรือพลังวิชา รพีพงษ์ก็คงจะไม่มีความเข้าใจลึกซึ้งได้แบบนี้

“ฮ่าๆ ไอ้น้องรพีพงษ์ ผมมาแล้วๆ ทุกคนนั่งเถอะ ไม่ต้องมากพิธีอะไรกันหรอก”

ปยุตยิ้มพูด แล้วก็หยิบเก้าอี้แถวนั้นมานั่งข้างๆ รพีพงษ์

“ปยุต ก็รู้อยู่ว่าวันนี้รพีพงษ์จะมา เพิ่งมาอะไรตอนนี้ล่ะ?” จิรภัทรถาม

“แหะๆ ไอจิรภัทร ผมก็มีเรื่องของผมนั่นแหละ” ปยุตหัวเราะ แล้วพูดอย่างมีเลศนัยว่า “น้องรพีพงษ์ ดูสิว่า วันนี้ผมเอาอะไรมาด้วย”

“ห้ะ?” รพีพงษ์มองเขาอย่างสงสัย

พูดจบ ปยุตก็ค่อยๆ เอาขวดลายครามออกมาจากหน้าอก

“นี่คือ……”

“แน่นอนต้องเป็นเหล้าอย่างดีไงล่ะ” ปยุตยิ้มพูด แล้วก็เปิดฝาขวดออก กลิ่นหอมของเหล้าก็คละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องโถง

“มาๆ ไม่ต้องเกรงใจ ผมรู้ว่าวันนี้คุณจะมา ก็เลยไปเอาเหล้าขวดนี้มาโดยเฉพาะ พวกเราก็แบ่งกันลิ้มลองไปแล้วกัน”

พูดจบ ปยุตก็รินให้รพีพงษ์หนึ่งแก้ว แล้วตนเองก็ถือเหล้าอีกครึ่งขวดที่เหลือ

“ชนแก้ว”

ขวดกับแก้วชนกัน รพีพงษ์ชิมไปหนึ่งจิบ เป็นเหล้าจริงๆ กลิ่นหอมมาก กลืนลงคอเหล้าหวานดี

ปยุตก็เงยคอ กระดกเหล้าที่เหลือไปจนหมด

“บ๊ะ เหล้าดีจริงๆ” ปยุตกล่าว

พอเห็นขวดลายครามบนโต๊ะไม่มีเหล้าแล้ว จิรภัทรก็ขมวดคิ้ว แล้วยกขึ้นมาดู

หมุนขวดไปมา ด้านล่างขวดเขียนไว้ว่า นีโลทให้เป็นของขวัญ!

“หน็อยแน่ไอ้ปยุต นี่มันคือเหล้ายู่ลู่กานเฉวียนที่นีโลทอาจารย์หมักเหล้าอันโด่งดังของจีนให้ผมเป็นของขวัญเมื่อ15ปีก่อน ก็ว่าทำไมขวดนี้มันคุ้นๆ ที่แท้คุณก็เอามาดื่มเสียแล้วงั้นหรือ?” จิรภัทรพูดอย่างโมโห

“แย่จัง มองออกเสียแล้ว” ปยุตก็แกล้งทำบ่นปากจู๋ๆ แล้วพูดกับจิรภัทรว่า “ไอหย๋า รพีพงษ์กว่าจะมาสำนักเทพยาเซียนของพวกเราได้ พวกเราก็ต้อนรับขับสู้ดีๆ หน่อยสิ ดูคุณพูดเข้าสิ เหล้านี้คุณเก็บไว้ตั้ง15ปีแล้ว ผมหยิบออกมาชิมหน่อย เดี๋ยวเสียของไปจะเสียดายเอาเปล่าๆ ว่าไหมล่ะ”

“จะไปรู้อะไร!”

จิรภัทรโกรธจนตาโตหนวดกระดิก “เหล้าขวดนี้ของคุณนีโลท เก็บไว้ยิ่งนานมันยิ่งหอม แล้วในโลกนี้มีขวดเดียวเท่านั้น คุณนี่มัน…….บังอาจจริงๆ เลย”

“เอ๊ะ ไอจิรภัทร ไอ้ขี้เหนียว” ปยุตพูดปากจู๋ “แล้วทำไงล่ะ ผมดื่มมันลงท้องไปแล้ว ให้ผมอ้วกออกมาคืนไหมล่ะ”

“ไอ้…..ไอ้ปยุต” จิรภัทรทั้งโกรธทั้งทำอะไรไม่ได้ “ผมไม่ได้เสียดายเหล้าขวดนี้ ที่จะเอามาให้รพีพงษ์ดื่ม เพียงแต่ เนื่องจากเหล้าขวดนี้มันมีความพิเศษ ผมคิดว่าจะให้เป็นของขวัญในวันที่รพีพงษ์และภรรยาฝึกวิชาสำเร็จจากที่นี่และออกจากการฝึกในวันนั้น แต่คุณกลับมารินให้เขาแค่แก้วเดียว แล้วตนเองก็ซัดหมดขวดเลย”

ปยุตบืนปาก “ไอหย๋า รู้แล้วๆ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ คุณก็รู้ว่าผมรักเหล้าเท่าชีวิต ผมว่าวันหลังคุณอย่าเก็บเหล้าไว้อีกนะ ไม่งั้นล่ะก็ เดี๋ยวผมได้กลิ่น แล้วจะไปหยิบมันออกมาอีก”

“เอ๊ะคุณ……ยังมาโทษผมเสียอีก!” จิรภัทรพูดอย่างโมโห

“เจ้าจิรภัทร อย่าไปว่าปยุตเลยครับ ผมคิดว่าเขาก็อยากจะคิดดีนั่นแหละครับ” รพีพงษ์ยิ้มพูด

“แต่ว่า เหล้าที่คุณนีโลทให้มาขวดนี้ มันเพิ่ง15เองน่ะสิ เห้อ”

จิรภัทรส่ายหัวถอนหายใจ ล้วนเป็นคนชอบเหล้าเหมือนกัน รพีพงษ์ก็รู้ว่า ของดีแบบนี้ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งดี

“เจ้าจิรภัทร ไม่ต้องเสียใจไปครับ ผมก็พอจะรู้จักกับนีโลทอยู่ เหล้าดีแบบนี้ผมก็พอมีบ้างครับ” รพีพงษ์กล่าว “ถึงแม้จะไม่หอมเท่าขวดนี้ แต่ก็เป็นเหล้าที่นีโลทหมักเองเหมือนกันครับ”

“งั้นหรือ? ประมุกรพี คุณพูดจริงนะ?” จิรภัทรไม่อยากจะเชื่อ

นีโลทเป็นสุดยอดนักหมักเหล้าของประเทศจีน มีเงินก็หาซื้อยาก กว่าจะได้เหล้าของนีโลทแต่ละขวดมันหายาก

ปีนั้น จิรภัทรให้ยาเม็ดระดับสูง3เม็ดแก่นีโลท กว่าจะให้เขาหมักเหล้าดีๆ แบบนี้ออกมาได้

“แน่นอนครับ ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นคนออกทุนสร้างโรงเหล้าของนีโลทเอง เขาเป็นนักหมักเหล้าประจำตระกูลลัดดาวัลย์เลยล่ะครับ คุณว่าผมจะรู้จักเขาไหมล่ะครับ?” รพีพงษ์ยิ้มพูด

จิรภัทรก็อึ้งมาก ปยุตก็เอามือตบใหล่รพีพงษ์อยู่ข้างๆ “ไอ้น้องรพีพงษ์ คุณนี่มันแน่จริงๆ วันหลังเอาเหล้าของนีโลทมาให้ผมสักหลายๆ ขวดหน่อยสิ”

“ได้เลยครับ” รพีพงษ์ก็มองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ดูจากเวลาแล้ว น่าจะถึงเวลาแล้วล่ะครับ”

“ถึงเวลา เวลาอะไร?”

ปยุตและจิรภัทรถามอย่างไม่เข้าใจ

รพีพงษ์ก็พูดกับทุกคนว่า “ทุกท่าน เชิญตามผมมาเลยครับ”

พูดจบ รพีพงษ์ก็นำทุกคนเดินออกมาด้านนอกตำหนัก

รพีพงษ์เงยหน้ามองบนฟ้า หนูลินก็สงสัยอยู่ข้างๆ

“พ่อคะ บนฟ้ามันมีอะไรหรือคะ”

“เดี๋ยวก็รู้แล้วนะหนูลิน” รพีพงษ์ยิ้มพูด

หลังจากนั้นหนึ่งนาที ทางขอบฟ้าก็มีเสียงดังสนั่นเข้ามา

ทุกคนมองไปยังท้องฟ้า เฮลิคอปเตอร์ขนสินค้า8ลำก็บินเข้ามา

“รพีพงษ์ นี่คืออะไร?” จิรภัทรถามอย่างแปลกใจ เพราะรู้ว่าเฮลิคอปเตอร์พวกนี้ รพีพงษ์เรียกมาเอง

“เจ้าจิรภัทร ครอบครัวพวกเราจะมารบกวนเป็นเวลานาน ในใจผมก็เกรงใจ ดังนั้น เลยเอาของขวัญมา เชิญรับไว้ด้วยครับ”

ตอนที่พูด เฮลิคอปเตอร์ลำแรกก็มาลงจดที่หน้าตำหนัก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท