พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1501 ปลุกรพีพงษ์

บทที่ 1501 ปลุกรพีพงษ์

“อย่าคิดจะกำเริบเสิบสาน!”

เสียงตะโกนเย็นชา จากนั้นกิ่งไม้ตายมากมายก็สร้างเกราะป้องกันขึ้นอยู่ตรงหน้าปัณฑา

รพีพงษ์โจมตีไปที่กิ่งไม้ตาย วินาทีต่อมา เขาถูกพลังอันทรงพลังปะทะ ต้องถอยหลังไปหลายสิบก้าวถึงจะยืนอย่างมั่งคงได้

ตวัสลอยลงมายืนอยู่ตรงหน้าของปัณฑา หันไปมองปัณฑา แล้วถอนหายใจอย่างจำใจ โบกมือขวาเล็กน้อย เถาวัลย์มากมายยึดไปข้างหน้าแล้วสร้างกรงอยู่รอบตัวปัณฑา และขังเธอไว้ข้างใน

“คุณกำลังทำอะไร ตวัสคุณปล่อยฉัน คุณห้ามลงมือโจมตีรพีพงษ์ ถ้าคุณกล้าฆ่าเขา ถึงแม้ว่าฉันจะต้องตาย ฉันก็จะทำลายน้ำอำมฤต! คุณอย่าหวังว่าจะอาศัยน้ำอำมฤตสร้างร่างมนุษย์ได้!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตวัสก็แปลกใจเล็กน้อย เหตุผลที่ตนเองต้องการน้ำอำมฤต ก็เพราะว่าต้องอาศัยน้ำอำมฤตในการฝึกจนกลายเป็นร่างมนุษย์ เพื่อที่ตนเองจะได้ไม่ถูกจำกัดอยู่แต่ในถ้ำนี้อีกต่อไป สามารถเดินออกไปนอกถ้ำ และก้าวเข้าสู่โลกที่ยิ่งใหญ่ได้

ไม่คิดว่าปัณฑาสามารถคาดเดาสิ่งนี้ได้ ไม่สามารถมองข้ามสติปัญญาของภูตได้

“ภูตน้อย ตัวคุณเองลองมองให้ละเอียด เขาเป็นรพีพงษ์หรือปีศาจในร่างมนุษย์”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของปัณฑาก็จ้องไปที่รพีพงษ์

เห็นรพีพงษ์ซึ่งเมื่อสักครู่ยังปกติ แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด กรงเล็บของเขาโจมตีกิ่งไม้ตายอย่างต่อเนื่อง และเขายังคงคำรามเหมือนกับ…สัตว์ร้ายตัวหนึ่ง

ไม่ใช่ว่าปัณฑาไม่รู้ผลลัพธ์ของการเสียสติ แต่ปัณฑาไม่ต้องการที่จะเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้

“ไม่ได้ คุณจะฆ่าเขาแบบนี้ไม่ได้ มันต้องมีวิธี รพีพงษ์จะตายแบบนี้ไม่ได้”

ตวัสมองท่าทางของปัณฑา ถอนหายใจอย่างจำใจ แล้วมองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่เย็นชา กิ่งไม้ตายก็กลายเป็นพลังโจมตีที่รุนแรงทันที และเริ่มโจมตีรพีพงษ์ ทำให้ร่างกายของรพีพงษ์เกิดบาดแผลมากมาย

“มันไร้ประโยชน์ รพีพงษ์เสียสติไปแล้ว และถ้าปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ จะยิ่งอันตรายเข้าไปอีก คุณรออยู่ข้าง ๆ ผมจะฆ่าเขาซะ”

พูดจบ ตวัสก็กระโดด และลอยไปทางรพีพงษ์

ปัณฑากระเดาะปาก โจมตีกรงด้วยกำลังทั้งหมดตนเอง แต่ก็ไร้ประโยชน์

“ฮึ่ม ไอ้ภูตต้นไม้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมยังไม่ฟื้นเต็มที่ หมัดเดียวของผมก็สามารถฆ่าคุณได้!”

รพีพงษ์กล่าวด้วยความโกรธ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของยอดฝีมือแดนบุญ เขาเริ่มรู้สึกว่าใจยังสู้อยู่แต่แรงไม่ยอมเป็นใจ

ดวงตาของตวัสเย็นชา ไร้ซึ่งความเมตตา ยังคงเพิ่มความเร็วในการโจมตี เห็นบาดแผลใหม่ที่ปรากฏบนร่างกายของรพีพงษ์อย่างต่อเนื่อง

เพียงไม่กี่นาที รพีพงษ์ก็กลายเป็นมนุษย์เลือด แต่ตอนนี้รพีพงษ์กลับไม่รู้สึกเจ็บปวด ตราบใดที่เขายังไม่ตาย เขาสามารถต่อสู้ได้ตลอดไป!

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าของรพีพงษ์ ดวงตาของปัณฑาแดงก่ำ และอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง

สีหน้าของตวัสราบเรียบ และปากกระซิบหลายประโยค ในวินาทีต่อมา เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนได้มัดมือและเท้าของรพีพงษ์เอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“มันควรจะจบแล้ว”

เมื่อตวัสสะบัดมือขวาลง กิ่งไม้ตายที่รวมเป็นหนามขนาดใหญ่มากมายก็แทงเข้าไปที่หน้าอกของรพีพงษ์ทันที

“ซู่ร์……”

เลือดเฮือกใหญ่พุ่งออกมา จากนั้นเลือดสด ๆ ก็พุ่งออกมาทันที ขณะที่กระเป๋าเสื้อที่หน้าอกของรพีพงษ์ถูกแทงทะลุ ภาพถ่ายสีเหลืองก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ

ทันทีที่ดวงตาของรพีพงษ์เห็นภาพนี้ เลือดสีแดงในดวงตาของเขาถูกระงับทันที

“อารียา……หนูลิน……”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ปัณฑารู้สึกประหลาดใจ เขาจับกรงด้วยมือทั้งสอง และตะโกนว่า “ตวัส คุณหยุดเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะช่วยเขา!”

ขณะนี้ตวัสก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะฟื้นสติได้อย่างกะทันหัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาดังกล่าว

“ไม่ได้! มันอาจเป็นเพียงแค่แวบเดียว ผมจะไม่ยอมเสี่ยง”

ตวัสสงบลง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะหยุดแต่อย่างใด

ปัณฑากระเดาะปาก แล้วดุด่าเสียงดัง แต่ตวัสไม่สนใจไยดี

ในโลกของภาพลวงตา

รพีพงษ์ฟื้นสติขึ้นมาทันที มองดูรพีพงษ์จอมปลอมที่กำลังยึดครองสติของตนเองต่อหน้า เขาใช่กำลังทั้งหมดต่อยไปที่หน้า ทำให้มันพุ่งเขาออกไปทันที

รพีพงษ์ตัวปลอมที่ถูกขัดจังหวะ มองรพีพงษ์ด้วยท่าทางตกใจ และกล่าวว่า “เป็นไปได้อย่างไร คุณฟื้นสติได้อย่างไร อีกเพียงแค่ก้าวเดียว เหลือเพียงแค่ก้าวสุดท้าย! คุณอย่ามาสร้างปัญหา”

ทันทีที่สิ้นเสียง รพีพงษ์รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนใบหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมา

ความเจ็บปวดเช่นนี้ ทรมานยิ่งกว่าความตาย

“แก…….อย่าหวังว่าจะทำร้ายครอบครัวและเพื่อนของผมได้!”

รพีพงษ์อดทนต่อความเจ็บปวด ค่อย ๆ ยกกำปั้นขวาขึ้น และกระแทกไปที่รพีพงษ์ตัวปลอม

พลังเทพที่ทรงพลังได้กระโจนเข้าใส่รพีพงษ์ตัวปลอม ก่อนที่เขาจะยึดครองจิตสำนึกได้ ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ตัวปลอมนั้นไม่ค่อยดีนัก แค่หมัดนี้ ก็สามารถทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส

ความเจ็บปวดหายนั้นไปทันที รพีพงษ์หายใจหอบ ดวงตาที่เยือกเย็นจับจ้องไปที่รพีพงษ์ตัวปลอม และกล่าวว่า “คุณพ่ายแพ้แล้ว คืนร่างกายให้ผม!”

รพีพงษ์ตัวปลอมกระเดาะปาก และพลังทิพย์สีแดงพุ่งเข้าหาอารียาที่นอนอยู่บนพื้น

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ถึงแม้จะรู้ว่าที่นี่เป็นเพียงภาพลวงตา แต่ร่างกายยังทำตามหน้าที่ตามจิตใต้สำนึก และปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอารียาทันที เพื่อป้องกันการโจมตีในครั้งนี้

ขณะที่รพีพงษ์ต้องการไปจะหารพีพงษ์ตัวปลอม อีกฝ่ายก็หายไปแล้ว

รพีพงษ์กระเดาะปาก มองไปที่อารียาและหนูลินที่นอนอยู่บนพื้น รู้สึกเศร้าโศก ชั่วพริบตา โลกฝ่ายวิญญาณเริ่มหวนคืนสู่กระแสของเวลา แล้วทั้งโลกก็กลับไปเป็นสีเดิม แม้แต่หนูลินและอารียาที่อยู่ตรงหน้าก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมเช่นกัน

เมื่อมองภาพนี้ รพีพงษ์ก็อดยิ้มไม่ได้ เขาเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา อารียาและหนูลินตัวจริงยังคงรอตนเองกลับไป และตนเองต้องฟื้นขึ้นมาทันที!

ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตได้กระตุ้นรพีพงษ์ทุกที่

ที่ใต้ดิน

เดิมรพีพงษ์ผู้ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหว จู่ ๆ ก็กลับมารู้สึกตัว ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ ทะลวงไประดับแดนเทพขั้นพีคโดยตรง และดึงเถาวัลย์ทั้งหมดด้วยหมัดทั้งสองอย่างแรง ทำให้เถาวัลย์พวกนั้นขาดทันที

ตวัสขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่รพีพงษ์ ไม่รู้สึกถึงพลังที่ชั่วร้ายอีกต่อไป หรือว่ารพีพงษ์จะสามารถฟื้นจากการเสียสติได้จริง ๆ?

หลังจากดึงเถาวัลย์จนหัก รพีพงษ์มองหนามไม้ที่เจาะอยู่บนอกของตนเอง และกัดฟันไว้แน่น บางทีพลังชีวิตอันทรงพลังของผลไม้ฟื้นฟูทำการรักษารพีพงษ์อย่างต่อเนื่อง ขอแค่หนามนั้นถูกดึงออกมาทันเวลา บางทีตนเองอาจจะมีทางรอด!

หลังจากนั้น รพีพงษ์ใช้มือทั้งสองข้างจับหนามไว้ ตะโกนเสียงดัง แล้วดึงหนามออกมาทันที เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผล รพีพงษ์รู้สึกอ่อนแรงและหมดสติไป

ปัณฑากระเดาะปาก มองไปที่ตวัส และตะโกนว่า “คุณยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบไปช่วยรพีพงษ์ เขายังมีโอกาสรอด”

ตวัสนิ่งเงียบเป็นเวลานาน มองดูร่างที่ล้มลงของรพีพงษ์ ตอนนี้หากตนเองแทงรพีพงษ์อีกครั้ง รพีพงษ์จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ตนเองอยากจะทำสิ่งนี้จริงหรือ?

ความคิดทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อยู่ในใจของตวัสอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้นไม่นาน ตวัสถอนหายใจอย่างจำใจ และโบกมือขวา กิ่งไม้ตายก็ลากรพีพงษ์ตามตวัสกลับไปรักษาภายในต้นไม้ตายหมื่นปี

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท