พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1527 เมืองแฟรี่

บทที่ 1527 เมืองแฟรี่

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็สงสัยเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ที่เทวโลกมีเมืองด้วยหรือ? พวกเทพเทวดาทั้งหลายไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเที่ยวท่องไปทั่วสารทิศหรือ?”

ได้ยินดังนั้น ปัณฑาก็ส่ายหน้ารัวๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา “คุณคิดว่ากำลังอ่านนิยายอยู่รึไง ฝึกฝนจนถึงระดับแดนบุณ ก็แค่เพิ่งได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นเซียนเท่านั้นเอง ยิ่งกว่านั้น ที่นี่มีคนมากมายที่ยังไม่ถึงระดับแดนบุณเสียด้วยซ้ำ ถ้าทุกคนล้วนออกไปท่องเที่ยวกันหมด เทวโลกก็วุ่นวายกันไปนานแล้วล่ะ”

พอได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็หยักหน้า ในใจก็คิดหวังว่าเมืองในเทวโลกจะเป็นอย่างไร

บางที ในเมืองอาจจะมีสิ่งที่ทำให้ตนเองเพิ่มพลังได้เร็วขึ้น เพื่อนรเทพได้เร็ววัน

ตวัสก็มองทั้งสองคนเหมือนว่ากำลังมาท่องเที่ยว ก็ถอนหายใจออกมา พร้อมพูดว่า “เอาเถอะ หน้าที่ของผมสิ้นสุดแล้ว เดี๋ยวผมจะออกไปคนเดียว ไปหาคนคนหนึ่ง พวกคุณก็เข้าไปยังเมืองแฟรี่ เมืองที่อยู่ห่างจากที่นี่ใกล้ที่สุดก็แล้วกัน เดี๋ยวผมไปหาพวกคุณเอง ช่วงเวลานี้ก็ขอพวกคุณโชคดีก็แล้วกัน”

สิ้นเสียง ยังไม่ทันรอให้รพีพงษ์และปัณฑาพูดอะไร ตวัสก็กระโดดออกไป แล้วก็ไม่เห็นเงาแล้ว

รพีพงษ์และปัณฑาล้วนมีใบหน้าเหวอๆ เดิมทีคิดยังมีผู้ช่วยที่มีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ ทุกอย่างนั้นเป็นเพราะทั้งสองคนคิดเกินไปเอง

“ปัณฑา คุณรู้ไหมว่าเมืองแฟรี่อยู่ที่ไหน?” รพีพงษ์ถาม

ปัณฑาเอามือจับคาง แล้วก็ทำตัวไม่ถูก พูดว่า “เอ่อ ฉันหลับใหลมาเป็นพันปี เรื่องพวกนี้ก็ได้ลืมไปหมดแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร คนในเทวโลกใจดี พวกเราไปถามคนตามทางก็แล้วกัน”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็หน้าแหย ไม่คิดเลยว่า จัดการกันมาตั้งนาน แต่ปัณฑาไม่รู้สภาพการณ์ในเทวโลกเลย

ที่นี้ล่ะดี แม้แต่เส้นทางจะไปเมืองแฟรี่ก็ต้องถามทางเอา แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์แปลกใจก็คือ บริเวณที่ตนเองและปัณฑาอยู่นั้นเป็นทุ่งกว้าง มีคนอื่นเสียที่ไหน?

“ปล่อยฉันนะ!ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้ฉันตายก็จะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่” มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากในป่า

ในป่านั้น มีชายสามคนล้อมตัวผู้หญิงที่ถูกเชือกมัดไว้ สายตาก็เต็มไปด้วยการคิดชั่ว

“เหอะๆ แม้สาวน้อย พวกเราสามคนเป็นคนของหวูเนี่ยนเฉินกง ถึงแม้จะเป็นแค่ช่างทั่วไป แต่ขอเพียงเธอยอมพวกเราสามคนล่ะก็ เธอจะได้อะไรดีๆ มากเลยนะรู้ไหม” ชายหน้ากลมหัวลูกชิ้นหูกางเลียปากตัวเอง สายตาก็จ้องมองไปที่เรือนร่างของผู้หญิงคนนั้น

“นั่นสิๆ อีกอย่างในป่าทุรกันดารแบบนี้ เธอผู้หญิงคนเดียว ต่อให้มีอะไรก็ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่า เดี๋ยวทำเสร็จจะให้อะไรดีๆ นะ พวกเราล้วนมีความสุขกันไม่ดีหรือไง” ชายหน้าผอมอีกคนพูดขึ้นมา

ผู้หญิงได้ยินดังนั้น แล้วมองสายตาของชายทั้งสามก็กลัวมาก ไม่คิดเลยว่า ตนเองแค่ออกมาเก็บยาไกลนิดเดียว จะเจอสามคนนี้ในป่าลึกแบบนี้ได้

ตอนนี้ตนเองจะสู้ก็สู้ไม่ได้ จะหนีก็หนีไม่ได้ ถ้าจะถูกรังแกแบบนี้ ก็ไม่สู้จบชีวิตตนเองเสียเลยดีกว่า!

คิดเสร็จ ตอนที่ผู้หญิงก็เตรียมจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายนั้น ก็มีเสียงร้องโอดโอยสามเสียงดังขึ้น

ผู้หญิงลืมตาขึ้นมา เห็นว่าสามคนร้องเจ็บปวดอยู่ที่พื้น แล้วก็แปลกใจ

“เหอะ ปกติก็ไม่ชอบอยู่แล้วไอ้พวกรังแกผู้หญิง มาเจอกับกูเข้าถือว่าพวกมึงซวย ถ้ายังกล้ามาตามรังควานคุณคนนี้อีกล่ะก็ ก็อย่าหาว่ากูไม่เตือนแล้วกัน!” รพีพงษ์ยืนอยู่ด้านหลังผู้หญิง มือก็ถือกระบี่สยบเซียนที่ยังไม่ได้ออกจากฝัก ชี้ไปยังสามคนนั้น

ชายหน้ากลมหัวลูกชิ้นหูหางก็เอามือห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากหน้าผาก แล้วก็โมโหหนักมาก ชี้ไปยังรพีพงษ์ พร้อมด่าออกมาว่า “ไอ้นี่ มึงรู้ไหมว่าพวกกูเป็นคนของหวูเนี่ยนเฉินกง มึงรู้จักไหมหวูเนี่ยนเฉินกงอะ สำนักระดับต้นๆ ของเมืองแฟรี่ กล้ามาลงมือกับพวกกู กูว่ามึงคงไม่อยากมีชีวิตแล้วล่ะ”

รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็นั่งคุกเข่าลงแก้มัดให้กับผู้หญิง แล้วพยุงเธอลุกขึ้น

พอเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้สนใจพวกตนเองสามคน ชายหัวลูกชิ้นก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม มือก็เรียกอาวุธออกมา พร้อมพูดว่า “ไอ้หนู มึงอวดเก่งจังนะ เมื่อครู่นี้มึงลอบโจมตีพวกกู กูยังไม่เห็น ในเมื่อมึงอยากจะเสือกเรื่องนี้ ก็อย่าหาว่าดาบกูมันไม่มีตาก็แล้วกัน!”

“อ๋อหรือ? มึงหมายความว่า มึงจะเอาชีวิตกูล่ะสิ!กูจะบอกให้นะ ชีวิตของกู ไม่ได้จะเอาไปง่ายๆ หรอกว่ะ ก่อนจะถึงตอนนั้น มึงจะต้องเตรียมตัวตายก่อน!” รพีพงษ์พูดเสียงเย็น ในมือก็เอากระบี่สยบเซียนออกจากฝัก รังสีกระบี่ทำให้สามคนนั้นกลัวขึ้นมา

ชายหน้าผอมคนนั้นก็ตกใจจนขวัญเสียไป แล้วก็มองชายอ้วนหัวลูกชิ้น พร้อมพูดเบาๆ ว่า “พี่ใหญ่ พวกเราถอยกันก่อนเถอะ ที่นี่มันทุรกันดาร ถ้าไอ้หมอนี่มันลงมือฆ่าจริงๆล่ะก็ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา พวกเราจะเรียกคนมาช่วยไม่ได้นะพี่”

ได้ยินดังนั้น ชายอ้วนหัวลูกชิ้นก็พยักหน้า ในมือก็เก็บอาวุธไป แล้วพูดว่า “ไอ้หนู ครั้งนี้ถือว่ามึงโชคดี อย่ากูเห็นมึงอีกนะ ไม่งั้นล่ะก็ เจอที กูกระทืบมึงทีหนึ่ง!”

พูดจบ ชายอ้วนหัวลูกชิ้นก็ก้าวขาวิ่งหนีไป อีกสองคนเห็นดังนั้น ก็วิ่งไปไม่เห็นฝุ่น

รพีพงษ์เห็นแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นก็เก็บกระบี่สยบเซียนไป พอมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น ก็พูดว่า “คุณไม่เป็นอะไรนะ”

ผู้หญิงพยักหน้า พอมองดูดีๆ ก็ถูกความหล่อของรพีพงษ์ดึงดูดเข้าให้อีกแล้ว

พอเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จ้องมองตนเอง รพีพงษ์ก็แกล้งไอ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบตั้งสติขึ้นได้ แล้วก็หน้าแหยทำอะไรไม่ถูก หน้าแดงเขินไป

ปัณฑาเห็นดังนั้น ก็หัวเราะแบบแซวๆ ออกมา แล้วพูดข้างหูรพีพงษ์ว่า “คุณนี่มันเสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ เพิ่งมาที่เทวโลกได้ไม่นาน ก็มีผู้หญิงมาติดแล้วนะ”

อได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็ทำหน้าเอือมระอา ตนเองมีเสน่ห์เกินไป จะโทษตัวเองได้งั้นหรือ?

ผูหญิงคนนั้นเอามือลูบหน้าตนเอง แล้วก็เงยหน้านิดๆ มองรพีพงษ์ ยังคงมีความเขินอาย พร้อมพูดว่า “ขอบคุณมาก ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้คุณล่ะก็ ฉันต้องแย่แน่ๆ”

รพีพงษ์ยิ้มโบกปัด พร้อมพูดว่า “เรื่องเล็กน้อย แต่ว่าผมอยากถามหน่อยว่า คุณรู้จักทางไปเมืองแฟรี่ไหม ว่าไปอย่างไร?”

พอได้ยินดังนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้น ปากสั่นๆ สายตาที่น่ารักก็จับจ้องไปที่รพีพงษ์ พร้อมพูดว่า “คุณจะไปเมืองแฟรี่หรือ? ฉันก็อยู่ที่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันพาไปดีไหม?”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์และปัณฑาก็ดีใจมาก พยักหน้าไปแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รบกวนหน่อยแล้วกัน”

ผู้หญิงคนนั้นก็รีบโบกปัด แล้วพูดว่า “พวกคุณช่วยฉันไว้ เรื่องแค่นี้ฉันควรทำอยู่แล้ว พอดีว่าฉันเก็บยาสมุนไพรครับแล้วพอดี เดี๋ยวฉันพาพวกคุณไปยังเมืองแฟรี่เลยดีกว่า”

รพีพงษ์ตอบรับ แล้วก็ตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปป่าไป

ระหว่างทาง รพีพงษ์และผู้หญิงคนนั้นก็ถามชื่อแซ่กัน หลังจากทราบว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าผลิน ทั้งสองคนก็ไม่คุยอะไรกันอีก

ก็เพราะว่าตอนนี้ผลินยังเขินอาย อีกอย่างก็เป็นเพราะว่ารพีพงษ์ไม่อยากทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันขึ้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท