พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1524 บรรลุขั้นทั้งสอง

บทที่ 1524 บรรลุขั้นทั้งสอง

รพีพงษ์มองตวัสที่ตื่นเต้นดีใจ ก็ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เวลามีน้อย ท่านผู้อาวุโสก็รีบดื่มน้ำอำมฤตไปเลยดีกว่า หลังจากนี้ครึ่งเดือน พวกเราค่อยไปยังเทวโลกพร้อมกัน”

ตวัสได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า สะบัดมือขวาออกมา ผลไม้ฟื้นฟู6เมล็ดก็หล่นลงมาในมือ

“ที่รับปากคุณไว้ก่อนหน้านี้ และนี่ก็คือผลไม้ฟื้นฟู ตอนนี้ก็ให้คุณไปเลย ผมรู้ว่าคุณอยากจะทะลวงจุดลมปราณในตำนานของกังฟูเสน ผลไม้ฟื้นฟู3เมล็ดก็เพียงพอแล้ว อีก3เมล็ดที่เหลือเอาไว้เพิ่มพลัง”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย จริงอยู่ จุดประสงค์แรกของเขาก็อยากจะอาศัยพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมของผลไม้ฟื้นฟูมาทะลวงจุดลมปราณจุดที่4 จากทั้งหมด7จุด ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีล่ะก็ รพีพงษ์ก็อาจจะทะลวงจุดได้ทั้งหมด9จุดภายในครึ่งเดือน และบรรลุขั้นแดนบุณ!

“แบบนี้ ตนเองก็จะมีพลังไปสู้กับยอดฝีมือระดับแดนบุณในเทวโลกได้”

คิดดังนั้น รพีพงษ์ก็รับผลไม้ฟื้นฟูทั้ง6เมล็ดมา แล้วเก็บ3เมล็ดไปก่อน จากที่สัญญากับปัณฑาไว้ ผลไม้ฟื้นฟูนี้ มี3เมล็ดเป็นของปัณฑา รพีพงษ์จะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด

ตวัสหยิบขวดขึ้นมา แล้วรินน้ำอำมฤตในขวดออกมา ราดลงบนไม้พันปี

พอเห็นว่าน้ำอำมฤตได้ราดลงบนรากไม้แล้ว รากไม้ก็เหมือนได้ชีวิตขึ้นมาใหม่ ตามกิ่งก้านก็มีใบอ่อนแตกออกมา

รพีพงษ์เห็นดังนั้น ตนเองก็ไม่รอช้า แล้วก็หาสถานที่สักแห่ง พร้อมกับเอาผลไม้ฟื้นฟูออกมา3เมล็ด

พลังชีวิตในผลไม้ฟื้นฟูมันรุนแรงมาก ถ้ากินเข้าไปตรงๆ รพีพงษ์ก็คงจะต้องตัวระเบิดตาย

วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ เอาผลไม้ฟื้นฟูไปกลั่นเป็นยา ทำให้พลังชีวิตมั่นคงเสียก่อนแล้วค่อยกินลงไป ความปลอดภัยมันก็จะสูงมากขึ้น

คิดดังนั้น รพีพงษ์ก็รีบลงมือทันที ตนเองกับแรดโบราณใช้เวลาไปสามวันเพื่อเสาะหาตัวยาที่จะกลั่นยาครบ

ส่วนปัณฑา วันที่สามก็ได้กลับมาอยู่ในเขตของสำนักเทพยาเซียน แล้วก็มาหารพีพงษ์

พอรู้ว่าได้ผลไม้ฟื้นฟูมาแล้ว ปัณฑาก็เอาผลไม้ฟื้นฟูทั้ง3เมล็ดมาจากรพีพงษ์โดยไม่เกรงใจ ในขณะเดียวกันก็บอกวิธีกลั่นยาให้กับรพีพงษ์ไปด้วย

ตามวิธีที่ปัณฑาสอนมา รพีพงษ์ก็ใช้เวลาไปอีกสามวัน สุดท้ายก็กลั่นยาออกมาได้สำเร็จ

แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยก็คือ ยาเม็ดพวกนี้รพีพงษ์มองระดับของยาไม่ออกเลย แต่สามารถมั่นใจได้ว่า พลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมอยู่ด้านในไม่ใช่ของปลอมแน่นอน

“รพีพงษ์ หลังจากกินยาไปแล้ว ก็รีบทะลวงทั้ง9จุดชีพจรเลย ตอนที่ทะลวงจุดอาจจะเจ็บปวดเสียหน่อย แต่คุณห้ามหยุดกลางคันเด็ดขาด ต่อให้เป็นยาเม็ด แต่พลังชีวิตในยาก็ยังเข้มข้นมาก ตอนนี้คุณยังรับมันไม่ไหว ถ้าหยุดมือเสียก่อน พลังชีวิตก็จะทำให้จุดชีพจรของคุณพองจนระเบิด และนั่นก็คือ………ตัวระเบิดตาย” ปัณฑาพูดอย่างจริงจัง

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็มองยาเม็ดในมือ กลั้นใจแล้วก็กินยาลงไป

แต่หลังจากกินยาลงไปไม่กี่วินาที ฤทธิ์ยาก็เริ่มออก พลังชีวิตที่เข้มข้นเริ่มมีปฏิกิริยากับร่างกายของรพีพงษ์

รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็ไม่กล้ารอช้า รีบทะลวงจุดชีพจรที่4ทันที

และตอนที่ไปสัมผัสกับจุดชีพจรที่4นั้น พลังชีวิตก็เหมือนกับเจอที่ระบายออก มันอัดเข้าไปอย่างเต็มที่ แทบจะในพริบตา จุดชีพจรที่4ก็ถูกทะลวงสำเร็จ แล้วพลังชีวิตก็นำรพีพงษ์พุ่งไปทะลวงจุดชีพจรที่5

ทุกครั้งที่ทะลวงจุดชีพจร รพีพงษ์ก็จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก พลังชีวิตพุ่งไปกระทบจุดชีพจรมั่วไปหมด ความเจ็บปวดที่เหมือนกับวิญญาณถูกโจมตีนี้ รพีพงษ์ก็ได้กัดฟันอดทนไป

พอเห็นว่าใบหน้ารพีพงษ์มีเหงื่อไหลออกมา ปัณฑาก็ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ที่เธอทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ก็ต้องอาศัยบุญวาสนาของรพีพงษ์เองแล้วล่ะ

คิดดังนั้น ปัณฑาก็หยิบผลไม้ฟื้นฟู3เมล็ดที่รพีพงษ์ให้มา แล้วกินลงไปทีละเมล็ดอย่างฉ่ำใจ พอพลังชีวิตของผลไม้ออกมา ปัณฑาก็เริ่มนั่งสมาธิเพื่อดูดซับพลังชีวิต

แต่เนื่องจากปัณฑาเป็นภูตโบราณ ในตัวก็มีพลังชีวิตมากพออยู่แล้ว ตอนที่ดูดซับพลังชีวิตในผลไม้ฟื้นฟูนั้น ก็เลยไม่ค่อยมีความเจ็บปวดมารบกวน

จุดชีพจรถูกเชื่อทะลวงทั้งหมด ก็จะได้เทพมาคุ้มครอง!

ในหัวของรพีพงษ์คิดแต่ประโยคนี้

จากความเจ็บปวดทรมานที่ผ่านไปแล้วสองวัน ในที่สุดรพีพงษ์ก็ทะลวงจุดได้ถึงจุดที่8 ยังเหลือแค่จุดสุดท้ายแล้ว!

พลังของผลไม้ฟื้นฟูทำให้รพีพงษ์ตกใจมากจริงๆ เดิมทีนั้น คิดว่าตนเองทะลวงได้7จุดก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า พลังชีวิตนี้จะพาตนเองทะลวงจุดที่8ไปด้วยเลย

และสิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือ พลังชีวิตพวกนี้มันเหมือนไม่มีวันหมดสิ้น ตอนนี้รพีพงษ์ยังมีโอกาสที่จะทะลวงจุดที่9ได้อีก!

หยินหยางหลอมรวม รพีพงษ์ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เสียงหายแทบจะหายไป ชี่หยางในกายที่มากไปเริ่มถูกกดให้น้อยลง และชี่หยินก็ค่อยๆ ซึมเข้าร่างกาย ไหลเวียนอยู่ในเส้นชีพจรของรพีพงษ์

“จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องดูจังหวะนี้แหละ!”

รพีพงษ์รวบรวมพลังชีวิตที่เหลือไว้ด้วยกัน จากนั้น ก็ส่งไปยังชีพจรจุดที่9

และในตอนที่กำลังจะทะลวงจุดชีพจรที่9นั้น พลังชีวิตก็เหมือนกับกระแทกเข้ากับกำแพงโลหะแน่นหนา ถูกขวางไว้อย่างไม่ขยับ

พอเห็นว่าพลังชีวิตกำลังจะหมด แต่ชีพจรจุดที่9ยังไม่ถูกทะลวงไป ก็ทำให้รพีพงษ์ร้อนรนขึ้นมา

ด้านในถ้ำ ปัณฑาก็ดูดเอาพลังจากผลไม้ฟื้นฟูอย่างราบรื่น ตอนนี้พลังได้ฟื้นตัวกลับมาในระดับแดนเทพขั้นแรกแล้ว

พอมองรพีพงษ์ที่กำลังเจ็บปวดอยู่ข้างๆ ปัณฑาก็ถอนหายใจ มือขวาก็เอาไปแตะที่หน้าผากของเขา “ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวฉันช่วยเอง”

ได้ยินดังนั้น คิ้วที่ขมวดแน่นอยู่ของรพีพงษ์ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง พอสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตเริ่มแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ก็อาศัยจังหวะนี้ ทำการทะลวงเข้าไปที่จุดชีพจรที่9ทันที

ส่วนทางฝั่งตวัส น้ำอำมฤตก็ถูกใช้หมดแล้ว ตอนนี้ตวัสถูกเถาวัลย์ปกป้องไว้อยู่บนไม้ พลังแข็งแกร่งกว่าก่อนไม่น้อย

และไม้พันปีที่แห้งเหี่ยว ตอนนี้ก็ได้แตกกิ่งใบออกมา มีชีวิตชีวาขึ้นมา ไม่ได้เป็นไม้แบบก่อนแล้ว

“วิ๊ง……”

กระบี่สยบเซียนของรพีพงษ์สั่นไหว แล้วก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ

จากนั้น บนน่านฟ้าของป่าหมอก ก็มีเมฆดำเข้ามาปกคลุม ราวกับฝนจะตก

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว สติสัมปชัญญะก็เลือนรางมาก จุดชีพจรที่9ได้สั่นคลอนแล้ว ขอเพียงอดทนอีกพัก ก็จะสามารถทะลวงได้!

“จงทะลวงไป เดี๋ยวนี้!”

รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง ที่กลางอากาศ ฝนฟ้าคะนองลงมา แสงสีรุ้งก็ส่องลงมายังส่วนลึกของป่าหมอก

ในสำนักเทพยาเซียน ทุกคนก็ถูกปรากฏหารณ์นี้ดึงดูดเข้ามา พลังทิพย์ในตัวก็สั่นไหวอย่างมาก

จิรภัทรเห็นดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว ที่ฝั่งของป่าหมอก หรือว่า ปรากฏการณ์นี้จะเกิดจากรพีพงษ์? แล้วเกิดอะไรบนตัวของรพีพงษ์กันล่ะ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท