พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1509 ลงมือครั้งแรก

บทที่ 1509 ลงมือครั้งแรก

“ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ลงมือเลย ใช้ความสามารถของคุณ” รพีพงษ์กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกชายที่มีแผลเป็นบนหน้าอยู่ในสายตาเลย

ชายที่มีแผลเป็นบนหน้ามองไปที่รพีพงษ์ แล้วความไม่พอใจสะสมมานานก็ปะทุขึ้น ยกมีดใหญ่ที่อยู่ในมือขึ้น แล้วชี้ไปที่รพีพงษ์

“ไร้เหตุผลสิ้นดี เจ้าหนูแกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร ถึงได้กล้าหยิ่งผยองขนาดนี้ เดิมทีผมเห็นแก่เด็กแล้วจะไว้ชีวิตคุณ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณกำลังรนหาที่ตาย!”

“พี่ใหญ่พูดถูก เด็กผู้หญิงคนนี้หน้าตาดี เอาไปขายน่าจะได้ราคาดี” ลูกน้องมองปัณฑาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ทำให้รพีพงษ์ดูแล้วเกิดความรู้สึกไม่พอใจ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของปัณฑาก็เย็นชา เจตนาฆ่าเกือบควบแน่น และแม้แต่รพีพงษ์ก็รู้สึกตกใจ

“รพีพงษ์ ฉันตัดสินใจแล้ว คุณไม่ต้องลงมือ ฉันจะสั่งสอนคนพวกนี้เอง คุณช่วยเฝ้าระวังอยู่ด้านข้าง” ปัณฑากล่าวอย่างเย็นชา ดวงตาของเธอดูเหมือนจะกลืนคนเหล่านี้ทั้งเป็น

รพีพงษ์รู้สึกจำใจ มองปัณฑาที่สูงแค่หน้าอกของตนเอง และรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“คุณแน่ใจหรือ ในพวกเขามีสามคนอยู่ในระดับแดนดั่งเทพ คุณอย่าอวดเก่งน่ะ”

ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าได้ฟังคำพูดของปัณฑา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ไม่คิดว่าจะมีพวกคนโง่สองคน เป็นผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กเล็กหนึ่งคน เจ้าเด็กน้อยยังอยากจะต่อสู้กับพวกเรา? แต่พวกเราไม่อยากจะรังแกเด็ก”

เจ้าเด็กน้อย!

ปัณฑาได้ยินคำสามคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็กำหมัดเล็กทั้งคู่ไว้แน่น และพลังชีวิตที่หนาแน่นก็รวมตัวอยู่บนหมัดทันที

วินาทีถัดมา ก่อนที่ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ปัณฑาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และหมัดขวาก็ชกไปที่ใบหน้าของชายที่มีแผลเป็นบนหน้าทันที

และนี่คือหมัดที่ดูเหมือนไร้พลัง แต่กลับทำให้ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าที่อยู่ในระดับแดนดั่งเทพขั้นกลางกระเด็นออกไป จนหัวไปปักอยู่ในหิมะ

“ฉิบหาย พี่ใหญ่ถูกคนชกจนกระเด็นไปจริง ๆ หรือ?”

รพีพงษ์ตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ปัณฑาลงมือต่อหน้าตนเอง นึกไม่ถึงว่า เจ้าหนูปัณฑาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้ระดับแดนดั่งเทพขั้นกลางกระเด็นออกไปอย่างน้อย ตอนนี้ปัณฑาอาจอยู่ในระดับแดนดั่งเทพขั้นกลางหรือจนกระทั่งถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอด

เมื่อลูกน้องพวกนั้นมองภาพนี้ ก็หัวเราะไม่ออกทันที และอ้าปากกว้าง แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“นี่…….นี่มันเป็นไปได้ยังไง เด็กน้อยคนนี้ชกพี่ใหญ่จนกระเด็นไปจริง ๆหรือ?” ลูกน้องคนหนึ่งกล่าวด้วยความตกใจ

และหลังจากเขาพูดจบ หมัดเล็กก็พุ่งเข้าใส่หนึ่งในพวกเขาทันที ทำให้คนที่ถูกชกกระเด็นออกไป และไปตกอยู่ที่หลุดเดียวกับชายที่มีแผลเป็นบนหน้า

หลังจากนั้น ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เงียบ และแม้แต่รพีพงษ์ก็ยังปรบมือให้ปัณฑาอยู่ในใจ

ไม่คาดคิดว่า เจ้าตัวเล็กจะแข็งแกร่งขนาดนี้! มันสามารถลดปัญหาให้ตนเองได้ไม่น้อย

ปัณฑาสะบัดมือ มองสองคนที่ถูกชก แล้วกล่าวว่า “ถ้ายังบอกว่าฉันเป็นเด็กอีก ฉันจะทำให้พวกคุณรู้ว่าเก่งกาจมันคืออะไร!”

เมื่อเห็นปัณฑาในเวลานี้ ลูกน้องที่เหลือก็ตัวสั่นทันที กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร แล้วถอยหลังไปอยู่ข้างชายที่มีแผลเป็นบนหน้า แล้วลากสองคนนั้นออกจากหลุมหิมะ

ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าพ่นหิมะออกจากปาก ด้วยสีหน้าที่เก้อเขิน มองไปที่ปัณฑา อดไม่ได้ที่จะกระเดาะปาก และกล่าวอย่างโกรธเคือง “ไอ้เด็กเปรต กล้าลอบโจมตีผม คอยดูน่ะว่าผมจะสั่งสอนคุณยังไง!”

หลังจากนั้น ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าที่เป็นคนไร้เหตุผล สกินมีดยาวออกมา และพุ่งตรงไปที่ปัณฑาด้วยความโกรธ

เมื่อเห็นภาพนี้ รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย และพร้อมที่จะช่วยปัณฑาได้ทุกเมื่อ

ปัณฑามองชายที่มีแผลเป็นบนหน้าพุ่งเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ดูถูก พลังชีวิตในมือก็รวมตัวเป็นลูกบอล ใช้แรงสะบัด ก็กระแทกกับพื้นโดยตรง

ในบริเวณพื้นที่ถูกกระแทก พื้นที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งก็คลายออก และมีเถาวัลย์หลายเส้นโผล่ออกมาจากน้ำแข็ง และไปพันตัวของชายที่มีแผลเป็นบนหน้าเอาไว้

เมื่อชายที่มีแผลเป็นบนหน้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ก็เหวี่ยงมีดใหญ่ไปมา ตัดเถาวัลย์หักไปหลายเส้น แต่ก็ยังถูกเถาวัลย์เส้นอื่นมัดไว้เหมือนบ๊ะจ่าง ที่ถูกเถาวัลย์มัดอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ปัณฑาเดินเข้าไปหาชายที่มีแผลเป็นบนหน้าทีละก้าว มองดูชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า “ถ้ายังบอกว่าฉันเป็นเด็กอีก จะได้เห็นดีกัน!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เถาวัลย์ก็รัดแน่นขึ้น และทำให้ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าหมดสติไป แล้วมีดเล่มใหญ่ก็ร่วงลงบนพื้น กลายเป็นความว่างเปล่าทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ รพีพงษ์รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าตนเองจะกังวลมากเกินไป แต่ตนเองไม่คาดว่า พริบตาเดียวปัณฑาก็สามารถจัดการกับผู้ที่อยู่ในระดับแดนดั่งเทพขั้นกลางได้แล้ว

หลังจากจัดการชายที่มีแผลเป็นบนหน้าแล้ว ปัณฑาก็หันไปมองพวกลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง เจตนาฆ่าที่รุนแรงเช่นนี้ทำให้ลูกน้องพวกนั้นรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

ในสายตาของลูกน้องพวกนั้น ปัณฑาไม่ใช่เด็กเล็ก แต่เป็นปีศาจชัด ๆ

“พวก……..พวกเราเป็นสมาชิกของสำนักหิมะเย็น พวกคุณไม่สามารถทำร้ายพวกเราได้ มิเช่นนั้น เมื่อสำนักหิมะเย็นกล่าวโทษขึ้นมา พวกคุณจะต้องแบกรับผลที่จะตามมาทั้งหมด” ลูกน้องคนหนึ่งกล่าวอย่างเร่งรีบ

เมื่อปัณฑาและรพีพงษ์ได้ยิน มองหน้ากันแล้วส่ายศีรษะ

รพีพงษ์ มองไปที่ลูกน้องคนนั้นอีกครั้งและถามว่า “ผมถามคุณว่า สำนักหิมะเย็นเป็นสำนักแบบไหน ในสำนักมีระดับแดนดั่งเทพกี่คน และมีระดับแดนเทพกี่คนถ้าคุณตอบจนผมพอใจ ผมจะปล่อยพวกคุณไป”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลูกน้องคนนั้นก็กลืนน้ำลาย และมองปัณฑาอีกครั้ง เขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว และพยักหน้าโดยไม่ลังเล

“ผมพูด ผมพูด พวกคุณอย่าทำร้ายผม สำนักหิมะเย็นเป็นหนึ่งในสามสำนักหลักในดินแดนเย็นสะท้าน สำหรับอีกสองสำนักคือ สำนักน้ำแข็ง และสำนักกรวยน้ำแข็ง ในดินแดนเย็นสะท้านเกือบครึ่งเป็นของสำนักหิมะเย็น ดังนั้นจึงทำให้สำนักหิมะเย็นสามารถทำอะไรก็ได้ในดินแดนเย็นสะท้านแห่งนี้”

“ในสำนักหิมะเย็น มีระดับแดนดั่งเทพน่าจะมีมากกว่าร้อยคน ส่วนระดับแดนเทพนอกจากเจ้าสำนักแล้ว จะมีคนอื่นอีกกี่คนผมไม่รู้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์ก็อดยิ้มไม่คาดคิดว่า ยังมีการแบ่งสำนักในดินแดนเย็นสะท้านทางตอนเหนือ และสำนักหิมะเย็นนี้ มีระดับแดนดั่งเทพเป็นร้อยกว่าคน และมีระดับแดนเทพอย่างน้อยหนึ่งคน ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนเหล่านี้กล้าหยิ่งผยองอยู่ที่นี่

ต้องบอกว่า แม้แต่ในกลุ่มสิงโต คนที่อยู่ในระดับแดนเทพก็มีแค่ธัชธรรมและตนเองเท่านั้น

ลูกน้องคนนั้นเห็นรพีพงษ์และปัณฑาไม่พูดอะไร กลืนน้ำลายและกล่าวว่า “สิ่งที่ควรพูดผมก็พูดหมดแล้ว พวกคุณ…..พวกคุณปล่อยผมไปเถอะ ผมรับรองว่าจะไม่กล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว”

ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้จะเสียหน้าก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแค่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หลังจากกลับไปที่สำนักหิมะเย็นแล้ว พวกเขาไม่กังวลว่าจะไม่สามารถแก้แค้นคืนได้

ปัณฑามองคนเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเย้ย และเดินเข้าไปหาพวกเขาทีละก้าว ดูเหมือนต้องการจะทำอะไรบางอย่าง แต่ถูกรพีพงษ์หยุดไว้

“โอเค ผมพูดคำไหนคำนั้น พวกคุณไปได้แล้ว อ้อ! อย่าลืมพาไอ้หมอนั้นไปด้วย ถ้าอยู่ที่นี่แล้วถูกหมาป่ากิน ผมจะไม่สนใจน่ะ” รพีพงษ์กล่าวแล้วชี้ไปที่ชายที่มีแผลเป็นบนหน้า

หลังจากที่ลูกน้องพวกนั้นได้ยิน ต่างก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แล้วดึงชายที่มีแผลเป็นบนหน้าออกจากเถาวัลย์แล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองภาพนี้ ปัณฑาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย มองไปที่รพีพงษ์และกล่าวว่า “คุณปล่อยพวกเขาไปแบบนี้ ไม่กลัวว่าพวกเขาจะกลับมาแก้แค้นหรือ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท