พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1534 กูเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบ

บทที่ 1534 กูเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบ

แนวป้องกันที่ตนเองสร้างขึ้นเมื่อสักครู่ แม้แต่ระดับแดนเทพทั่วไปก็ไม่สามารถทะลวงได้

แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเดินเข้ามาอย่างสบาย ๆ แม้แต่ตอนที่เขาเดินเข้ามา รพีพงษ์ก็ไม่รู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานใด ๆ !

นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ดวงตาของรพีพงษ์เคร่งขรึมอย่างเลี่ยงไม่ได้

ถ้าเดาไม่ผิด ไอ้หมอนี้น่าจะเป็นยอดฝีมือระดับแดนบุณ!

“คุณชาย ในที่สุดคุณชายก็มา!”

หลังจากที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ พ่อบ้านเตชิตซึ่งนอนอยู่บนพื้นเหมือนจะเห็นญาติสนิท

เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่นั้นหายใจรวยริน แต่ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาเอาพลังมาจากไหน ถึงได้กล่าวเสียงดัง

ชายหนุ่มเหลือบมองรพีพงษ์อย่างช้า ๆ แล้วเดินไปหาพ่อบ้านเตชิต

“พ่อบ้านเตชิต คุณเป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มกล่าวเบา ๆ

“คุณชาย ถ้าคุณมาช้าไปหนึ่งก้าว คุณก็จะไม่เห็นผมแล้ว” พ่อบ้านเตชิตกล่าวพร้อมกับร้องไห้

“พักผ่อนก่อน”

ชายหนุ่มกล่าว แล้วยืดตัวตรงและมองฝั่งตรงข้าม

เมื่อเขาเห็นนักสู้หลายสิบคนนอนตายอยู่บนพื้น มุมปากของเขาก็สั่นโดยไม่ตั้งใจ

ชายหนุ่มคนนี้รู้ดีว่า คนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งแค่ไหน

คนคนเดียวสามารถฆ่าคนได้มากมายเช่นนี้ เห็นได้ว่าคนที่ลงมือนั้นโหดเหี้ยมเช่นกัน

“คุณเป็นคนฆ่าพวกเขาเหรอ?”

ชายหนุ่มมองไปที่รพีพงษ์แล้วกล่าวถาม

รพีพงษ์ยืนขึ้น พร้อมแววตาที่เปล่งประกาย

“ถูกต้อง ผมเป็นคนฆ่าพวกเขาทั้งหมด”

“ดีมาก” เมื่อชายหนุ่มได้ยินประโยคนี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างไร ตรงกันข้าม เขากลับเผยรอยยิ้มจาง ๆ

แต่รพีพงษ์ไม่กล้าที่จะละเลย เพราะเขารู้ดีว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนี้อาจเป็นกลิ่นอายการฆ่าที่รุนแรง!

“ผมไม่เคยเห็นคุณในเมืองแฟรี่มาก่อน ดูจากท่าทางของคุณ คุณยังหนุ่มมาก ไม่คิดว่าคุณจะเป็นนักฝึกวิชาเช่นกัน”

ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ผมชื่อบวรวิทย์ เป็นบุตรชายของตระกูลภูสรีดาว รบกวนถามว่าคุณชื่ออะไร”

“รพีพงษ์”

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือบุตรชายของตระกูลภูสรีดาวที่ครองอาณาเขตครึ่งหนึ่งของเมืองแฟรี่!

“คุณฆ่าคนรับใช้เหล่านี้ ผมก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพียงแต่พ่อบ้านเตชิตเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว ไม่รู้ว่าเขาล่วงเกินคุณอย่างไร หวังว่าคุณจะบอกผม”

บวรวิทย์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนมีเหตุผล และไม่ได้เข้ามาก็จะต่อสู้กับตนเองทันที

รพีพงษ์ชี้จินตราและผลินที่บาดเจ็บอยู่ด้านข้าง และกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คุณเห็นป้าคนนั้นไหม บาดแผลบนร่างกายของเธอล้วนเกิดจากพ่อบ้านเตชิต ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากเมื่อวานเขาได้ลวนลามผู้หญิงคนนี้เท่านั้น”

“อ้อ? ใช่หรือ?”

บวรวิทย์หรี่ตา แล้วหันกลับมาถามพ่อบ้านเตชิต

“สิ่งที่เขาพูด เป็นความจริงหรือเปล่า?”

พ่อบ้านเตชิตกัดริมฝีปาก ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “นี่……..ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่……..ไอ้หมอนี้ก็โหดเหี้ยมเกินไป”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้”

บวรวิทย์พยักหน้า มองไปที่รพีพงษ์และกล่าวว่า “ไม่คิดว่าพ่อบ้านเตชิตของตระกูลภูสรีดาวจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ พูดไปแล้วเรื่องนี้มันเป็นความผิดของเขาจริง”

“รู้แล้วก็ดี” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็พาพ่อบ้านเตชิตของคุณกลับไปเถอะ”

ที่ทำเช่นนี้ รพีพงษ์มีความคิดของตนเอง

ประการแรก ถึงแม้ว่าเมืองแฟรี่จะไม่ใหญ่มาก แต่คุณชายของตระกูลภูสรีดาวก็อยู่ในระดับแดนบุณแล้ว ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะน่ากลัวแค่ไหน?

ประการที่สอง หากตนเองต้องการที่จะฆ่าพ่อบ้านเตชิต ตนเองจะต้องต่อสู้กับบวรวิทย์ ตนเองก็ต้องใช้กำลังอย่างเต็มที่ เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง!

โชคดีที่ดูเหมือนว่าบวรวิทย์จะไม่ยโสโอหังเหมือนพ่อบ้านเตชิต แต่เป็นคนที่ค่อนข้างรู้ทันเหตุการณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ตนเองก็ให้เกียรติเขา อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักที่ตนเองมาที่เทวโลก มันก็ไม่ใช่ตระกูลภูสรีดาว

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็หันกลับมาและเตรียมตัวจะเดินจากไป

“ช้าก่อน!”

ทันใดนั้น บวรวิทย์ที่อยู่ข้างหลังก็หยุดรพีพงษ์เอาไว้

รพีพงษ์หันกลับไปมอง ยังคงมีรอยยิ้มเช่นนั้นอยู่ แต่ในรอยยิ้มนั้นรพีพงษ์รู้สึกถึงพลังที่เย็นยะเยือก!

“คุณยังมีธุระอะไรอีก?” รพีพงษ์ถามด้วยดวงตาที่เย็นชา

“รพีพงษ์ คุณคิดจะไปแบบนี้หรือ?” บวรวิทย์กล่าวเบา ๆ

“ไม่งั้นล่ะ?”

รพีพงษ์ตอบอย่างเย็นชา

“ฮ่า ๆ รพีพงษ์ คุณทำเรื่องเช่นนี้ คุณทำกับคนของตระกูลภูสรีดาวของผมเช่นนี้ แล้วคิดจะไปง่าย ๆหรือ? ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกน่ะ”

เสียงของบวรวิทย์เย็นชา หลังจากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ หายไป

“ถ้าวันนี้คุณไม่มา เขาคงจะตายไปแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้เขาเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง ยังมีข้อโต้แย้งเรื่องนี้อีกหรือ?” รพีพงษ์เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองไปที่อีกฝ่าย

“คนของตระกูลภูสรีดาว หรือถึงแม้จะเป็นสุนัขของตระกูลภูสรีดาว ถ้าทำผิด ผมจะเป็นคนสั่งสอนเอง คนนอกอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอน”

บวรวิทย์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้น วันนี้คุณต้องให้คำอธิบายแก่พ่อบ้านเตชิต”

“คำอธิบาย?”

รพีพงษ์กำหมัดทั้งสองไว้แน่น และพลังจิตวิญญาณในร่างกายของเขาก็ถูกปรับอีกครั้ง “คุณต้องการให้ผมอธิบายอย่างไร”

“ง่ายมาก คุณทำร้ายพ่อบ้านเตชิตจนเป็นแบบนี้ ผมก็จะทำร้ายคุณแบบนี้เช่นกัน” บวรวิทย์กล่าว

“แล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะ?”

“นั่นมันไม่ได้แล้วแต่คุณ!”

พูดจบ บวรวิทย์เขย่งปลายเท้า แล้วร่างกายของเขาก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ

หลังจากนั้น กลุ่มพลังจิตวิญญาณที่เยือกเย็นก็พุ่งไปที่รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว

ความเร็วที่ทำให้คนรู้สึกตะลึง!

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาแทบจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะโจมตีตนเอง

เสียงดังบูม!

ด้านหน้าของรพีพงษ์ มีหลุมลึกสามเมตร ในขณะเดียวกันร่างกายของรพีพงษ์ก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ถึงจะสามารถยืนอย่างมั่นคงได้

การโจมตีครั้งนี้ เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าพลังของบวรวิทย์อยู่เหนือกว่าตนเอง

ตนเองเป็นเพียงแดนบุณระดับต้น อย่างน้อยบวรวิทย์ก็อยู่ในระดับมากกว่าแดนดวงจิต!

“ไม่เลว สามารถสกัดกั้นการโจมตีครั้งนี้ของผมได้ แต่มันก็สิ้นสุดตรงนี้ คุณไม่มีชีวิตรอดจากมือของผมแน่นอน!”

รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนไว้แน่นด้วยท่าทางที่งามสง่า

ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่า ตอนที่อยู่บนโลกตนเองแข็งแกร่งกว่าใคร แต่เมื่ออยู่ในเทวโลกตนเองอ่อนแอและไม่สามารถต้านทานได้!

เขาเป็นเพียงลูกชายคนโตของตระกูลในเมืองเล็กอย่างเมืองแฟรี่ แต่ทำไมถึงได้มีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้

มันยากที่จะจินตราการว่า หากตนเองเผชิญกับนรเทพจริง ๆ ตนเองจะสามารถรับมันมือนรเทพได้หนึ่งกระบวนท่าหรือไม่!

แต่ตอนนี้ รพีพงษ์ไม่กล้าคิดมาก สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจะรับมือกับศัตรูที่ทรงพลังที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างไร!

“ถ้าเจอปัญหา จะนั่งรอความตายไม่ได้!”

รพีพงษ์คำราม ยกกระบี่สยบเซียน และพุ่งตรงไปทันที

ขณะนี้ข้างหลังเขา มีมังกรทองเก้าตัวอ้าปากกว้าง และลูกไฟขนาดใหญ่ที่ร้อนราวกับว่ามันสามารถละลายทุกอย่างได้!

มองดูการต่อสู้ในแนวป้องกัน ผลินและคนอื่น ๆ ก็แข็งทื่ออย่างสมบูรณ์!

ปัณฑาขมวดคิ้วจนแน่น ตอนนี้พลังของตนเองยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าเข้าไปช่วยตอนนี้ จะเป็นตัวถ่วงของรพีพงษ์เปล่า ๆ!

“แค่นี่เองหรือ รพีพงษ์ แม้ว่าคุณจะเป็นนักฝึกวิชา แต่คุณก็อ่อนแอจริง ๆ!”

“ผมอยู่ในระดับแดนบุณระดับต้นแล้ว คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม!”

บวรวิทย์กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง

“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ไปตายซะ!”

รพีพงษ์กระโดดขึ้นสูง และใช้กระบี่สยบเซียนฟันลงไป

กระบี่สยบเซียนไม่ใช่ของธรรมดา ตอนนี้มันได้รวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณอันทรงพลังกับพลังทิพย์ของรพีพงษ์แล้ว และเปล่งประกายสีทอง!

ในขณะเดียวกัน ลูกบอลไฟของมังกรทองเก้าตัวก็พุ่งออกมาทันที!

นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของรพีพงษ์!

แต่ทันใดนั้น ก็มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นแวบหนึ่งต่อหน้ารพีพงษ์ หลังจากเห็นรอยยิ้มสุดท้ายของบวรวิทย์ และได้ยินเสียงตะโกนสุดท้ายของผลิน รพีพงษ์ก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย………

“ผมอยู่ที่ไหน……”

รพีพงษ์ลืมตาขึ้น รอบ ๆ เป็นพื้นที่สีขาวกว้างใหญ่ และอากาศที่หนาวเย็นทำให้รพีพงษ์ซุกเข้าไปในเสื้อโดยไม่ตั้งใจ

“หรือว่าที่นี่จะเป็นดินแดนเย็นสะท้าน?”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วจนแน่น ตอนนี้กระบี่สยบเซียนในมือไม่ส่องประกาย และมังกรทองเก้าตัวได้หายไปแล้ว

ปัณฑา ปัณฑา! คุณอยู่ที่ไหน?”

รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง

แต่ในถิ่นทุรกันดารที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ไม่มีแม้แต่ลมหายใจของมนุษย์เลย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

รพีพงษ์กำหมัดทั้งสองไว้แน่น วินาทีก่อน ตนเองยังต่อสู้อยู่กับบวรวิทย์เลย แต่วินาทีนี้ ทำไมตนเองถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้!

“ระดับแดนบุณ สามารถสร้างโลกได้ นี่มันวิเศษมากกว่าการเคลื่อนภูเขาและแม่น้ำ!”

จู่ ๆ คำพูดของญาณิดาก็ปรากฏขึ้นอยู่ในสมองของรพีพงษ์

รพีพงษ์มองพื้นที่สีขาวรอบ ๆ ตนเอง และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “แม่งฉิบหาย ผมเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบแล้ว! ”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้รพีพงษ์รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ระดับของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าตนเองจริง ๆ สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์ถูกควบคุมโดยอีกฝ่ายเกือบจะในทันที จึงก้าวเข้าสู่โลกที่บวรวิทย์สร้างขึ้น

และในโลกใบนี้ เป็นแดนน้ำแข็ง!

เมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว รพีพงษ์ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

เขารู้ว่า ถ้าตนเองไม่คิดวิธีแก้ปัญหา เขาอาจจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต และจะต้องอดตายหรือไม่ก็แข็งตาย

“ไม่ได้ ผมต้องรีบหาวิธี!”

รพีพงษ์คิดขณะที่กำลังวิ่ง

ประการแรก มันสามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นและต้านทานอุณหภูมิที่หนาวเย็น ประการที่สองรพีพงษ์รู้ว่ายอดฝีมือระดับแดนบุณยังมีระดับแบ่งแยก เมื่อเป็นเช่นนั้น โลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาก็จะมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน

เมื่อเป็นเช่นนั้น บวรวิทย์ที่อยู่ในระดับแดนบุณระดับต้น โลกที่เขาสร้างขึ้นไม่น่าจะใหญ่มาก มันจะต้องมีขอบโลก

ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังแครก!

หลังจากนั้น มีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนน้ำแข็งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของรพีพงษ์

รอยร้าวนั้นยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และบนพื้นทั้งหมดดูเหมือนจะแตกออก

รพีพงษ์รีบเขย่งปลายเท้า แล้วเดินที่ด้านข้าง เขาไม่กล้าที่จะละเลย เมื่อก้มลงไปมองในส่วนลึกของรอยแตกร้าว สิ่งที่ไหลอยู่ในส่วนลึกของรอยแตกร้าวนั้นไม่ใช่น้ำ แต่เป็นของหลอมเหลวที่ร้อนเป็นอย่างมาก!

“บัดซบ!”

รพีพงษ์ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย นี่คือโลกที่บวรวิทย์สร้างขึ้น และทั้งหมดนั้นเป็นไปตามความคิดของบวรวิทย์

ยอดฝีมือระดับแดนบุณ สามารถสร้างได้ทั้งสวรรค์และนรก

และสิ่งที่บวรวิทย์เตรียมไว้สำหรับรพีพงษ์ก็คือนรกทะเลเพลิงและน้ำแข็ง!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท