พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1511 หมาจิ้งจอกหิมะ

บทที่ 1511 หมาจิ้งจอกหิมะ

“ก็คือพวกนี้เหรอที่กำลังแอบวางแผนเล่นตุกติก?” รพีพงษ์มองไปยังจิ้งจอกหิมะสีขาวที่สูงกว่าหนึ่งเมตร ทันใดนั้นก็รู้สึกงุนงงขึ้นมาทันที

รูปร่างของจิ้งจอกหิมะเหล่านี้มองดูแล้วเป็นเพียงแค่พละกำลังแดนดั่งเทพ จะสามารถปลดปล่อยภาพมายาให้กับตัวเองได้อย่างไรกัน กักขังตัวเองไว้ภายในป่าแห่งนี้

ปัณฑามองไปยังจิ้งจอกสีขาวที่พลุ่งพล่านออกมาจากใต้พื้นดินอย่างไม่หยุดหย่อน อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายแล้ว มองไปยังรพีพงษ์ พูดกล่าว : “รพีพงษ์ วุ่นวายแล้ว ฉันคิดไม่ถึงว่าจู่ๆที่นี่จะมีจิ้งจอกหิมะเยอะมากขนาดนี้ พวกเรามีอันตรายแล้ว”

รพีพงษ์กลับว่ามีใบหน้าที่นิ่งเฉย มองไปยังจิ้งจอกหิมะเหล่านี้ พูดกล่าว : “นี่จะมีอะไรกันเชียว จิ้งจอกหิมะเหล่านี้แต่ละตัวก็เป็นเพียงแค่พละกำลังแดนดั่งเทพเท่านั้น ไม่เป็นภัยคุกคามต่อฉันหรอก”

หลังจากที่ปัณฑาได้ยิน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ถ้าหากเป็นเพียงแค่นี้จริงๆ ตัวเองจะรู้สึกถึงอันตรายได้อย่างไร

“รพีพงษ์ คุณก็ดูถูกกลุ่มจิ้งจอกหิมะนี้เกินไปแล้ว กลุ่มจิ้งจอกหิมะนี้สำหรับพละกำลังด้านการต่อสู้อาจจะไม่เป็นภัยคุกคามมากเท่าไหร่ก็จริง แต่จิ้งจอกหิมะเป็นพวกกลุ่มสัตว์เซียน และพวกจิ้งจอกหิมะเหล่านี้สามารถนำผลการฝึกตนของเหล่าสุนัขทั้งหลายขนาดที่ว่ามารวมอยู่ในจิ้งจอกขาวเพียงตัวเดียว ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของพวกเราเป็นเพียงแค่อันดับรองนะ ที่นี่มีจิ้งจอกหิมะมากมายมหาศาล ถ้าหากเอาผลการฝึกตนมารวบเข้าด้วยกัน เกรงว่า……”

เมื่อได้ยิน ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็เข้าใจขึ้นมาทันที มองดูจิ้งจอกหิมะที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่นหนา ถ้าหากผสมผสนผลการฝึกตนของจิ้งจอกหิมะแดนดั่งเทพกว่ามากมายมหาศาล เกรงว่าต้องมีผลการฝึกตนแดนเทพแล้วนะสิ

และทางฝั่งนี้ยังไม่ทันได้รอให้รพีพงษ์ได้เตรียมตัวให้ดีเลย กลุ่มจิ้งจอกหิมะฝูงใหญ่ได้รวบรวมผลของการฝึกตนไปยังจิ้งจอกหิมะสองตัวที่มีรอยเว้าอยู่ที่บนหัว ทันใดนั้น พละกำลังของจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัวก็ทะลุทะลวงจากแดนดั่งเทพไปถึงแดนเทพขั้นสูง ห่างจากชั้นยอด เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น

เห็นพละกำลังที่น่ากลัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น ถ้าหากผลการฝึกตนของจิ้งจอกหิมะสองตัวเองเกิดการผสานขึ้นอีกครั้ง งั้นก็สามารถเข้าสู่แดนเทพขั้นพีคได้แล้วไม่ใช่เหรอ!

“มนุษย์ เชี่ยวชาญป่ามืดเย็น ถึงขนาดที่ว่ากล้าดีมาลงมือจัดการกลุ่มสหายของจิ้งจอกหิมะอย่างเรา แกจะต้องชดใช้กับความทะนงตัวของแก !”

จิ้งจอกขาวในกลุ่มตัวหนึ่งพูดออกมา เจตนาฆ่าที่รุนแรงพุ่งไปยังรพีพงษ์

รพีพงษ์เอาลิ้นเลียฟันบนรอบหนึ่ง ให้ปัณฑาไปหลบอยู่ข้างต้นไม้ ตัวเองกลับว่าเผชิญหน้ากับจิ้งจอกหิมะสองตัวเอง

จิ้งจอกหิมะสองตัวเองต่างก็พยักหน้าให้กัน ก้าวกระโดดเบาๆ รูปร่างที่กระฉับกระเฉงไปๆมาๆภายในป่า รวดเร็วอย่างมาก แม้แต่รพีพงษ์เองก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะตามไปทันได้เลย

“ฟิ้ว!”

ร่างของจิ้งจอกหิมะก็วูบวาบไปมาบริเวณรอบๆตัวของรพีพงษ์ราวกับคมดาบยังไงอย่างนั้น ใช้กรงเล็บที่แหลมคมโจมตีไปยังรพีพงษ์เป็นครั้งคราว ก็ถูกรพีพงษ์ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด

ปัณฑาที่อยู่ข้างๆมีสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจน รพีพงษ์โดนจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้ปราบปรามได้อย่างสิ้นเชิง

สภาพแวดล้อมในป่าเหมาะสมสำหรับความเร็วของจิ้งจอกหิมะอย่างมาก สัตว์เซียนที่มีความว่องไว ในทางกลับกันสำหรับรพีพงษ์แล้ว กลับกลายเป็นผลกระทบทางด้านลบ

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย กระบี่สยบเซียนยังคงสามารถขวางกั้นการโจมตีจากทุกๆมุมของจิ้งจอกหิมะได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรความเร็วของจิ้งจอกหิมะนี้รวดเร็วอย่างมาก เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของรพีพงษ์ในตอนนี้ก็มีรอยขีดข่วนไม่น้อยเลย แต่โชคดีที่ไม่มีบาดเจ็บที่ผิวหนัง

แต่ถ้าหากเป็นฝ่ายที่โดนกระทำแบบนี้ต่อไป ตัวเองน่าจะต้องโดนจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้บดขยี้ให้ตายทั้งเป็นจริงๆ

จำเป็นต้องคิดหาวิธีเริ่มเป็นฝ่ายจู่โจม!

คิดแล้ว พลังจิตของรพีพงษ์ก็รวบรวมเข้าด้วยกัน ใช้พลังทั้งหมดในการทำความเข้าใจกับเส้นทางการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัว พยายามหานิสัยการโจมตีของจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้

หลังจากที่จิ้งจอกหิมะทั้งสองตัวพบว่าวิธีการโจมตีของตัวเองไม่สามารถทำร้ายรพีพงษ์ได้เลย ก็รีบเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีในการสู้รบทันที จิ้งจอกหิมะตัวหนึ่งยังคงอยู่ต่อสู้กับรพีพงษ์ต่อไป ส่วนจิ้งจอกหิมะอีกตัว ก็พุ่งเข้าใส่ปัณฑาเลย แน่นอนว่าหลังจากที่กำจัดปัจจัยที่ไม่ชัดเจนออกไปแล้ว แล้วค่อยๆมาจัดการรพีพงษ์

ปัณฑาที่ซ่อนตัวอยู่ที่บนต้นไม้จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าค่อยๆเข้ามาทางข้างหลัง กระโดด ลงจากต้นไม้ไปสู่พื้น มองเห็นรอยประทับของกรงเล็บที่แหลมคมที่ตัวเองยืนเมื่อตะกี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อกี้สามารถหลบหลีกได้ทันเวลา กลงเล็บนี้คงจะคร่าชีวิตของตัวเองไปแล้ว

มิน่าล่ะแม้จะพูดว่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพขั้นพีคมาล้วนแต่ยากที่จะมีชีวิตรอดออกไป อย่าเพิ่งไปพูดถึงว่าเราจะสามารถทำลายภาพมายาที่ปกคลุมด้วยจิ้งจอกหิมะได้หรือไม่ก่อนเลย แม้ว่าจะทำลายได้แล้ว แค่คิดจะมีชีวิตรอดจากเงื้อมมือของเหล่าจิ้งจอกหิมะได้ยังเป็นปัญหาที่ยากเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาชนะพวกเขา

เมื่อค้นพบว่ามีเรื่องเกิดขึ้นทางฝั่งปัณฑา รพีพงษ์เห็นวิถีการโจมตีของจิ้งจอกหิมะได้อย่างแม่นยำ แกว่งกระบี่สยบเซียนออกไป เผชิญกับกรงเล็บของจิ้งจอกหิมะเลย

ในแง่มุมของพละกำลังรพีพงษ์ยังคงเหมือนชั้นกว่าหนึ่งในจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้ตัวใดตัวหนึ่ง กระบี่นี้ โจมตีจิ้งจอกหิมะที่อยู่ตรงหน้าบินลอยออกไปเลย ร่างกายถอยลงไปกว่าหลายเมตรถึงจะทรงตัวได้

“ปัณฑา ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” รพีพงษ์ปกป้องไว้หน้าของปัณฑา ทันใดนั้นก็เฝ้ามองจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัวที่ยืนขึ้นพร้อมกัน

ปัณฑาส่ายหน้า มองไปยังจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัว พูดกล่าว : “ไม่ได้การ รพีพงษ์ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราสองคนคงจะต้องโดนจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้ทรมานจนตายแน่ คุณไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันจะคิดหาวิธีเอาตัวรอดเอง คุณจำเป็นจะต้องจัดการจิ้งจอกหนึ่งตัวในนั้นก่อน ส่วนจิ้งจอกอีกตัว ฉันจะยืดเวลาไว้เอง”

เมื่อได้ยินแล้ว รพีพงษ์ก็เป็นกังวลเล็กน้อย จากภาพฉากเมื่อตะกี้ที่ปัณฑาเกือบจะถูกโจมตีนั้น ความเร็วของปัณฑาไม่อาจจสู้จิ้งจอกหิมะได้เลย ถ้าหากปล่อยปัณฑาไปโดยไม่สนใจ ความปลอดภัยของปัณฑาก็จะยิ่งกลายเป็นปัญหาแล้ว

ถ้าหากโดนจิ้งจอกหิมะจับได้ เกรงว่าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

เมื่อคิดดูแล้ว รพีพงษ์ส่ายหน้า พูดกล่าว : “ไม่ได้ ฉันจะให้คุณตายที่นี่ไม่ได้ คุณคอยตามฉัน ฉันจะคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาเอง ”

ปัณฑาเอาลิ้นเลียฟันบนรอบหนึ่ง พลังชีวิตในกำมือหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นลูกแสง ตกลงไปในพื้นดิน เพียงพริบตาเดียว ใต้พื้นดินก็เกิดเถาวัลย์หลายสิบเส้นออกมา เถาวัลย์หน้าทึบล้อมรอบตัวของปัณฑาไว้

“คุณวางใจได้ ความปลอดภัยของตัวฉันเอง ฉันทำได้อย่างแน่นอน ฉันจะรับผิดชอบยืดเวลาจิ้งจอกขาวอีกตัวไว้เอง คุณรีบจัดการจิ้งจอกอีกตัวทิ้งซะ ทำแบบนี้แหละ”

พูดแล้ว ปัณฑาก็ควบคุมเถาวัลย์และโจมตีเข้าไปยังจิ้งจอกหิมะอีกตัวอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นร่างของจิ้งจอกหิมะอีกตัวก็หายวาบไป พุ่งเข้ามายังปัณฑาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่มีเถาวัลย์จำนวนมากคอยคุ้มกันอยู่ แม้ว่าจิ้งจอกหิมะจะมีความเร็วสูง ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวของปัณฑาได้ในระยะหนึ่ง

รพีพงษ์เอาลิ้นเลียฟันบนรอบหนึ่ง สายตาที่เย็นชาตกไปที่บนตัวจิ้งจอกหิมะอีกตัวหนึ่ง จะทำให้ปัณฑาที่พยายามยืดเวลาเสียเวลาเปล่าๆไม่ได้เด็ดขาด!

ก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด และตอนนี้ อีกฝ่ายเหลือเพียงแค่ตัวเดียวแล้ว ในแง่ของความเร็ว รพีพงษ์อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ถ้าจะเทียบกับปฏิกิริยาในการตอบสนองและพละกำลังในตอนนั้นล่ะก็ รพีพงษ์มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก

“รับกระบี่ของฉันไปกินซะ!” รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น ร่างกายระเบิดออกไป มุ่งหน้าไปยังจิ้งจอกหิมะทันที

เมื่อจิ้งจอกเผชิญหน้ากับกระบี่ที่ทำให้คนตกตะลึงอย่างนี้ หลบหลีกอย่างไม่ลังเลเลย วาร์ปไปอยู่ระหว่างของต้นไม้อย่างรวดเร็ว ค่อยๆทำให้พลังกำลังในการต่อสู้ของรพีพงษ์อ่อนแอลง ทันใดนั้นก็ยากที่จะแบ่งแยกบนล่าง

ทางฝั่งปัณฑา

พละกำลังของปัณฑาในตอนนี้อย่างมากที่สุดก็กลับคืนสู่แดนเทพขั้นแรก อยากจะจัดการจิ้งจอกที่เป็นแดนเทพขั้นกลางเห็นได้ชัดว่าเป็นการฝืนมากเกินไป นี่เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เถาวัลย์ที่อยู่บนพื้นก็ถูกตัดขาดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในทางกลับกันมองไปทางฝั่งจิ้งจอกหิมะ กลับว่าไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย ปัณฑาเสริมกำลังอย่างไม่หยุดหย่อน พลังชีวิตในร่างกายได้ปรากฏสัญญาณที่ไม่เพียงพอแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท