พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1485 อาหารทิพย์

บทที่ 1485 อาหารทิพย์

“เอาล่ะ ไม่ต้องเกรงใจ เริ่มทานข้าวกันเถอะ ถ้าไม่พอผมจะไปทำเพิ่มอีก” รพีพงษ์อดหัวเราะไม่ได้ ในขณะที่เขามองธมกรที่กำลังน้ำลายสอ

ทุกคนก็ไม่ได้เกรงใจแต่อย่างไร หยิบถ้วยและตะเกียบ และกวาดอาหารบนจานจนเกือบเกลี้ยง ทำให้รพีพงษ์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“ต้องเป็นเพราะว่าพวกเขาเหนื่อยเกินไป มันต้องเป็นอย่างนั้น ฉันหัวเราะไม่ได้” รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ สีหน้ายังคงนิ่งเหมือนผิวน้ำ จากนั้นก็คีบผักหลิวใส่เข้าไปในปาก ความหอมหวานของผักหลิวทำให้รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าตนเองเพียงแค่สอนวิธีการทำอาหารด้วยส่วนผสมพิเศษในป่าหมอกให้พี่สาด้วยวาจา พี่สาก็สามารถทำได้อร่อยเช่นนี้เชียวหรือ พี่สามีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารเป็นอย่างมาก

“ว้าว นี่มันอร่อยมาก รพีพงษ์ อาหารพวกนี้ปรุงอย่างไร? ฉันเคยทานอาหารที่ปรุงโดยเชฟในโรงแรมระดับหลายดาวข้างนอกมามากแล้ว เมื่อเทียบกับอาหารพวกนี้ ฉันรู้สึกว่าเชฟพวกนั้นควรจะเกษียณได้แล้ว ฉันชอบรสชาติของอาหารพวกนี้มาก”

ถ้วยของฝนสุดาเต็มไปด้วยผักหลิวเหมือนกับรพีพงษ์ และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข เมนูผักหลิวนี้อร่อยจริง ๆ

“ใช่ ไม่ใช่แค่ผักหลิวจานนี้ แต่ทุกจานอร่อยกว่าเชฟข้างนอกปรุงเป็นอย่างมาก ฝีมือการทำอาหารของพี่สาอร่อยมาก เกรงว่าต่อไปฉันจะไม่อยากทานอาหารที่คนอื่นทำอีกแล้ว”

หงส์รู้สึกดื่มด่ำ เธอยังไม่ลืมที่จะชมพี่สา

พี่สาฟังคำชมของทั้งสองคน แล้วเธอก็เก้อเขินเล็กน้อย และกล่าวว่า “ฝีมือการทำอาหารของฉันก็ไม่ดีอะไรมากหรอก ทั้งหมดนี้นายน้อยเป็นคนสอนฉัน และยังมีเครื่องปรุงพิเศษเหล่านั้น ถ้าพวกคุณชอบทาน ฉันจะทำให้พวกคุณทานทุกวันเลย”

“ดี! คุณย่าสา ต่อไปหนูจะทานอาหารที่คุณย่าทำทุกวันเลย!” หนูลินโยนตะเกียบในมืออย่างตื่นเต้น แล้วก็เต้นรำขึ้นมา ทำให้ทุกคนรู้สึกสนุกสนานและมีความสุข

รพีพงษ์ยิ้มบาง ๆ หยิบเนื้อหนึ่งชิ้นใส่ในถ้วยของอารียา แล้วกล่าวว่า “อารียา ทานเยอะหน่อย วัตถุดิบเหล่านี้เป็นของพิเศษในป่าหมอก และป่าหมอกเต็มไปด้วยพลังทิพย์ ซึ่งมันส่งผลต่อพืชและสัตว์ป่าที่อยู่ที่นี่ แค่พวกมันผ่านกระบวนการจัดการ สิ่งเหล่านี้จะเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุด ทานมากหน่อย เพราะพวกมันสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของคุณได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็ตกตะลึง แค่กินก็สามารถเพิ่มพลังได้แล้ว!

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ทวีปการฝึกตนทั้งหมดจะต้องตกตะลึง

แต่ธมกรไม่ได้คิดสิ่งที่มันลึกซึ้งเช่นนี้ เขาจับถ้วยและตะเกียบไว้แน่น กินอย่างรวดเร็ว กินน่องย่างโดยใช้เวลาแค่สามวินาที และปากของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำมัน

“ลุงธมกรบ้า เหลือไว้ให้หนูลินบ้าง” หนูลินมองธมกรกินอาหาร แล้วก็เริ่มกินคำใหญ่บ้าง

อารียาปิดปากแล้วหัวเราะขึ้นมา หันไปมองรพีพงษ์ที่อยู่ด้านข้างด้วยหัวใจที่อบอุ่น ไม่ต้องใช้คำพูด รพีพงษ์ก็สามารถเข้าใจความหมายของอารียาได้ แล้วรพีพงษ์ก็พิงไหล่อารียาเล็กน้อย และทานข้าวพร้อมกัน

ผ่านไปนาน ธมกรที่ทานข้าวเสร็จแล้วก็นอนอยู่บนโซฟา พร้อมกับพุงที่ยื่นออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

แม้แต่หงส์และฝนสุดาที่เคร่งในการฝึกตนมาโดยตลอด วันนี้ก็ทานอาหารจนจุ พุงของพวกเธอยื่นออกมาเล็กน้อย ก็เลยรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย และก็ใช้ข้ออ้างในการฝึกเพื่อไปห้องพักของตนเอง

หนูลินทานข้าวจนเสื้อผ้าเปื้อนคราบน้ำมัน และถูกอารียาอุ้มเข้าไปอาบน้ำในห้อง

รพีพงษ์ช่วยพี่สาเก็บโต๊ะอาหาร มองพี่สาที่กำลังยุ่งและแอบเช็ดเหงื่ออยู่ รพีพงษ์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจให้พี่สาเข้าสู่เส้นทางการฝึกด้วย

ประการที่หนึ่ง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพของพี่สาได้ และประการที่สอง มันสามารถเพิ่มอายุขัยของพี่สาได้

พี่สาตอบตกลง พี่สารู้สึกขอบคุณรพีพงษ์เป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ เธอคงจะไม่มีชีวิตที่ดีเช่นนี้

ในลานกว้าง

รพีพงษ์นั่งขัดสมาธิและหายใจเข้าลึก ๆ พลังทิพย์ในร่างกายค่อย ๆ เคลื่อนไปอยู่ที่ดวงตาทั้งคู่ มันเป็นเรื่องยากมากที่พลังทิพย์นี้จะเคลื่อนไปที่ทวารอีกหกช่อง

ถ้าไม่สลายไปทันที ก็จะเคลื่อนที่ได้ยากลำบาก

พยายามหลายสิบครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหาพบว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร

เส้นลมปราณเชื่อมกับทวารทั้งเก้า ทวารทั้งเก้าก็เชื่อมกับหน้าผาก!

ทวารทั้งเก้านี้แบ่งออกเป็นช่องหยินและหยาง แต่ตอนนี้รพีพงษ์ไม่สามารถเข้าใจทวารทั้งเจ็ดของหยางได้

เมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนที่ถูกญาณิดาผนึกไว้ แล้วตนเองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ รพีพงษ์ก็ถอนหายใจ

ความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรได้ รพีพงษ์ไม่อยากจะรู้สึกเป็นครั้งที่สอง

เขาจะต้องกำหนดชะตากรรมของเขาด้วยตนเอง!

แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือในแดนบุญ รพีพงษ์ก็จะไม่กลัวแน่นอน

หลังจากนั้น รพีพงษ์ก็พยายามลองนำพลังทิพย์เคลื่อนไปที่ทวารทั้งเจ็ดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภายใต้ความเบื่อหน่าย เพราะไม่รู้จะทำอะไร รพีพงษ์กระโดดขึ้นมา และตนเองไม่ได้ไปที่ป่าหมอกมาสักระยะหนึ่งแล้ว ถือโอกาสตอนนี้มีเวลา ไปเดินเล่นในป่าหมอกดีกว่า

หลังจากนั้น รพีพงษ์สร้างเกราะป้องกันไว้รอบคฤหาสน์ในรัศมีสองกิโลเมตร

แม้ว่าสัตว์เซียนในป่าหมอกทั้งหมดจะยอมรับรพีพงษ์เป็นราชาของพวกเขา แต่เพื่อเป็นการป้องกันเรื่องที่ไม่คาดฝัน รพีพงษ์คิดว่าเผื่อความปลอดภัยไว้ดีกว่า

ในป่าหมอก

“แพล็บ~”

งูสีเงินแลบลิ้น งูหลามยาวห้าเมตรกำลังเลื้อยข้ามต้นไม้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่าง

ในถ้ำเล็ก ๆ ที่ทางเข้าถูกพุ่มไม้ปิดไว้ มีร่างเล็ก ๆ ขดตัวอยู่ในถ้ำ เสื้อคลุมที่คลุมตัวเธออย่างดีปิดบังรูปลักษณ์และลมหายใจของเธอเอาไว้ เพราะเหตุนี้เธอจึงโชคดีที่ไม่ถูกงูสีเงินที่อยู่ข้างนอกพบ

ผ่านไปหลายสิบนาที ภายนอกถ้ำเงียบกริบ คนในชุดคลุมได้หายใจเข้าลึกๆ และค่อย ๆ โผล่หัวเล็กออกมาจากทางเข้าถ้ำ มองไปรอบ ๆ ไม่มีวี่แววของงูสีเงิน เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็เดินออกมาจากถ้ำ

“แพล็บ~”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ คนในเสื้อคลุมก็หันมามองงูสีเงินที่ซ่อนตัวอยู่บนเนินที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็วิ่งหนีไปด้วยความตกใจ

ดวงตาของงูสีเงินเย็นเฉียบ ร่างงูใหญ่ขวางคนในเสื้อคลุมไว้อย่างรวดเร็ว งูล้อมรอบคนในเสื้อคลุมไว้ตรงกลาง เหมือนกำแพงเนื้อที่สูงสองเมตร

คนในเสื้อคลุมกระโดด พยายามหนีก่อนที่จะถูกงูรัด แต่ถูกหางของงูสีเงินกระแทกจนตกลงมา และก็ถูกงูรัดไว้แน่น

“โอ๊ย”

คนในเสื้อคลุมครางเบา ๆ แทบจะหายใจไม่ออก

คนในเสื้อคลุมค่อยๆ เบลอ ถ้าหมดสติอยู่ที่นี่ สิ่งที่รอเธออยู่คือความตายเท่านั้น!

“หยุด เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามฆ่าสิ่งมีชีวิตโดยพลการ”

เสียงของรพีพงษ์ดังมาจากที่ไม่ไกล งูสีเงินได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ก็เข้าใจทันทีว่าคนที่มาเป็นใคร ทันทีที่งูคลายตัว คนในเสื้อคลุมก็ล้มลงกับพื้นและไออย่างรุนแรง

และภาพต่อมา ทำให้คนในเสื้อคลุมไม่อยากจะเชื่อ

ตอนนี้งูหลามยักษ์ที่มีความยาวหลายเมตร เหมือนกับเด็กที่ทำอะไรผิด แล้วถูกชายลึกลับผู้นี้ประณาม?

“เจ้ารออยู่ที่นี่ ถ้าผมไม่อนุญาต ห้ามไปไหนเด็ดขาด” รพีพงษ์กล่าวกับงูเงินด้วยสีหน้าจริงจัง

งูสีเงินส่ายหัวขึ้นลง แลบลิ้นออกมา แลดูน้อยใจเล็กน้อย

เมื่อเห็นเรื่องราวทั้งหมด คนในเสื้อคลุมก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท