พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1505 คนที่สร้างตรา

บทที่ 1505 คนที่สร้างตรา

รพีพงษ์รับรู้ถึงการสั่นของหญิงสาวในอ้อมแขน ทำให้เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่กอดเธอไว้แน่น และค่อย ๆ ทำให้หัวใจของเธอสงบลง

หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดอารียาก็สงบลง แล้วเธอก็เช็ดน้ำตา และยังคงพิงอยู่ในอ้อมแขนของรพีพงษ์ และกล่าวว่า “ฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ประมาณสองวัน ผมจะให้คนนำโจ๊กสมุนไพรเข้ามา คุณนอนพักก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ อารียาก็กอดรพีพงษ์ไว้แน่น ส่ายศีรษะเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร

รพีพงษ์ยิ้มอย่างจำใจ และนั่งเงียบ ๆ อยู่บนเตียง ปล่อยให้อารียากอดตามใจชอบ

ในอ้อมแขนของรพีพงษ์ ในที่สุดบนหน้าของอารียาก็มีรอยยิ้มที่หายไปนาน เธอรู้สึกสบายใจก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้รพีพงษ์

ในช่วงเวลานี้อารียาคิดมาก ถ้ารพีพงษ์ไม่สามารถกลับมาได้จริง ๆ เธอควรจะทำอย่างไรดี?

เมื่อคิดถึงตอนสุดท้าย อารียามีความคิดที่น่ากลัวอยู่ในใจ แต่โชคดีที่รพีพงษ์กลับมา และกลับมาอยู่ข้างเธอ

“เกิดอะไรขึ้นกับหนูลิน ดูเหมือนเธอจะหลับไม่ตื่น เจ้าจิรภัทรบอกว่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี”

รพีพงษ์ส่ายศีรษะ เงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หนูลินไม่มีอะไรแล้ว มีคนคนทิ้งบางอย่างไว้บนร่างกายของหนูลิน หลังจากที่ผมแก้ปัญหาทั้งหมดแล้ว หนูลินจะฟื้นขึ้นมาเอง เชื่อใจผมน่ะ ทั้งหมดนี้มันจะไม่นาน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารียามีการคาดเดามากมายในใจ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อในตัวรพีพงษ์ จึงพยักหน้า และผละออกมาจากอ้อมแขนของรพีพงษ์ สะอื้นเล็กน้อย เมื่อมองใบหน้าของรพีพงษ์ เธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

“รพีพงษ์ ฉันเชื่อคุณ ชีวิตลูกสาวของพวกเราจะขอมอบให้คุณ ฉันไม่เป็นไรแล้ว คุณวางใจเถอะ”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า แล้วเอาหน้าผากของตนเองไปพิงหน้าผากของอารียา

“ผมได้ยินจิรภัทรและคนอื่น ๆ บอกว่า ช่วงนี้คุณฝืนตนเองมากเกินไป ดังนั้นตอนนี้ขอสั่งให้คุณนอนลงทันที ผมจะไปเอาโจ๊กสมุนไพร แล้วคุณต้องทานให้หมด แล้วพักฟื้นอีกหนึ่งวัน ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก”

อารียาแลบลิ้นออกมาอย่างขี้เล่น รพีพงษ์มองอย่างจำใจ และผลักประตูออกไป ชนเข้ากับจิรภัทรที่มาพร้อมกับโจ๊กสมุนไพรที่นอกประตูพอดี

จิรภัทรกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อสักครู่ตอนที่เดินผ่านมาผมได้ยินเสียงของคุณอารียา คิดว่าคุณอารียาน่าจะตื่นแล้ว ผมจึงนำโจ๊กสมุนไพรมาให้”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม รับโจ๊กสมุนไพรและกล่าวว่า “เอาล่ะ ผมรู้ว่าในช่วงหลายวันมานี้คุณใส่ใจกับความปลอดภัยของภรรยาและลูกของผม คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ อย่าทำให้ตนเองเหนื่อยเกินไป ผมจะนำโจ๊กสมุนไพรเข้าไปเอง”

จิรภัทรพยักหน้า เขาไม่อยากรบกวนรพีพงษ์และอารียา จึงออกไปทันทีหลังจากส่งโจ๊กสมุนไพรแล้ว

รพีพงษ์หันหลังแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง วางโจ๊กสมุนไพรลงบนโต๊ะข้างเตียง

ขณะนี้อารียาไม่ได้สังเกตเห็นว่ารพีพงษ์จะกลับมาเร็วขนาดนี้ ความสนใจของเธออยู่ที่หนูลินซึ่งหมดสติอยู่ข้าง ๆ คิ้วของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

เมื่อเห็นภาพนี้ รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม นั่งข้างอารียาและกล่าวว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ เมื่อสักครู่ให้คุณพักผ่อนไม่ใช่หรือ ทานโจ๊กสมุนไพรนี้ให้หมด แล้วผมจะพาคุณออกไปอาบแดด จะช่วยให้คุณหายเร็วขึ้น”

อารียาหยุดชั่วขณะ หันไปมองรพีพงษ์แล้วพยักหน้า และในไม่ช้าก็ทานโจ๊กสมุนไพรชามใหญ่จนหมด หลังจากที่รพีพงษ์กลับมา ทำให้อารียามีความอยากอาหารขึ้นมาก

ในสำนักเทพยาเซียน บนทุ่งหญ้า รพีพงษ์พยุงอารียาเดินบนพื้นหญ้า แสงแดดอันอบอุ่นส่องมาที่อารียาและรพีพงษ์ ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก

เมื่อมองดูใบหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ รพีพงษ์ก็รู้สึกอบอุ่น ตอนนี้หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนูลิน นี่จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดสำหรับครอบครัวของพวกเขา “อารียา ผมอาจจะ……ไปจากที่นี่สักพัก”

เมื่อเผชิญกับประโยคที่ฉับพลันของรพีพงษ์ รอยยิ้มของอารียาก็หยุดชะงักทันที เธอเข้าใจเสมอว่ารพีพงษ์ไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้ตลอดเวลา แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เป็นเวลาที่เธอต้องการรพีพงษ์มากที่สุด

หลังจากเงียบไปนาน อารียาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความคิดมากมายที่อยู่ในใจของเธอ มองไปที่รพีพงษ์ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร รพีพงษ์ ฉันรู้ว่าคุณยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ คุณไปเถอะไม่ต้องห่วงหนูลิน ฉันกับหนูลินจะรอคุณกลับมา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็ดึงอารียาเข้ามาในอ้อมแขน รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

ถ้าเป็นไปได้ ทำไมเขาถึงไม่อยากอยู่กับภรรยาและลูกสาวของตนเอง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางแสงแดดเช่นนี้

“อารียา ช่วงนี้คุณอยู่ในสำนักเทพยาเซียนก่อน เจ้าจิรภัทรจะดูแลคุณและหนูลินเป็นอย่างดี ผมจะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด”

อารียารับปาก และดื่มด่ำกับเวลาที่พิงแขนของรพีพงษ์

“คุณจะไปเมื่อไหร่”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ รพีพงษ์ก็ถอนหายใจอย่างจำใจ และกล่าวว่า “รอผมส่งคุณกลับไปแล้วผมก็จะไปเลย ส่วนธัชธรรมและคนอื่น ๆ ผมจะไม่บอกลาพวกเขา เมื่อผมกลับมา ผมจะดื่มกับพวกเขาให้หนำใจ”

หลังจากได้ยิน อารียาก็พยักหน้า และดื่มด่ำเวลาสุดท้ายที่อยู่กับรพีพงษ์

ตอนกลางคืน

นอกสำนักเทพยาเซียน

รพีพงษ์ยืนอยู่ที่ทางเข้าป่าหมอก ตอนนี้ปัณฑานั่งพักผ่อนอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ เพราะเธอใช้พลังชีวิตเพื่อระงับตราชิงวิญญาณไปมาก

และช่วงเวลาที่รพีพงษ์ก้าวเท้าเข้าไปในป่าหมอก ป่าหมอกทั้งหมดก็สั่นสะเทือน และสัตว์เซียนจำนวนนับมากมายก็มาจากทุกทิศทาง และล้อมรอบรพีพงษ์ไว้

แรดโบราณเดินออกจากกลุ่มสัตว์เซียน เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ปลอดภัย เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“นายท่าน คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็รู้สึกวางใจ”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ รพีพงษ์เหลือบมองสัตว์เซียนนับร้อยตัวที่อยู่รอบตัว และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

คิดว่าช่วงหลายวันมานี้ เพื่อที่จะค้นหาตนเอง แรดโบราณและสัตว์เซียนเหล่านี้ต้องลำบากไม่น้อย

รพีพงษ์หยิบยาอสูรเทพออกมาหลายขวดแล้วกล่าวว่า “พวกคุณลำบากมาหลายวันแล้ว ยาอสูรเทพเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการฝึกของพวกคุณ”

หลังจากนั้น รพีพงษ์ก็เปิดขวด และใช้พลังเทพห่อหุ้มยาอสูรเทพไว้ แล้วมอบไปยังสัตว์เซียนแต่ละตัว

สัตว์เซียนก็ไม่รู้สึกเกรงใจแต่อย่างไร พวกเขากลืนยาเข้าไป ด้วยการปะทุของฤทธิ์ยา สัตว์เซียนบางตัวทะลวงไประดับแดนเทพ แล้วสัตว์เซียนเหล่าก็ถือโอกาสขณะที่ฤทธิ์ยายังอยู่ รีบกลับไปฝึกในป่าหมอกทันที

แรดโบราณอยู่ในระดับแดนเทพนานแล้ว ทำให้ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรมาก สิ่งที่รพีพงษ์เผชิญก่อนหน้านั้นกลับทำให้แรดโบราณเป็นกังวลมากขึ้น

“นายท่าน หลายวันที่ผ่านมาคุณไปอยู่ที่ไหน?”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างขมขื่น และเล่าเรื่องทั้งหมดประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็กล่าวว่า “เรื่องราวก็ประมาณนี้ จุดประสงค์ที่ผมมาครั้งนี้คือ หาว่าใครกำลังพยายามทำร้ายลูกสาวของผม ผมจะพาคุณไปยังสถานที่หนึ่ง สภาพแวดล้อมการฝึกที่นั่นดีกว่าที่อื่นมาก บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณ”

สถานที่อยู่ของตวัส มีพลังชีวิตที่อุดมสมบูรณ์มาก ตอนนี้ผลของการฝึกตนของแรดโบราณอยู่ในระดับแดนเทพ สภาพแวดล้อมการฝึกตนทั่วไปไม่มีประโยชน์ต่อเขา แต่ถ้าตวัสอนุญาตให้แรดโบราณฝึกอยู่รอบ ๆ ต้นไม้ตายหมื่นปี บางทีแรดโบราณอาจสามารถทะลวงได้อย่างรวดเร็ว!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท