พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1523 ผมนี่แหละรพีพงษ์

บทที่ 1523 ผมนี่แหละรพีพงษ์

พอรพีพงษ์เห็นปีศาจทั้งหลายนั้น ก็สะบัดกระบี่ออกไป รังสีกระบี่ที่คมกริบก็ฆ่าปีศาจไปจนหมดในพริบตา

เจ้าสำนักก็อึ้ง แล้วก็มองพลังบนตัวรพีพงษ์ที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับรู้สึกว่าไม่ได้การแล้ว

“มึงเป็นใครกันแน่? ทำไมพลังของมึงถึงได้เพิ่มเร็วขนาดนี้ หรือว่า มึงก็ใช้พลังมารเหมือนกัน?”

รพีพงษ์สายตาเย็นชา กระบี่สยบเซียนก็ชี้หน้าเจ้าสำนัก พร้อมพูดว่า “ก่อนหน้านี้กูบอกมึงแล้ว ว่ากูก็คือเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต ชื่อรพีพงษ์! ก่อนหน้านี้ก็แค่ได้รับบาดเจ็บเลยถูกมึงควบคุมไว้ได้ แต่ตอนนี้พลังระดับแดนเทพขั้นกลาง ก็เพียงพอที่จะจัดการกับมึงได้แล้ว!”

พูดจบ รพีพงษ์ก็สะบัดกระบี่ออกไปอีก เงากระบี่สูงหลายเมตรฟันลงไปที่ทางเจ้าสำนัก

เจ้าสำนักก็แจ๊ะปาก ไม่กล้าที่จะประมาท กระบี่เลือดออกมาอยู่ในมือ แล้วก็รับกระบวนท่าไว้

“เจ้าสำนักเดี๋ยวผมช่วย”

“พวกเราด้วย!”

พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนตะโกนออกมา แล้วตั้งท่าจะลงมือ

เจ้าสำนักเห็นดังนั้น ก็ร้อนรน หนึ่งในสี่คนนั้น ยังมีคนที่มีพลังระดับแดนเทพอีกคน หรือว่า ห้าคนตรงหน้านี้จะเป็นคนของกลุ่มสิงโต?

“ไอ้หนู ถ้ามึงเป็นคนของกลุ่มสิงโตจริงๆ เก่งจริงก็มาสู้กันตัวต่อตัว อาศัยคนมากกว่ามาสู้มันได้อย่างที่ไหนกัน!”

พอได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ แล้วก็ยื่นมือออกไปห้ามพวกของธัชธรรมทั้งสี่คน พร้อมพูดว่า “ในเมื่อมึงอยากจะสู้ตัวต่อตัว งั้นก็ได้ ท่านธัชธรรม นิศมา นฤชัย หงส์ พวกคุณถอยออกไปก่อน เดี๋ยวผมจัดการมันเอง”

ได้ยินดังนั้น หงส์และนิศมาก็กังวล เพราะถึงอย่างอาการบาดเจ็บของรพีพงษ์ก็เพิ่งดีขึ้น พลังของปีศาจตรงหน้านี้ก็ไม่ต่ำต้อย ทั้งสองคนก็เลยกลัวว่ารพีพงษ์จะเป็นอะไรขึ้นมา

ธัชธรรมเห็นว่ารพีพงษ์พูดอย่างมั่นใจ ก็หัวเราะออกมา แล้วก็เก็บพลังแดนเทพกลับไป พร้อมพูดว่า “งั้นก็ดี เจ้าสำนัก ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นไอ้มารฝึกคนนี้ก็ให้คุณจัดการแล้วกัน พวกเราสี่คนถอยออกไปกันหน่อย อย่าไปรบกวนรพีพงษ์แสดงฝีมือ”

พอได้ยินดังนั้น นฤชัยก็พยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ ทั้งสองคนก็ลากนิศมาและหงส์ที่กำลังกังวลอยู่ ถอยออกไปด้วยหลายเมตร

“ได้แล้ว พวกเราเริ่มสู้กันได้แล้ว” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ

พอเห็นว่ารพีพงษ์ตอบรับตนเองแล้ว เจ้าสำนักก็ยิ้มออกมา ขอเพียงไม่มีสี่คนนั้นช่วยเหลือ ตนเองก็พอเป็นคู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ได้!

คิดเสร็จ ปลายกระบี่เลือดในมือของเจ้าสำนักก็หมุน แล้วบุกเข้าไปยังตัวของรพีพงษ์

รพีพงษ์ก็มองเจ้าสำนักที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สายตาก็ยังคงนิ่งๆ หลังจากที่รพีพงษ์ฟื้นพลังกลับมาระดับแดนเทพขั้นกลางแล้วนั้น ความเร็วของเจ้าสำนักก็ดูช้าไปกว่าเดิม10เท่า สำหรับรพีพงษ์แล้ว ความเร็วของเจ้าสำนักก็ไม่ต่างอะไรกับความเร็วของเต่า!

ตอนที่กระบี่เลือดใกล้จะถึงตัวเองแล้วนั้น กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็รีบสะบัดออกมา กระทบเข้ากับกระบี่เลือด จนเกิดเป็นประกายไฟร่วงลงพื้น

“ช้าไป อ่อนไป” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม ตอนที่ตนเองมีพลังระดับแดนเทพขั้นกลางก็สามารถสู้กับคนระดับแดนเทพขั้นพีคได้ ไอ้ปีศาจตรงหน้านี้ก็แค่เข้าใกล้ระดับกลางเท่านั้น ไม่เท่าไรหรอก

พูดจบ พลังทิพย์ในมือของรพีพงษ์ก็เคลื่อนไหว รังสีของกระบี่สยบเซียนก็ใหญ่ขึ้น พริบตาก็กระแทกกระบี่เลือดปลิวออกไป

เจ้าสำนักก็ต้องกระเด็นออกมาจากพลังที่กระบี่กระแทกกัน จนที่พื้นหิมะเกิดเป็นรอยเท้าลึกลงไป

เจ้าสำนักแจ๊ะปาก มือขวาที่จับกระบี่เลือดไปเมื่อครู่ยังสั่นไม่หยุด แล้วก็มองไปยังรพีพงษ์ “ถ้ามึงแน่จริง ก็ให้โอกาสกูอีกครั้งสิ”

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ร่างกายก็หายเข้ามาตรงหน้าเจ้าสำนักทันที กระบี่สยบเซียนพาดลงที่ลำคอของเจ้าสำนัก แล้วพูดว่า “ขอโทษที มึงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ไอ้พวกมารฝึก กูจะฆ่าให้หมด!”

พอสิ้นเสียง รพีพงษ์ก็ออกแรงที่มือขวา ปลายกระบี่ของกระบี่สยบเซียนก็บาดเข้าลำคอของเจ้าสำนัก เลือดสีเขียวสาดลงพื้นหิมะเป็นกอง

เจ้าสำนักเอาสองมือปิดคอตนเองไว้ แล้วก็หายใจอย่างแรง พลังเทพปีศาจก็ยังคงรักษาแผลที่ลำคออย่างไม่หยุดหย่อน

รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็สะบัดกระบี่ออกไปอีก คมกระบี่ผ่านคอของเจ้าสำนักไป ครั้งนี้ได้ตัดหัวของเขาออกมา ต่อให้เป็นกายเทพปีศาจ ก็ทำอะไรกับการทำลายแบบนี้ไม่ได้หรอก แล้วจะประสาอะไรกับนักฝึกวิชาระดับแดนเทพที่ฝึกพลังมาร

พอเห็นร่างของเจ้าสำนักล้มลง พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนก็วางใจ แล้วเดินเข้าไป

รพีพงษ์ก็มองศพที่พื้น พลังทิพย์ได้ดึงดูดหิมะทั้งหลายบนท้องฟ้าลงมา แล้วก็ใช้พลังทิพย์ยกร่างของเจ้าสำนักขึ้นมา แล้วเอาไปฝังในพื้นหิมะ

รพีพงษ์หันไปถามธัชธรรมข้างๆ “ปัณฑาล่ะ?”

ธัชธรรมได้ยินดังนั้น ก้ตอบไปว่า “เจ้าสำนักครับ ปัณฑาเสียพลังมากไป พวกเราเลยให้เขาอยู่ที่กลุ่มสิงโต ตอนนี้ก็กลับไปรับเขามาได้แล้ว”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็พยักหน้า แต่ยังไม่คิดที่จะกลับไป

“เอาอย่างนี้ พวกคุณกลับกันไปก่อน รอปัณฑาฟื้นขึ้นมา แล้วเอาเธอไปส่งที่สำนักเทพยาเซียน ผมยังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ คงจะยังไม่กลับไปพร้อมกับพวกคุณ”

ได้ยินดังนั้น หงส์และนิศมาก็ร้อนรนขึ้นมา ไม่คิดว่าเพิ่งจะได้เห็นรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์จะไปอีกเสียแล้ว?

รพีพงษ์ก็มองสายตาร้อนรนของทั้งสองคน แล้วก็ถอนหายใจออกมาว่า “ผมจำเป็นต้องช่วยลูกสาวของผม เวลา4เดือน หลังจาก4เดือนแล้ว ผมจะกลับไปยังกลุ่มสิงโต แล้วดื่มกับทุกคนให้สะใจ”

ธัชธรรมฟังแล้ว ในใจก็ไม่สบายใจนัก หลังจากที่รพีพงษ์จากมา เรื่องของกลุ่มสิงโตและนักฝึกวิชาทั้งหลายก็มาตกเป็นหน้าที่ของธัชธรรม หงส์และอีกหลายคน ในเมื่อพวกเขาอยากจะช่วยรพีพงษ์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยได้ไหม จากทวีปฝึกตนที่พัฒนาขนาดเร็วขนาดนี้ พวกเขาปลีกตัวออกมาช่วยได้ยากจริงๆ

“เจ้าสำนัก ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็ไปจัดการอย่างสบายใจเถอะ เรื่องต่างๆ ของกลุ่มสิงโตและเหล่านักฝึกวิชาทั้งหลาย พวกเราจะจัดการเอง หลังจากนี้4เดือน พวกเราจะรอคุณกลับมา”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ยิ้มพยักหน้า หลังจากที่ล่ำลากับทั้งสี่คนแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังป่าหมอก

เวลาหลายวัน เนื่องจากอาการบาดเจ็บ รพีพงษ์ใช้เวลาไปไม่น้อย แต่ก็ถือว่ากลับมายังป่าหมอกได้อย่างราบรื่น

ในถ้ำขนาดใหญ่ รพีพงษ์ก็จับกลไกบนเถาวัลย์อย่างชำนาญ พอเข้าไปในถ้ำ แรดโบราณก็เข้ามาต้อนรับทันที

“เจ้านาย อาการบาดเจ็บของเจ้า….”

รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วก็มองแรดโบราณ แล้วก็พูดอย่างตกใจว่า “พลังของเจ้าพัฒนาไปไม่น้อยเลยนะ”

แรดโบราณพยักหน้า หลายวันนี้ ตนเองฝึกวิชาอยู่ในถ้ำตลอด และเนื่องจากที่นี่มีพลังชีวิตเข้มข้นมาก บวกกับตวัสคอยชี้แนะให้ตนเองอยู่ตลอด แล้วก็เอาเถาวัลย์มาให้กิน พลังของตนเองก็เลยเพิ่มขึ้นเร็ว และเกือบจะแทบบรรลุขั้นแดนเทพขั้นกลางเลย

ตวัสออกมาจากไม้พันปี แล้วก็มองรพีพงษ์ พร้อมพูดนิ่งๆ ว่า “ปลอดภัยกลับมาดีใช่ไหม? น้ำอำมฤตที่ผมต้องการ คุณเอามาหรือยัง?”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็หยักหน้าอย่างมั่นใจ แล้วก็เอาขวดหยกที่ดูแลรักษาเป็นอย่างดีออกมา พร้อมพูดว่า “ในขวดนี้ ก็คือน้ำอำมฤต”

มองขวดเล็กๆ ในมือ ตวัสคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจอะไรขึ้นมา แล้วก็เปิดขวดออก หลังจากที่สัมผัสกับพลังชีวิตอันเต็มเปี่ยมของน้ำอำมฤตแล้วนั้น ก็ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก

“ดีมากเลย……มีสิ่งนี้ ไม้พันปีก็จะได้แตกกิ่งก้านใหม่เสียที อย่างมากก็ครึ่งเดือน ผมก็จะฝึกฝนจนได้ร่างมนูษย์!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท