พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1500 ทุกขลาภ

บทที่ 1500 ทุกขลาภ

ในป่าหมอกที่คุ้นเคย รพีพงษ์พาหนูลินและอารียาเที่ยวเล่นไปรอบ ๆ ป่าหมอก ทุกอย่างสวยงามราวกับว่าความฝันของรพีพงษ์เป็นจริงแล้ว

ไม่มีข้อพิพาทใดในโลกนี้อีกแล้ว และในที่สุดตนเองก็สามารถอยู่กับภรรยาและลูกได้อย่างมีความสุข

อารียาวิ่งเป็นเพื่อนรพีพงษ์และหนูลินในป่าหมอกไปหนึ่งรอบ อารียาเหนื่อยจนนอนอยู่บนหญ้า และหายใจเหนื่อยหอบ

รพีพงษ์และหนูลินกำลังนั่งอยู่ทั้งสองข้างของอารียา เฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดินบนท้องฟ้า และเงาของทั้งครอบครัวก็ยืดออกอย่างไม่มีสิ้นสุด

หนูลินกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของรพีพงษ์พร้อมดอกไม้เล็ก ๆ ในมือ เธอรู้สึกเหนื่อยและค่อย ๆ หลับตาลงและงีบหลับไป

รพีพงษ์ปรับตำแหน่งการนอนของหนูลินอย่างระมัดระวัง มองหนูลินราวกับว่าเขากำลังดูนางฟ้าตัวน้อยด้วยดวงตาที่รักใคร่

“หนูลินหลับแล้วหรือ?” อารียาถามเบา ๆ

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วถอดเสื้อคลุมของตนเองคลุมไว้บนตัวของหนูลิน

อารียาถอนหายใจอย่างจำใจ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “โอ้ พวกคุณสองคนนี่มันบ้าจริง ๆ เพิ่งจะหายดีก็มาเล่นแบบนี้แล้ว ตอนกลางคืนที่นี่ค่อนข้างหนาว คุณอุ้มหนูลินไว้ แล้วพวกเรากลับบ้านกัน อย่าให้หนูลินเป็นหวัดล่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็ลุกขึ้น อุ้มหนูลินไว้ในอ้อมแขน และเดินไปที่คฤหาสน์พร้อมกับอารียา

ระหว่างทาง เมื่อมองดูแผ่นหลังของอารียา รพีพงษ์ยิ้มที่มุมปาก รพีพงษ์รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ได้อยู่กับภรรยาและลูกของเขาโดยไม่ต้องกังวลใด ๆ

อารียาหันกลับมา และสบตารพีพงษ์พอดี ริมฝีปากสีแดงของเธอก็จูบรพีพงษ์เบา ๆ

ความอย่างสุขกะทันหันทำให้รพีพงษ์ตะลึงอยู่กับที่ และเขายังคงหวนคิดถึงสัมผัสที่ยอดเยี่ยมเมื่อสักครู่

ความรู้สึกเช่นนี้ รพีพงษ์หวนนึกอีกหนึ่งหมื่นครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ

บนใบหน้าของอารียาแดงระรื่น และเธอมองไปที่รพีพงษ์อย่างเขินอายเล็กน้อย

“รพีพงษ์ คุณสัญญากับฉันข้อหนึ่งได้ไหม?”

“คุณบอกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมก็จะรับปากคุณ”

รพีพงษ์ กล่าวโดยไม่ลังเล ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

อารียาพยักหน้าอย่างมีความสุข กอดรพีพงษ์เอาไว้ และเอนศีรษะของเธอก็เข้าไปอยู่อ้อมแขนของรพีพงษ์ และพิงหนูลินไว้

“ฉันหวังว่า ต่อไปคุณจะอยู่กับฉันและหนูลินตลอดไป และไม่จากพวกเราไปอีก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์มีสีหน้าขมขื่น รพีพงษ์ได้ตกลงกับอารียาไว้ตั้งแต่แรก ตอนนี้จะผิดสัญญาได้อย่างไร?

“วางใจเถอะ อารียา ผมสัญญา…….”

ก่อนที่รพีพงษ์จะพูด ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้รพีพงษ์ไม่สามารถพูดออกมาได้

ตรงหน้าของรพีพงษ์ โลกที่สงบสุขแต่เดิมนั้นค่อย ๆ กลายเป็นด้วยสีแดง

ในอ้อมแขนของเขา สัมผัสอันเย็นเยียบกระตุ้นรพีพงษ์อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเขามองลงมา ตอนนี้ใบหน้าของหนูลินขาวซีดเผือด และแม้แต่ลมหายใจของเธอก็หายไปอย่างสมบูรณ์ ราวกับศพที่กำลังหลับใหล

“รพีพงษ์ ทำไม? ทำไม? คุณเคยพูดไว้ว่า……จะไม่ทิ้งพวกเราไป แต่ทำไมคุณถึงไม่ปกป้องพวกเราให้ดี”

เสียงอ้างว้างดังมาจากแขนของรพีพงษ์ อารียาค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น เลือดไหลออกจากใบหน้าของเธออย่างต่อเนื่อง และลมหายใจของเธอกำลังจะหายไป

“ไม่!”

รพีพงษ์ตะโกนอยู่ในใจ แต่เขาขยับไม่ได้ ดูเหมือนว่าใครบางคนที่อยู่ข้างหลังกำลังจับหัวใจของตนเองไว้แน่น หากขยับเพียงเล็กน้อย ตนเองก็จะแตกสลายไปในพริบตา

“ใครกัน ใครเป็นคนทำเรื่องนี้! ผมจะฆ่าพวกคุณให้หมด!”

รพีพงษ์กระเดาะปาก ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของตนเอง และในที่สุดเขาก็สามารถขยับมือขวาได้อย่างช้า ๆ พลังเทพที่ไม่มีที่สิ้นสุดไหลเข้าสู่อารียาและหนูลิน และพยายามรักษาชีวิตทั้งสองคนไว้

อารียายิ้มเยาะเย้ย พลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์ไม่สามารถทำให้แผลเน่าเปื่อยบนร่างกายของเธอหายได้ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “รพีพงษ์ ต้องโทษคุณ โทษคุณที่ไม่มีความสามารถที่จะปกป้องฉันและหนูลิน คุณมันเป็นคนบาป!”

ประโยคนี้ ตรึงเข้าไปอยู่ในใจของรพีพงษ์

ทำให้รพีพงษ์แทบจะหายใจไม่ออก

ขณะนี้ ข้างหลังของรพีพงษ์ มีชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนตนเองปรากฏตัวขึ้น เดินมาอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ มองดูสถานการณ์ที่น่าสังเวชของหนูลินและอารียา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ

“ฮ่า ๆ รพีพงษ์ คุณไม่สามารถปกป้องแม้แต่ภรรยาและลูกสาวของตนเองได้ การมีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร มอบร่างกายของคุณให้ผมดีกว่า ขอแค่มีผมอยู่ ภรรยาและลูกของคุณ รวมถึงทุกสิ่งที่คุณต้องการดูแลปกป้อง ผมจะดูแลปกป้องแทนคุณอย่างดีที่สุด”

“ขอแค่คุณมอบร่างกายให้ผม ผมรับประกันว่า ทุกสิ่งที่คุณคาดหวัง ผมจะทำให้สำเร็จแทนคุณเอง!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ดูเหมือนจะเห็นความหวัง ดวงตาของเขาจ้องไปที่ตัวปลอมของตนเอง

ดวงตาของรพีพงษ์ ค่อย ๆ ไร้แววตา โลกทั้งโลกกำลังสูญเสียสีสัน และแม้แต่เวลาก็หยุดลง

เมื่อรพีพงษ์ตัวปลอมมองดูภาพนี้ ก็อดที่จะหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ มีเลือดออกจากร่างกายอย่างกะทันหัน รุกรานโลกทั้งใบของรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว

ที่ใต้ดินของป่าหมอก รพีพงษ์ลืมตาขึ้นทันที พลังทิพย์สีเลือดที่หนาแน่นก็แผ่กระจายเต็มพื้นที่ในถ้ำทันที

เมื่อเห็นรพีพงษ์ฟื้น ปัณฑาดีใจเป็นอย่างมาก กระโดดไปที่ไหล่ของรพีพงษ์ และกล่าวอย่างกังวล “รพีพงษ์ คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”

รพีพงษ์หันไปมองปัณฑาที่อยู่ด้านข้าง ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก และฝ่ามือของเขาก็จับคอของปัณฑาเอาไว้

“ภูตดิน? เป็นยาบำรุงกำลังที่ดี เมื่อผมกลืนกินคุณ ก็จะสามารถจะฟื้นกำลังได้!”

ปัณฑาถูกรพีพงษ์จับไว้แน่น แม้จะดิ้นรนอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ ตอนนี้เริ่มหายใจไม่ออกแล้ว

“ร…พี…พงษ์ หยุดน่ะ คุณกำลังทำอะไร? ”

รพีพงษ์หัวเราะเยาะ เพิ่มแรงในมือขึ้นอีกเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักปัณฑา

ซูร์!

เถาวัลย์ตายกระแทกแขนของรพีพงษ์ และความเจ็บปวดทำให้รพีพงษ์ปล่อยมือ

ปัณฑานั่งลงบนพื้น ไออย่างรุนแรง

เหนือต้นไม้ตายหมื่นปี ตวัสมองรพีพงษ์และปัณฑาด้วยสายตาที่เย็นชา

“ภูตดิน มาที่นี่ เขาไม่ใช่รพีพงษ์แล้ว ผมจะฆ่าเขาตอนนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปัณฑารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

คนคนนี้ไม่ใช่รพีพงษ์ แล้วเป็นใคร?

ตวัสต้องการจะฆ่ารพีพงษ์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?

“ภูตต้นไม้ คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาคือรพีพงษ์ คุณหมายความว่าอย่างไร คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ ยังต้องอาศัยรพีพงษ์ไปเอาน้ำอำมฤตกลับมาให้คุณ”

ตวัสกระเดาะปาก ยื่นมือขวาออก เถาวัลย์สามเส้นก็ยืดออกอย่างรวดเร็ว มัดรพีพงษ์ที่กำลังจะโจมตีปัณฑาจากด้านหลังไว้ทันที

“มานี่เลย รพีพงษ์เสียสติไปแล้ว ถ้าไม่ฆ่าเขาตอนนี้ เขาจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ทำลายล้างในอนาคตอย่างแน่นอน!”

รพีพงษ์กระเดาะปาก เล็บของเขางอกขึ้นอย่างรวดเร็ว และเถาวัลย์ก็ถูกตัดขาดทันที และแทงไปที่ปัณฑาโดยไม่ลังเล

ปัณฑาเห็นกรงเล็บที่แหลมคมของรพีพงษ์โจมตีตนเองอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยสิ้นหวัง และยืนเซ่ออยู่ที่เดิมโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท