พอรพีพงษ์เห็นปีศาจทั้งหลายนั้น ก็สะบัดกระบี่ออกไป รังสีกระบี่ที่คมกริบก็ฆ่าปีศาจไปจนหมดในพริบตา
เจ้าสำนักก็อึ้ง แล้วก็มองพลังบนตัวรพีพงษ์ที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับรู้สึกว่าไม่ได้การแล้ว
“มึงเป็นใครกันแน่? ทำไมพลังของมึงถึงได้เพิ่มเร็วขนาดนี้ หรือว่า มึงก็ใช้พลังมารเหมือนกัน?”
รพีพงษ์สายตาเย็นชา กระบี่สยบเซียนก็ชี้หน้าเจ้าสำนัก พร้อมพูดว่า “ก่อนหน้านี้กูบอกมึงแล้ว ว่ากูก็คือเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต ชื่อรพีพงษ์! ก่อนหน้านี้ก็แค่ได้รับบาดเจ็บเลยถูกมึงควบคุมไว้ได้ แต่ตอนนี้พลังระดับแดนเทพขั้นกลาง ก็เพียงพอที่จะจัดการกับมึงได้แล้ว!”
พูดจบ รพีพงษ์ก็สะบัดกระบี่ออกไปอีก เงากระบี่สูงหลายเมตรฟันลงไปที่ทางเจ้าสำนัก
เจ้าสำนักก็แจ๊ะปาก ไม่กล้าที่จะประมาท กระบี่เลือดออกมาอยู่ในมือ แล้วก็รับกระบวนท่าไว้
“เจ้าสำนักเดี๋ยวผมช่วย”
“พวกเราด้วย!”
พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนตะโกนออกมา แล้วตั้งท่าจะลงมือ
เจ้าสำนักเห็นดังนั้น ก็ร้อนรน หนึ่งในสี่คนนั้น ยังมีคนที่มีพลังระดับแดนเทพอีกคน หรือว่า ห้าคนตรงหน้านี้จะเป็นคนของกลุ่มสิงโต?
“ไอ้หนู ถ้ามึงเป็นคนของกลุ่มสิงโตจริงๆ เก่งจริงก็มาสู้กันตัวต่อตัว อาศัยคนมากกว่ามาสู้มันได้อย่างที่ไหนกัน!”
พอได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ยิ้มๆ แล้วก็ยื่นมือออกไปห้ามพวกของธัชธรรมทั้งสี่คน พร้อมพูดว่า “ในเมื่อมึงอยากจะสู้ตัวต่อตัว งั้นก็ได้ ท่านธัชธรรม นิศมา นฤชัย หงส์ พวกคุณถอยออกไปก่อน เดี๋ยวผมจัดการมันเอง”
ได้ยินดังนั้น หงส์และนิศมาก็กังวล เพราะถึงอย่างอาการบาดเจ็บของรพีพงษ์ก็เพิ่งดีขึ้น พลังของปีศาจตรงหน้านี้ก็ไม่ต่ำต้อย ทั้งสองคนก็เลยกลัวว่ารพีพงษ์จะเป็นอะไรขึ้นมา
ธัชธรรมเห็นว่ารพีพงษ์พูดอย่างมั่นใจ ก็หัวเราะออกมา แล้วก็เก็บพลังแดนเทพกลับไป พร้อมพูดว่า “งั้นก็ดี เจ้าสำนัก ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นไอ้มารฝึกคนนี้ก็ให้คุณจัดการแล้วกัน พวกเราสี่คนถอยออกไปกันหน่อย อย่าไปรบกวนรพีพงษ์แสดงฝีมือ”
พอได้ยินดังนั้น นฤชัยก็พยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ ทั้งสองคนก็ลากนิศมาและหงส์ที่กำลังกังวลอยู่ ถอยออกไปด้วยหลายเมตร
“ได้แล้ว พวกเราเริ่มสู้กันได้แล้ว” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ
พอเห็นว่ารพีพงษ์ตอบรับตนเองแล้ว เจ้าสำนักก็ยิ้มออกมา ขอเพียงไม่มีสี่คนนั้นช่วยเหลือ ตนเองก็พอเป็นคู่ต่อสู้ของรพีพงษ์ได้!
คิดเสร็จ ปลายกระบี่เลือดในมือของเจ้าสำนักก็หมุน แล้วบุกเข้าไปยังตัวของรพีพงษ์
รพีพงษ์ก็มองเจ้าสำนักที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สายตาก็ยังคงนิ่งๆ หลังจากที่รพีพงษ์ฟื้นพลังกลับมาระดับแดนเทพขั้นกลางแล้วนั้น ความเร็วของเจ้าสำนักก็ดูช้าไปกว่าเดิม10เท่า สำหรับรพีพงษ์แล้ว ความเร็วของเจ้าสำนักก็ไม่ต่างอะไรกับความเร็วของเต่า!
ตอนที่กระบี่เลือดใกล้จะถึงตัวเองแล้วนั้น กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็รีบสะบัดออกมา กระทบเข้ากับกระบี่เลือด จนเกิดเป็นประกายไฟร่วงลงพื้น
“ช้าไป อ่อนไป” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม ตอนที่ตนเองมีพลังระดับแดนเทพขั้นกลางก็สามารถสู้กับคนระดับแดนเทพขั้นพีคได้ ไอ้ปีศาจตรงหน้านี้ก็แค่เข้าใกล้ระดับกลางเท่านั้น ไม่เท่าไรหรอก
พูดจบ พลังทิพย์ในมือของรพีพงษ์ก็เคลื่อนไหว รังสีของกระบี่สยบเซียนก็ใหญ่ขึ้น พริบตาก็กระแทกกระบี่เลือดปลิวออกไป
เจ้าสำนักก็ต้องกระเด็นออกมาจากพลังที่กระบี่กระแทกกัน จนที่พื้นหิมะเกิดเป็นรอยเท้าลึกลงไป
เจ้าสำนักแจ๊ะปาก มือขวาที่จับกระบี่เลือดไปเมื่อครู่ยังสั่นไม่หยุด แล้วก็มองไปยังรพีพงษ์ “ถ้ามึงแน่จริง ก็ให้โอกาสกูอีกครั้งสิ”
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ร่างกายก็หายเข้ามาตรงหน้าเจ้าสำนักทันที กระบี่สยบเซียนพาดลงที่ลำคอของเจ้าสำนัก แล้วพูดว่า “ขอโทษที มึงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ไอ้พวกมารฝึก กูจะฆ่าให้หมด!”
พอสิ้นเสียง รพีพงษ์ก็ออกแรงที่มือขวา ปลายกระบี่ของกระบี่สยบเซียนก็บาดเข้าลำคอของเจ้าสำนัก เลือดสีเขียวสาดลงพื้นหิมะเป็นกอง
เจ้าสำนักเอาสองมือปิดคอตนเองไว้ แล้วก็หายใจอย่างแรง พลังเทพปีศาจก็ยังคงรักษาแผลที่ลำคออย่างไม่หยุดหย่อน
รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็สะบัดกระบี่ออกไปอีก คมกระบี่ผ่านคอของเจ้าสำนักไป ครั้งนี้ได้ตัดหัวของเขาออกมา ต่อให้เป็นกายเทพปีศาจ ก็ทำอะไรกับการทำลายแบบนี้ไม่ได้หรอก แล้วจะประสาอะไรกับนักฝึกวิชาระดับแดนเทพที่ฝึกพลังมาร
พอเห็นร่างของเจ้าสำนักล้มลง พวกของธัชธรรมทั้งสี่คนก็วางใจ แล้วเดินเข้าไป
รพีพงษ์ก็มองศพที่พื้น พลังทิพย์ได้ดึงดูดหิมะทั้งหลายบนท้องฟ้าลงมา แล้วก็ใช้พลังทิพย์ยกร่างของเจ้าสำนักขึ้นมา แล้วเอาไปฝังในพื้นหิมะ
รพีพงษ์หันไปถามธัชธรรมข้างๆ “ปัณฑาล่ะ?”
ธัชธรรมได้ยินดังนั้น ก้ตอบไปว่า “เจ้าสำนักครับ ปัณฑาเสียพลังมากไป พวกเราเลยให้เขาอยู่ที่กลุ่มสิงโต ตอนนี้ก็กลับไปรับเขามาได้แล้ว”
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็พยักหน้า แต่ยังไม่คิดที่จะกลับไป
“เอาอย่างนี้ พวกคุณกลับกันไปก่อน รอปัณฑาฟื้นขึ้นมา แล้วเอาเธอไปส่งที่สำนักเทพยาเซียน ผมยังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ คงจะยังไม่กลับไปพร้อมกับพวกคุณ”
ได้ยินดังนั้น หงส์และนิศมาก็ร้อนรนขึ้นมา ไม่คิดว่าเพิ่งจะได้เห็นรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์จะไปอีกเสียแล้ว?
รพีพงษ์ก็มองสายตาร้อนรนของทั้งสองคน แล้วก็ถอนหายใจออกมาว่า “ผมจำเป็นต้องช่วยลูกสาวของผม เวลา4เดือน หลังจาก4เดือนแล้ว ผมจะกลับไปยังกลุ่มสิงโต แล้วดื่มกับทุกคนให้สะใจ”
ธัชธรรมฟังแล้ว ในใจก็ไม่สบายใจนัก หลังจากที่รพีพงษ์จากมา เรื่องของกลุ่มสิงโตและนักฝึกวิชาทั้งหลายก็มาตกเป็นหน้าที่ของธัชธรรม หงส์และอีกหลายคน ในเมื่อพวกเขาอยากจะช่วยรพีพงษ์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยได้ไหม จากทวีปฝึกตนที่พัฒนาขนาดเร็วขนาดนี้ พวกเขาปลีกตัวออกมาช่วยได้ยากจริงๆ
“เจ้าสำนัก ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณก็ไปจัดการอย่างสบายใจเถอะ เรื่องต่างๆ ของกลุ่มสิงโตและเหล่านักฝึกวิชาทั้งหลาย พวกเราจะจัดการเอง หลังจากนี้4เดือน พวกเราจะรอคุณกลับมา”
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ยิ้มพยักหน้า หลังจากที่ล่ำลากับทั้งสี่คนแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังป่าหมอก
เวลาหลายวัน เนื่องจากอาการบาดเจ็บ รพีพงษ์ใช้เวลาไปไม่น้อย แต่ก็ถือว่ากลับมายังป่าหมอกได้อย่างราบรื่น
ในถ้ำขนาดใหญ่ รพีพงษ์ก็จับกลไกบนเถาวัลย์อย่างชำนาญ พอเข้าไปในถ้ำ แรดโบราณก็เข้ามาต้อนรับทันที
“เจ้านาย อาการบาดเจ็บของเจ้า….”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วก็มองแรดโบราณ แล้วก็พูดอย่างตกใจว่า “พลังของเจ้าพัฒนาไปไม่น้อยเลยนะ”
แรดโบราณพยักหน้า หลายวันนี้ ตนเองฝึกวิชาอยู่ในถ้ำตลอด และเนื่องจากที่นี่มีพลังชีวิตเข้มข้นมาก บวกกับตวัสคอยชี้แนะให้ตนเองอยู่ตลอด แล้วก็เอาเถาวัลย์มาให้กิน พลังของตนเองก็เลยเพิ่มขึ้นเร็ว และเกือบจะแทบบรรลุขั้นแดนเทพขั้นกลางเลย
ตวัสออกมาจากไม้พันปี แล้วก็มองรพีพงษ์ พร้อมพูดนิ่งๆ ว่า “ปลอดภัยกลับมาดีใช่ไหม? น้ำอำมฤตที่ผมต้องการ คุณเอามาหรือยัง?”
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็หยักหน้าอย่างมั่นใจ แล้วก็เอาขวดหยกที่ดูแลรักษาเป็นอย่างดีออกมา พร้อมพูดว่า “ในขวดนี้ ก็คือน้ำอำมฤต”
มองขวดเล็กๆ ในมือ ตวัสคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจอะไรขึ้นมา แล้วก็เปิดขวดออก หลังจากที่สัมผัสกับพลังชีวิตอันเต็มเปี่ยมของน้ำอำมฤตแล้วนั้น ก็ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
“ดีมากเลย……มีสิ่งนี้ ไม้พันปีก็จะได้แตกกิ่งก้านใหม่เสียที อย่างมากก็ครึ่งเดือน ผมก็จะฝึกฝนจนได้ร่างมนูษย์!”