พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1531 กฎธรรมชาติ

บทที่ 1531 กฎธรรมชาติ

รู้ไหม รพีพงษ์เป็นเขยไร้ประโยชน์มาเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ไม่คิดว่าตอนนี้อยู่ในเทวโลก ยังมีคนอยากได้ตนเองเป็นลูกเขย!

แน่นอนว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างแม่ของผลินที่อยู่ตรงหน้ากับชลิตา แม่ของผลินมีความเมตตาอ่อนโยนมากกว่า อย่างไรเสียในโลกนี้มันยากที่จะมีแม่ยายที่แปลกประหลาดเท่าชลิตาอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้น รพีพงษ์ก็ไม่ต้องการเป็นเขยแต่งเข้าอีก

“หรือว่า ตนเองดูเหมือนเขยแต่งเข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?” รพีพงษ์หัวเราะอย่างจำใจ

“เกิดอะไรขึ้น คุณรพี คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” จินตราถามด้วยความประหลาดใจ

ในขณะนี้เอง ผลินก็เดินมา

แม้เธอจะไม่รู้ว่าแม่ของเธอเพิ่งพูดอะไรกับรพีพงษ์ แต่จากการแสดงออกของรพีพงษ์ เธอสามารถตระหนักได้ว่า แม่ของเธอต้องพูดเรื่องเหลวไหลอีกครั้งแน่นอน

“แม่คะ แม่กำลังพูดเรื่องอะไรคะ?”

ผลินกล่าวถาม

จินตรามองลูกสาวของเธอแล้วกล่าวตามจริงว่า “ฉันต้องการให้คุณรพีอยู่ในบ้านของพวกเรา และเป็นลูกเขยของฉัน ลูกคิดว่าไง!”

“แม่…..แม่พูดแบบนั้นได้ยังไง?”

ผลินหน้าแดงไปถึงโคนหู เธอมองแม่ด้วยความตำหนิ อายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

“ลูกว่ายังไง เมื่อคืนพวกเราคุยกันมากมาย แม่เป็นแม่ของลูก ลูกคิดอะไรอยู่แม่รู้ทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่าลูกตกหลุมรักผู้ชายคนนี้แล้ว แม่พูดถูกไหมล่ะ?”

จินตรากล่าวอย่างไม่ยี่หระ ผลินกัดริมฝีปากและไม่กล่าวอะไร

“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าอายเลย ผู้ชายและผู้หญิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ควรจะต้องแต่งงาน จริงไหม? คุณรพี?” จินตรากล่าวถาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย หลังจากรักษาอาการป่วยของจินตราจนหายแล้ว ดูเหมือนเธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อเธอพูดขึ้นมาจึงไม่อ้อมค้อม แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าจินตราเป็นคนจริงใจ

“คุณป้า สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้อง”

คำพูดของรพีพงษ์ ทำให้ผลินรู้สึกประหลาดใจ

เธอคิดว่ารพีพงษ์จะปฏิเสธแม่ของเธอ และหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือรพีพงษ์เห็นด้วยกับมุมมองของแม่เธอ

“ผลิน ลูกเห็นไหม คุณรพีก็เห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าจัดการเรื่องใหญ่เสร็จแล้ว แม่จะหาฤทธิ์ดีจัดงานแต่งงานให้ลูกสองคน” จินตรากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ผลินรู้สึกเขินอาย ดูเหมือนว่าแม่อยากจะให้ตนเองแต่งงานจริง ๆ

“ช้าก่อน คุณป้า”

รพีพงษ์หยุดแม่ของจินตราไว้ แล้วกล่าวว่า “ที่ผมเห็นด้วยเมื่อสักครู่ นั้นหมายความว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูดเมื่อสักครู่”

“มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อผู้ชายและผู้หญิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ควรจะแต่งงาน มันถูกต้องตั้งแต่แรก เพียงแต่….…”

“อะไรนะ?” จินตราถามด้วยความสงสัย

“เพียงแต่ว่าผมรพีพงษ์ไม่มีวาสนานี้ หวังว่าผลินจะได้พบกับคนที่มีวาสนาในอนาคตต่อไป” รพีพงษ์กล่าว

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ผลินก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ

จินตรายิ่งงงเข้าไปใหญ่

“ผมแต่งงานแล้ว”

ขณะที่พูด รพีพงษ์ก็หยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

จินตราและผลินมองไปที่รูปถ่ายพร้อมกัน

เป็นรูปถ่ายที่ค่อนข้างเก่า ในภาพเป็นอารียาและหนูลินที่กำลังยิ้มอย่างสดใส

“นี่คือภรรยาและลูกสาวของผม” รพีพงษ์แนะนำ

“คุณรพี ภรรยาของคุณสวยมาก” ผลินกล่าวแล้วถอนหายใจ สายตาของเธอมีแววผิดหวัง

“พูดมาตั้งนาน ที่แท้คุณแต่งงานแล้ว เมื่อสักครู่ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจผิดไปเอง”

จินตรากล่าวอย่างผิดหวัง

รพีพงษ์เก็บรูปถ่ายด้วยความระมัดระวัง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณป้า ผลิน คุณสองคนเป็นเพื่อนคนแรกที่ผมพบในเมืองแฟรี่ หากพวกคุณมีเรื่องอะไรให้ช่วย ก็พูดออกมาได้เลย ผมรพีพงษ์จะต้องช่วยเหลือแน่นอน แต่ขออย่าให้ผมเป็นลูกเขยคุณเลย”

เมื่อเห็นดวงตาที่ขี้เล่นเล็กน้อยของรพีพงษ์ จินตรารู้สึกอายเล็กน้อย

“ถูกต้อง คุณรพีพูดถูก”

จินตรารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ค่อย ๆ กินนะ ฉันจะออกไปซื้อของ แล้วมาทำอาหารอร่อยให้พวกคุณกินตอนเที่ยง”

“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น อีกสักครู่ผมจะพาปัณฑาไปเที่ยวในเมือง และจะทานอาหารเที่ยงข้างนอก”

รพีพงษ์กล่าวปฏิเสธ

“เมื่อคืนฉันได้ยินผลินพูดว่า คุณได้ล่วงเกินตระกูลภูสรีดาวใช่ไหม? งั้นช่วงนี้ก็อย่าออกไปข้างนอกอยู่แต่ในบ้านก่อน รอให้เรื่องซาก่อน แล้วค่อยออกไป”

จินตรากล่าวต่อ “อีกอย่าง เมื่อคืนนี้คุณช่วยฉันไว้ และฉันทำอาหารอร่อยให้คุณทานมันก็เป็นเรื่องสมควร”

พูดจบ จินตราก็เดินออกไปทันที

ภายในบ้านเหลือเพียงรพีพงษ์ ผลิน ปัณฑาสามคนเท่านั้น

ปัณฑายังคงกินขนม ราวกับว่าไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น อารมณ์ของเธอยังอยู่กับการกินขนมอันวิจิตรงดงาม

บรรยากาศอึมครึมเล็กน้อย

“คุณรพี อย่าฟังคำพูดของแม่ฉัน แม่เป็นคนที่ชอบพูดจาเหลวไหล เธอทำเหมือนว่าฉันจะไม่ได้แต่งงาน” ผลินกล่าวทำลายความสงบ

รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ “วางใจเถอะ คุณป้าเป็นห่วงคุณมันก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ไม่รู้ว่าพ่อของคุณ?…….”

“พ่อของฉัน ได้เสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็ก”

เมื่อผลินกล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่คือเทวโลก ได้ยินญาณิดาเคยพูดว่า นักฝึกวิชาในเทวโลกนั้นมีชีวิตเป็นอมตะ

คิดว่าคนธรรมดาของที่นี่ก็น่าจะมีอายุยืนยาว แต่ทำไมพ่อของผลินถึงเสียชีวิตในวัยหนุ่มเช่นนี้?

“ขอละลาบละล้วงถามว่า พ่อของคุณตายไปตอนอายุเท่าไหร่” รพีพงษ์กล่าวถาม

“อายุไม่ถึงสี่สิบปี มีอะไรหรือเปล่า?” ผลินกล่าวถาม

รพีพงษ์ส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร แค่ถามเฉย ๆ คนตายแล้วไม่สามารถฟื้นคืนได้ คุณผลิน ผมหวังว่าคุณจะไม่คิดมาก”

“ค่ะ ฉันรู้ ฉันไม่ค่อยมีความประทับใจต่อพ่อเท่าไหร่ แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนกล้าหาญ เหมือนกับ……..เหมือนกับคุณรพี”

ผลินก้มศีรษะลงและกล่าวเบา ๆ แล้วหันกลับมาเก็บจานชาม

“ฉันทานอิ่มแล้ว!”

ปัณฑาลูบท้องของตนเอง และยิ้มด้วยความพึงพอใจ

บางครั้ง รพีพงษ์สงสัยว่าท้องของเด็กน้อยคนนี้ทำมาจากยางหรือเปล่า ทำไมถึงกินเยอะเช่นนี้!

“ไปเถอะ รพีพงษ์พวกเราไปเดินเล่นกันไหม?” ปัณฑากล่าว หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นและเตรียมตัวจะเดินออกไป

“ช้าก่อน”

รพีพงษ์เรียกปัณฑาเอาไว้ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ผมรู้สึกว่า สิ่งที่แม่ของผลินพูดเมื่อสักครู่นั้นมีเหตุผล พวกเรามาเมืองแฟรี่ในครั้งนี้ พวกเราต้องถ่อมตน และไม่ควรทำตัวเป็นจุดเด่นจนเกินไป”

“รพีพงษ์ คุณหมายความว่าอย่างไร!” ปัณฑากล่าว

“ตอนนี้ตระกูลภูสรีดาวจะต้องสืบหาที่อยู่ของพวกเราไปทั้งเมืองแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น วันนี้พวกเราจะไม่ออกไปข้างนอก” รพีพงษ์กล่าว

หลังจากที่ปัณฑาฟัง ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ปัณฑาเดินวนไปรอบ ๆ รพีพงษ์ และมองด้วยสายตาแปลก ๆ

“ทำไมคุณถึงได้มองผมเช่นนี้” รพีพงษ์กล่าวถาม

“รพีพงษ์ คุณเปลี่ยนไปแล้ว”

ปัณฑากล่าวเบา ๆ

“ผมเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปตรงไหน?” รพีพงษ์ถามอย่างขบขัน

“คุณเปลี่ยนเป็นคนขี้ขลาด รพีพงษ์ที่ฉันเคยรู้จักเป็นคนไม่ย่อท้อ แต่ตอนนี้คุณกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าออกไปไหน หลบอยู่แต่ในบ้านหลังนี้ หรือว่าคุณจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่แล้ว?”

ปัณฑากล่าวด้วยความโกรธ

สีหน้าของรพีพงษ์นิ่ง โชคดีที่ผลินไม่อยู่ที่นี่ หากเธอเห็นภาพนี้ เธอจะแปลกใจที่เด็กเย่อหยิ่งคนนี้กล้าตำหนิตนเอง

“ปัณฑา คุณคิดผิดแล้ว ผมก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ

“แล้วทำไมคุณถึง……..”

“ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่ออกไป เพียงแต่มันขึ้นอยู่กับโอกาส” รพีพงษ์กล่าว

“โอกาส?”

ปัณฑารู้สึกสับสนเล็กน้อย

“ถูกต้อง” รพีพงษ์เดินมาที่หน้าต่างแล้วมองดูทิวทัศน์ภายนอก

“ตอนกลางวันพวกเราจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ไม่ได้หมายความว่า ตอนกลางคืนพวกเราจะไม่ออกไป”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ปัณฑาก็เข้าใจทันที

“โอเค พวกเราจะไปสำรวจเมืองแฟรี่ในตอนกลางคืน!”

ปัณฑากล่าวอย่างตื่นเต้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท