“ก็คือพวกนี้เหรอที่กำลังแอบวางแผนเล่นตุกติก?” รพีพงษ์มองไปยังจิ้งจอกหิมะสีขาวที่สูงกว่าหนึ่งเมตร ทันใดนั้นก็รู้สึกงุนงงขึ้นมาทันที
รูปร่างของจิ้งจอกหิมะเหล่านี้มองดูแล้วเป็นเพียงแค่พละกำลังแดนดั่งเทพ จะสามารถปลดปล่อยภาพมายาให้กับตัวเองได้อย่างไรกัน กักขังตัวเองไว้ภายในป่าแห่งนี้
ปัณฑามองไปยังจิ้งจอกสีขาวที่พลุ่งพล่านออกมาจากใต้พื้นดินอย่างไม่หยุดหย่อน อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายแล้ว มองไปยังรพีพงษ์ พูดกล่าว : “รพีพงษ์ วุ่นวายแล้ว ฉันคิดไม่ถึงว่าจู่ๆที่นี่จะมีจิ้งจอกหิมะเยอะมากขนาดนี้ พวกเรามีอันตรายแล้ว”
รพีพงษ์กลับว่ามีใบหน้าที่นิ่งเฉย มองไปยังจิ้งจอกหิมะเหล่านี้ พูดกล่าว : “นี่จะมีอะไรกันเชียว จิ้งจอกหิมะเหล่านี้แต่ละตัวก็เป็นเพียงแค่พละกำลังแดนดั่งเทพเท่านั้น ไม่เป็นภัยคุกคามต่อฉันหรอก”
หลังจากที่ปัณฑาได้ยิน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ถ้าหากเป็นเพียงแค่นี้จริงๆ ตัวเองจะรู้สึกถึงอันตรายได้อย่างไร
“รพีพงษ์ คุณก็ดูถูกกลุ่มจิ้งจอกหิมะนี้เกินไปแล้ว กลุ่มจิ้งจอกหิมะนี้สำหรับพละกำลังด้านการต่อสู้อาจจะไม่เป็นภัยคุกคามมากเท่าไหร่ก็จริง แต่จิ้งจอกหิมะเป็นพวกกลุ่มสัตว์เซียน และพวกจิ้งจอกหิมะเหล่านี้สามารถนำผลการฝึกตนของเหล่าสุนัขทั้งหลายขนาดที่ว่ามารวมอยู่ในจิ้งจอกขาวเพียงตัวเดียว ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของพวกเราเป็นเพียงแค่อันดับรองนะ ที่นี่มีจิ้งจอกหิมะมากมายมหาศาล ถ้าหากเอาผลการฝึกตนมารวบเข้าด้วยกัน เกรงว่า……”
เมื่อได้ยิน ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็เข้าใจขึ้นมาทันที มองดูจิ้งจอกหิมะที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่นหนา ถ้าหากผสมผสนผลการฝึกตนของจิ้งจอกหิมะแดนดั่งเทพกว่ามากมายมหาศาล เกรงว่าต้องมีผลการฝึกตนแดนเทพแล้วนะสิ
และทางฝั่งนี้ยังไม่ทันได้รอให้รพีพงษ์ได้เตรียมตัวให้ดีเลย กลุ่มจิ้งจอกหิมะฝูงใหญ่ได้รวบรวมผลของการฝึกตนไปยังจิ้งจอกหิมะสองตัวที่มีรอยเว้าอยู่ที่บนหัว ทันใดนั้น พละกำลังของจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัวก็ทะลุทะลวงจากแดนดั่งเทพไปถึงแดนเทพขั้นสูง ห่างจากชั้นยอด เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
เห็นพละกำลังที่น่ากลัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น ถ้าหากผลการฝึกตนของจิ้งจอกหิมะสองตัวเองเกิดการผสานขึ้นอีกครั้ง งั้นก็สามารถเข้าสู่แดนเทพขั้นพีคได้แล้วไม่ใช่เหรอ!
“มนุษย์ เชี่ยวชาญป่ามืดเย็น ถึงขนาดที่ว่ากล้าดีมาลงมือจัดการกลุ่มสหายของจิ้งจอกหิมะอย่างเรา แกจะต้องชดใช้กับความทะนงตัวของแก !”
จิ้งจอกขาวในกลุ่มตัวหนึ่งพูดออกมา เจตนาฆ่าที่รุนแรงพุ่งไปยังรพีพงษ์
รพีพงษ์เอาลิ้นเลียฟันบนรอบหนึ่ง ให้ปัณฑาไปหลบอยู่ข้างต้นไม้ ตัวเองกลับว่าเผชิญหน้ากับจิ้งจอกหิมะสองตัวเอง
จิ้งจอกหิมะสองตัวเองต่างก็พยักหน้าให้กัน ก้าวกระโดดเบาๆ รูปร่างที่กระฉับกระเฉงไปๆมาๆภายในป่า รวดเร็วอย่างมาก แม้แต่รพีพงษ์เองก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะตามไปทันได้เลย
“ฟิ้ว!”
ร่างของจิ้งจอกหิมะก็วูบวาบไปมาบริเวณรอบๆตัวของรพีพงษ์ราวกับคมดาบยังไงอย่างนั้น ใช้กรงเล็บที่แหลมคมโจมตีไปยังรพีพงษ์เป็นครั้งคราว ก็ถูกรพีพงษ์ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด
ปัณฑาที่อยู่ข้างๆมีสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจน รพีพงษ์โดนจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้ปราบปรามได้อย่างสิ้นเชิง
สภาพแวดล้อมในป่าเหมาะสมสำหรับความเร็วของจิ้งจอกหิมะอย่างมาก สัตว์เซียนที่มีความว่องไว ในทางกลับกันสำหรับรพีพงษ์แล้ว กลับกลายเป็นผลกระทบทางด้านลบ
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย กระบี่สยบเซียนยังคงสามารถขวางกั้นการโจมตีจากทุกๆมุมของจิ้งจอกหิมะได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรความเร็วของจิ้งจอกหิมะนี้รวดเร็วอย่างมาก เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของรพีพงษ์ในตอนนี้ก็มีรอยขีดข่วนไม่น้อยเลย แต่โชคดีที่ไม่มีบาดเจ็บที่ผิวหนัง
แต่ถ้าหากเป็นฝ่ายที่โดนกระทำแบบนี้ต่อไป ตัวเองน่าจะต้องโดนจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้บดขยี้ให้ตายทั้งเป็นจริงๆ
จำเป็นต้องคิดหาวิธีเริ่มเป็นฝ่ายจู่โจม!
คิดแล้ว พลังจิตของรพีพงษ์ก็รวบรวมเข้าด้วยกัน ใช้พลังทั้งหมดในการทำความเข้าใจกับเส้นทางการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัว พยายามหานิสัยการโจมตีของจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้
หลังจากที่จิ้งจอกหิมะทั้งสองตัวพบว่าวิธีการโจมตีของตัวเองไม่สามารถทำร้ายรพีพงษ์ได้เลย ก็รีบเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีในการสู้รบทันที จิ้งจอกหิมะตัวหนึ่งยังคงอยู่ต่อสู้กับรพีพงษ์ต่อไป ส่วนจิ้งจอกหิมะอีกตัว ก็พุ่งเข้าใส่ปัณฑาเลย แน่นอนว่าหลังจากที่กำจัดปัจจัยที่ไม่ชัดเจนออกไปแล้ว แล้วค่อยๆมาจัดการรพีพงษ์
ปัณฑาที่ซ่อนตัวอยู่ที่บนต้นไม้จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าค่อยๆเข้ามาทางข้างหลัง กระโดด ลงจากต้นไม้ไปสู่พื้น มองเห็นรอยประทับของกรงเล็บที่แหลมคมที่ตัวเองยืนเมื่อตะกี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อกี้สามารถหลบหลีกได้ทันเวลา กลงเล็บนี้คงจะคร่าชีวิตของตัวเองไปแล้ว
มิน่าล่ะแม้จะพูดว่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพขั้นพีคมาล้วนแต่ยากที่จะมีชีวิตรอดออกไป อย่าเพิ่งไปพูดถึงว่าเราจะสามารถทำลายภาพมายาที่ปกคลุมด้วยจิ้งจอกหิมะได้หรือไม่ก่อนเลย แม้ว่าจะทำลายได้แล้ว แค่คิดจะมีชีวิตรอดจากเงื้อมมือของเหล่าจิ้งจอกหิมะได้ยังเป็นปัญหาที่ยากเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเอาชนะพวกเขา
เมื่อค้นพบว่ามีเรื่องเกิดขึ้นทางฝั่งปัณฑา รพีพงษ์เห็นวิถีการโจมตีของจิ้งจอกหิมะได้อย่างแม่นยำ แกว่งกระบี่สยบเซียนออกไป เผชิญกับกรงเล็บของจิ้งจอกหิมะเลย
ในแง่มุมของพละกำลังรพีพงษ์ยังคงเหมือนชั้นกว่าหนึ่งในจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้ตัวใดตัวหนึ่ง กระบี่นี้ โจมตีจิ้งจอกหิมะที่อยู่ตรงหน้าบินลอยออกไปเลย ร่างกายถอยลงไปกว่าหลายเมตรถึงจะทรงตัวได้
“ปัณฑา ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” รพีพงษ์ปกป้องไว้หน้าของปัณฑา ทันใดนั้นก็เฝ้ามองจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัวที่ยืนขึ้นพร้อมกัน
ปัณฑาส่ายหน้า มองไปยังจิ้งจอกหิมะทั้งสองตัว พูดกล่าว : “ไม่ได้การ รพีพงษ์ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราสองคนคงจะต้องโดนจิ้งจอกหิมะสองตัวนี้ทรมานจนตายแน่ คุณไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันจะคิดหาวิธีเอาตัวรอดเอง คุณจำเป็นจะต้องจัดการจิ้งจอกหนึ่งตัวในนั้นก่อน ส่วนจิ้งจอกอีกตัว ฉันจะยืดเวลาไว้เอง”
เมื่อได้ยินแล้ว รพีพงษ์ก็เป็นกังวลเล็กน้อย จากภาพฉากเมื่อตะกี้ที่ปัณฑาเกือบจะถูกโจมตีนั้น ความเร็วของปัณฑาไม่อาจจสู้จิ้งจอกหิมะได้เลย ถ้าหากปล่อยปัณฑาไปโดยไม่สนใจ ความปลอดภัยของปัณฑาก็จะยิ่งกลายเป็นปัญหาแล้ว
ถ้าหากโดนจิ้งจอกหิมะจับได้ เกรงว่าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
เมื่อคิดดูแล้ว รพีพงษ์ส่ายหน้า พูดกล่าว : “ไม่ได้ ฉันจะให้คุณตายที่นี่ไม่ได้ คุณคอยตามฉัน ฉันจะคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาเอง ”
ปัณฑาเอาลิ้นเลียฟันบนรอบหนึ่ง พลังชีวิตในกำมือหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นลูกแสง ตกลงไปในพื้นดิน เพียงพริบตาเดียว ใต้พื้นดินก็เกิดเถาวัลย์หลายสิบเส้นออกมา เถาวัลย์หน้าทึบล้อมรอบตัวของปัณฑาไว้
“คุณวางใจได้ ความปลอดภัยของตัวฉันเอง ฉันทำได้อย่างแน่นอน ฉันจะรับผิดชอบยืดเวลาจิ้งจอกขาวอีกตัวไว้เอง คุณรีบจัดการจิ้งจอกอีกตัวทิ้งซะ ทำแบบนี้แหละ”
พูดแล้ว ปัณฑาก็ควบคุมเถาวัลย์และโจมตีเข้าไปยังจิ้งจอกหิมะอีกตัวอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นร่างของจิ้งจอกหิมะอีกตัวก็หายวาบไป พุ่งเข้ามายังปัณฑาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่มีเถาวัลย์จำนวนมากคอยคุ้มกันอยู่ แม้ว่าจิ้งจอกหิมะจะมีความเร็วสูง ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวของปัณฑาได้ในระยะหนึ่ง
รพีพงษ์เอาลิ้นเลียฟันบนรอบหนึ่ง สายตาที่เย็นชาตกไปที่บนตัวจิ้งจอกหิมะอีกตัวหนึ่ง จะทำให้ปัณฑาที่พยายามยืดเวลาเสียเวลาเปล่าๆไม่ได้เด็ดขาด!
ก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด และตอนนี้ อีกฝ่ายเหลือเพียงแค่ตัวเดียวแล้ว ในแง่ของความเร็ว รพีพงษ์อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ถ้าจะเทียบกับปฏิกิริยาในการตอบสนองและพละกำลังในตอนนั้นล่ะก็ รพีพงษ์มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก
“รับกระบี่ของฉันไปกินซะ!” รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น ร่างกายระเบิดออกไป มุ่งหน้าไปยังจิ้งจอกหิมะทันที
เมื่อจิ้งจอกเผชิญหน้ากับกระบี่ที่ทำให้คนตกตะลึงอย่างนี้ หลบหลีกอย่างไม่ลังเลเลย วาร์ปไปอยู่ระหว่างของต้นไม้อย่างรวดเร็ว ค่อยๆทำให้พลังกำลังในการต่อสู้ของรพีพงษ์อ่อนแอลง ทันใดนั้นก็ยากที่จะแบ่งแยกบนล่าง
ทางฝั่งปัณฑา
พละกำลังของปัณฑาในตอนนี้อย่างมากที่สุดก็กลับคืนสู่แดนเทพขั้นแรก อยากจะจัดการจิ้งจอกที่เป็นแดนเทพขั้นกลางเห็นได้ชัดว่าเป็นการฝืนมากเกินไป นี่เพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เถาวัลย์ที่อยู่บนพื้นก็ถูกตัดขาดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในทางกลับกันมองไปทางฝั่งจิ้งจอกหิมะ กลับว่าไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย ปัณฑาเสริมกำลังอย่างไม่หยุดหย่อน พลังชีวิตในร่างกายได้ปรากฏสัญญาณที่ไม่เพียงพอแล้ว