พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1530 เชื่อผม

บทที่ 1530 เชื่อผม

ปัณฑาก็พูดได้ทีขี่แพะไล่ขึ้นมาว่า “นี่แม่ยายกำลังมองหาลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งถูกใจนะ รพีพงษ์ ฉันว่าคุณก็อยู่ที่นี่เถอะ”

“พูดมั่วอะไรเนี่ย”

รพีพงษ์จ้องถมึงใส่ปัณฑา ตอนที่กำลังจะคิดหาทางพูดอ้อมค้อมบอกแม่ของผลินไปนั้น ผลินก็ยกถาดน้ำชาเข้ามา

“แม่ จริงๆเลยนะ เขาเป็นแค่เพื่อนของหนูเฉยๆค่ะ อย่าถามนู่นถามนี่สิคะ จะให้เขาตอบแม่ได้อย่างไรล่ะ”

พูดไป ผลินก็พูดกับรพีพงษ์เบาๆ ว่า “คุณรพี เชิญดื่มน้ำก่อน”

รพีพงษ์รับถ้วยน้ำชามา แต่ด้านในเป็นน้ำเปล่า

ดื่มลงท้องไป รสหวานนิดๆ แต่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะ

จริงสินะ น้ำในเทวโลกไม่ธรรมดา

“ลูกแม่ ครั้งนี้ลูกออกบ้านไป เอาของมาแล้วใช่ไหม?”

ในตอนนี้ จินตราก็ถามขึ้นมา

“เอามาแล้วค่ะ หนูตั้งใจไปที่ภูเขา ถึงได้ตัวยาที่สามารถรักษาอาการป่วยของแม่ได้ เดี๋ยวรอวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวหนูจะไปให้หมอยาในเมืองกลั่นยามาให้ แล้วเอามารักษาแม่นะ”

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี ลำบากหน่อยนะ ลิน”

จินตราพูดเบาๆ

พอได้พวกเธอสองแม่ลูกคุยกัน รพีพงษ์ก็แอบใช้พลังจิตวิญญาณ ไม่นานก็พบว่า บางตำแหน่งในร่างกายของจินตรา เหมือนจะมีบางจุดที่อุดตัน เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก

อาการเล็กน้อยแบบนี้ รพีพงษ์แค่ใช้พลังทิพย์เข้าไปวิ่งในตัวสักรอบ ก็สามารถแก้ไขได้หมดแล้ว

แต่ทว่า พวกเธอสองคนเป็นคนของเทวโลก ถึงแม้ดูไปแล้วจะไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร แต่ในคนเรานั้นไม่เหมือนกัน รพีพงษ์ก็มาที่เทวโลกเป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าเก็บพลังไว้จะดีที่สุด

“ดังนั้น คุณออกไปครั้งนี้ ก็เพราะไปเก็บยาให้แม่งั้นหรือ?” รพีพงษ์ถาม

“อืม ใช่ แต่ว่าจะต้องกลั่นยาอีก ตอนนี้ก็มืดมากแล้ว คงต้องรอวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ”

ผลินตอบตามตรง จากนั้นก็มองแม่ตนเองแล้วพูดว่า “แม่คะ วันนี้ก็ทนหน่อยนะ เดี๋ยวเช้าวันพรุ่งนี้จะรีบไปหาหมอยาแต่เช้าเลย เพื่อที่จะได้กลั่นยานี้ พวกเรารอมา2ปีเต็มๆ”

“ไม่เป็นไรจ่ะๆ แม่ทนได้”

จินตราเอามือตบไหล่ของลูกสาวตนเอง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความชื่นชม จากนั้นก็หันไปมองรพีพงษ์ พร้อมพูดว่า “อาการป่วยของฉันนี้ พอถึงเวลากลางดึกก็จะไป ตอนกลางวันเป็นปกติ”

รพีพงษ์พยักหน้า “ไม่ทราบว่า จะไอตอนประมาณตีสองมากที่สุดเลยใช่ไหม”

“ถูกต้อง คุณรู้ได้ไง? หรือว่า คุณจะรักษาอาการป่วยได้?” จินตรามองรพีพงษ์อย่างตกใจ

รพีพงษ์พูดเบาๆว่า “รู้แค่บางโรคเท่านั้น เวลาตีสองกว่าๆนั้น เป็นเวลาที่ทำความสะอาดปอด ถ้ามีบางส่วนที่เลือดลมไม่ไหลเวียน ตอนนั้นก็จะเป็นช่วงที่อาการแย่สุด”

“ไม่คิดเลยว่า คุณรพีจะตรวจอาการได้ด้วย” จินตรายิ้มมองรพีพงษ์ จากนั้นก็พูดกับลูกสาวตนเองว่า “ลูกแม่ มีเพื่อนเก่งแบบนี้ตอนไหนเนี่ย ไม่รีบพามาช่วยแม่ดูอาการหน่อยล่ะ”

รพีพงษ์ก็ทำท่าผ่อนหัวไหล่ แล้วพูดกับผลินที่กำลังหน้าแดงว่า “ถ้าสะดวก ก็ให้ผมลองดูตัวยาในตะกร้าหน่อยก็ได้ครับ”

“หรือว่า แม้แต่ยาสมุนไพรคุณก็รู้จักงั้นหรือ?”

ผลินพูดอย่างแปลกใจ

รพีพงษ์ก็ไม่ตอบสนองอะไร ตอนที่ตนเองอยู่ที่สำนักเทพยาเซียนนั้น ได้อ่านหนังสือในถ้ำจนหมด บอกได้เลยว่า ยาสมุนไพรทุกชนิดบนโลกนี้ เขารู้จักหมด

คิดดูแล้ว ยาสมุนไพรของเทวโลกกับโลกน่าจะไม่ต่างกันมาก

รพีพงษ์รับตะกร้ามาเปิดดู ยังดีที่เป็นยาพื้นฐานทั่วไป ถูกต่อโรคของจินตรา และถูกต่ออาการ

เพียงแต่ ระดับของยาพวกนี้มันสูงมาก ล้ำค่ากว่าสมุนไพรในป่าหมอกเสียอีก

แต่รพีพงษ์ก็รู้ดี ว่าที่นี่คือเทวโลก เห็นสภาพของผลินแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร

ในเมื่อแม้แต่เธอยังสามารถซื้อยาระดับนี้ได้ แสดงว่ายาพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรมากในเทวโลก

“แอ่กๆ …….พวกคุณคุยกันไปก่อนนะ แม่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย ขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”

จินตราลุกขึ้นพูด

เธอโค้งตัวเล็กน้อย แล้วก็ไอออกมา

“แม่ไม่เป็นอะไรนะคะ”

ผลินรีบเข้าไปพยุงตัวไว้

“ไม่เป็นไร ลิน ไปคุยเป็นเพื่อนคุณรพีเถอะ คืนนี้ก็ไปเอาผ้าห่มใหม่ออกมาให้พวกเขาใช้” จินตรากล่าว

รพีพงษ์เห็นสองแม่ลูกคู่นี้ ในใจเขาก็รู้สึกอะไรมากมาย

นี่คือครอบครัวที่ตนเองต้องการ พอมองแม่ของผลิน แล้วนึกถึงตอนนั้น ที่แม่จะเอาชีวิตตนเอง ทำไมมันช่างแตกต่างกันขนาดนี้

“คุณป้าครับ เดี๋ยวครับ!”

รพีพงษ์พูดขึ้นมา

จินตราและผลินก็หันกลับมาพร้อมกัน

สายตาของผลินแปลกๆ ทำไมบนหน้าของคุณรพี เหมือนจะมีสีหน้าของการชื่นชมอยู่ด้วยนะ?

“เดี๋ยวผม……..กลั่นยาให้คุณป้าเอง!”

รพีพงษ์กล่าว

“คณ…..กลั่นยาเป็นด้วยหรือ?” ผลินมองรพีพงษ์อย่างตกใจ

“ผม………”

ยังไม่ทันให้รพีพงษ์เปิดปากพูด ปัณฑาที่อยู่ข้างๆ ก็ชิงพูดก่อนว่า “ฝีมือการกลั่นยาของรพีพงษ์น่ะ เป็นหนึ่งในสำนักเทพยาเซียนเชียวนะ ถ้าเขากลั่นยาไม่เป็น แล้วใครจะกลั่นเป็นล่ะ?”

“สำนักเทพยาเซียน?คือที่ไหน?”

จินตราและผลินสงสัยเล็กน้อย

รพีพงษ์รีบหยิบขนมขึ้นมาโดยไม่สนใจสายตาโมโหของปัณฑา แล้วยัดปากเธอเข้าไป

ยัยหนูคนนี้ ถ้ายังไม่ปิดปากไปล่ะก็ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาบ้าง

“ผมพอมีวิชากลั่นยาอยู่บ้าง ถ้าเชื่อใจผมล่ะก็ เรื่องนี้ เดี๋ยวผมจัดการเอง” รพีพงษ์กล่าว

“เอ่อ……เรื่องจริงใช่ไหม?”

สายตาของจินตรายังคงสงสัย แต่หลังจากที่ผลินเห็นสายตาของรพีพงษ์แล้วนั้น กลับพูดออกมาว่า “ฉันเชื่อ คุณรพี ถ้ากลั่นยาไม่สำเร็จล่ะก็ พรุ่งนี้ฉันก็แค่ออกไปซื้อยามาใหม่”

“วางใจเถอะ สำเร็จแน่นอน”

รพีพงษ์พูดเสียงต่ำ

ยาทุกอย่างถูกแผ่ออก วางลงบนโต๊ะ รพีพงษ์กำลังเตรียมจะลงมือ แต่ได้ยินจินตราพูดอยู่ข้างๆ ว่า “รอเดี๋ยวคุณรพี คุณไม่มีแม้กระทั่งสูตรกลั่นยา แล้วจะกลั่นอย่างไรกัน? รู้หรือว่าจะใส่ลำดับไหนก่อน?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กๆ คุณป้าครับ ผมรู้อาการคุณป้าดีแล้ว จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก เชื่อผมสิว่าภายในไม่ถึง5นาที ยาเม็ดก็ถูกกลั่นเสร็จแล้ว

จินตราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผลินก็พูดว่า “แม่คะ เชื่อคุณรพีเถอะ เขาไม่หลอกลวงพวกเราหรอก”

รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ แล้วก็เริ่มลงมือ

พลังสัมผัสของพลังจิตวิญญาณเทพ รพีพงษ์สามารถรู้คุณสมบัติทุกชนิด

รพีพงษ์ในตอนนี้ มนุษย์ทองคำน้อยในหัวก็ยิ่งสว่างกว่าเดิม มนุษย์ทองคำได้ควบคุมร่างกายตนเองอยู่ ขอเพียงแค่คิด มือของรพีพงษ์ก็สามารถเอาพลังจิตวิญญาณปล่อยเข้าไปในยาสมุนไพรได้ เพื่อเริ่มกลั่นยา

จินตราและผลินก็อึ้งไป

พวกเขาเห็นแค่ว่าชายวัยรุ่นคนนี้ปิดตาอยู่ แต่มือทั้งสองสามารถขยับได้เร็วมาก

ยาสมุนไพรแต่ละต้น พออยู่ในมือเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

“ลิน เขา……ขะกลั่นยาได้จริงไหมเนี่ย?” จินตราพูดอย่างแปลกใจ

“น่า…….น่าจะ” ผลินพูดอย่างอึ้งๆ

“ลิน ลูกไปรู้จักกับคุณรพีได้ไง เขาเก่งมากเลยนะ!”

……

ไม่ถึง5นาที ยาเม็ดระดับสูงที่มีชี่ยาก็ถูกกลั่นเสร็จเรียบร้อย

พอเห็นยาเม็ดสีแดง จินตราก็หยิบเอามาในมืออย่างตื่นตกใจ

“คุณป้าครับ กินยาเม็ดนี้ไปเลยครับ อาการของผ้า ไม่นานก็ดีขึ้นครับ” รพีพงษ์กล่าว

“ยาเม็ดนี้……”

“แม่ หนูเคยเห็นพวกคนขายยาเขาขายยา เป็นแบบนี้แหละ เพียงแต่ ยาของคุณรพี มีชี่ยาออกมาเพิ่มจากคนอื่นก็เท่านั้นเอง แม่กินไปเถอะ”

ผลินกล่าว

จินตราพยักหน้า แล้วก็เอาน้ำเปล่ามากินยานี้ลงไป

ไม่ถึงครึ่งนาที จินตราก็รู้สึกว่ารู้สึกเย็นที่ท้อง จากนั้นก็พลุ่งพล่านไปทั้งร่างกาย

พริบตา ลมหายใจของตนเองก็สะดวกขึ้นมาทันที บริเวณที่ไม่สบายก่อนหน้านี้ ก็สบายขึ้นมากแล้ว

“อัศจรรย์มากเลย ลิน แม่……หายแล้วลูก” จินตรากล่าว

“จริงหรือคะแม่? แม่หายแล้วใช่ไหม?”

ผลินถาม พอเธอเห็นจินตราพยักหน้า ถึงจะมั่นใจ

สองแม่ลูกร้องไห้ ผลินก็มองรพีพงษ์พร้อมพูดว่า “คุณรพี ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ขอบคุณคุณมากจริงๆ อาการป่วยของแม่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสาวๆ ครั้งนี้ได้คุณมาช่วยไว้ ฉันซาบซึ้งมาก”

“ผลิน พวกเราเป็นเพื่อนกัน ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน ถ้าผมช่วยได้ก็จะช่วย อีกอย่าง ถ้าวันนี้ไม่ได้คุณล่ะก็ ผมก็คงไม่ได้เข้าเมืองมาได้ และคืนนี้ก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน”

รพีพงษ์กล่าว

ผลินพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง เธอมองรพีพงษ์ ในใจก็คิดว่า ผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรที่ตนเองยังไม่เห็นอีกนะ?

“นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเราไปพักผ่อนกันได้แล้วล่ะ”

รพีพงษ์กล่าว ภายใต้การดูแลของผลิน ก็พาปัณฑาเดินเข้าห้องพักไป

ประตูห้องผิดลง ปัณฑาก็หลับผล็อยไปอย่างรวดเร็ว แต่รพีพงษ์ยังหลับไม่ลงอีกนาน

นี่เป็นคืนแรกในเทวโลก ที่รพีพงษ์ไม่รู้ก็คือ ต่อจากนี้ ตนเองจะพบกับอะไรบ้าง

ส่วนในห้องนอนหลักของบ้าน จินตราที่หายดีแล้วก็กำลังคุยกับผลินบนเตียง

คืนนี้ จินตราไม่ได้ไอ แต่มาคุยกันเรื่องที่ว่าลูกสาวตนเองไปรู้จักกับรพีพงษ์ได้อย่างไร

ตื่นเช้ามา พระอาทิตย์ของเทวโลกดูเหมือนจะใหญ่กว่าบนโลกเสียหน่อย

รพีพงษ์เปิดประตูห้องนอนออกมา ปัณฑาก็กำลังกินอาหารเช้าแล้ว

จินตรามองรพีพงษ์ สายตาก็ยิ้มๆ

“คุณรพีเมื่อคืนหลับเป็นอย่างไรบ้าง?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็หยิบขนมเตรียมจะกิน

“คุณรพี เมื่อคืนป้าได้ยินลินเล่าแล้วนะ คุณกำพร้าพ่อแม่ แถมยังดูเหมือนจะไม่มีญาติพี่น้อง ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ ก็มาเป็นลูกเขยบ้านป้าเถอะ!”

“แอ่กๆ ……”

ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็แทบสำลักขนมในปากตาย!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน