พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1535 พาเขาออกไป

บทที่ 1535 พาเขาออกไป

เมื่อเห็นรอยแตกบนพื้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ รพีพงษ์ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาในเวลานี้

ก่อนที่ตนเองจะวิ่งไปถึงสุดขอบโลก เกรงว่าตนเองคงจะถูกทะเลเพลิงฝังไปแล้ว!

ทันใดนั้น พื้นผิวน้ำแข็งใต้เท้าของรพีพงษ์ก็แตกออก และด้านหน้าของรพีพงษ์นั้นมีรอยแตกห้ารอยขนาดใหญ่แตกอย่างรวดเร็วมาในทิศทางของตนเอง

ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว!

“ตนเองจะตายจริง ๆ แล้วหรือ?”

รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ

ตนเองเพิ่งมาถึงเทวโลก และยังไม่รู้จุดประสงค์ที่ของนรเทพมาป่าหมอก ทำไมเขาจึงสร้างตราไว้บนแขนของลูกสาวตนเอง แต่ตอนนี้ตนเองกำลังจะถูกฝังอยู่ที่นี่?

อารียาและหนูลินยังคงรอการกลับมาของตนเองอยู่ที่สำนักเทพยาเซียน

การรอคอยเช่นนี้ อารียาได้รอหลายครั้งแล้ว แต่เกือบทุกครั้งรพีพงษ์สามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัย!

แต่คราวนี้ รพีพงษ์รู้สึกไร้พละกำลัง

แม้แต่ตนเองก็สามารถรับรู้ได้ว่า ตอนนี้มัจจุราชกำลังนำตนเองไปสู่ความตาย!

ถ้าร่างกายตกลงไปในหินหนืดที่หายนะนี้ ไม่มีทางรอดแน่นอน

“อารียา หนูลิน ผม……ทำให้พวกคุณผิดหวัง”

รพีพงษ์หลับตาลง

เดิมตนเองคิดว่าการพาอารียาและหนูลินเข้าไปฝึกในป่าหมอก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องวิตกกังวล และสามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนเองจินตนาการทั้งหมดนั้นช่างสวยงาม

แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย และการลงมือของผู้คนในเทวโลก ทำให้รพีพงษ์ตกสู่ไปในขุมนรก

……

ณ.ประตูของบ้านจินตรา

แนวป้องกันที่รพีพงษ์สร้างขึ้นก่อนหน้านั้นได้หายไปแล้ว

ร่างกายของรพีพงษ์ล้มลงและนอนอยู่บนพื้นอยู่ตรงหน้าบวรวิทย์

ดวงตาของเขาปิดสนิท ดูเหมือนว่าเขากำลังหลับอยู่

“รพีพงษ์!”

ปัณฑาตะโกนเสียงดัง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ!

“คุณรพี!”

ผลินน้ำตาคลอเบ้า จินตรารู้สึกว่าเธอติดค้างชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก

“ฮึ่ม”

บวรวิทย์ฮึ่มอย่างเย็นชา จากนั้นมองไปที่พ่อบ้านเตชิต “คนคนนี้ตายไปแล้ว พ่อบ้านเตชิต คุณน่าจะพอใจแล้วใช่ไหม”

“พอใจครับ พอใจครับ”

พ่อบ้านเตชิต ยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณ คุณชายที่ช่วยชีวิตผม จากนี้ไปผมเตชิตขอสาบานว่าจะรับใช้ตระกูลภูสรีดาวไปจนวันตาย”

มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของบวรวิทย์ จากนั้นเขาก็มองไปที่ผลินและคนอื่น ๆที่อยู่ด้านข้าง

“คุณทำอะไรรพีพงษ์?”

ปัณฑาวิ่งเข้าไปและยืนอยู่ตรงหน้าบวรวิทย์

เมื่อมองเด็กเล็กนี้ บวรวิทย์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัณฑา

“เด็กน้อย ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกของบ้านไหน คุณกลับบ้านไปหาผู้ใหญ่เถอะ” บวรวิทย์กล่าวอย่างเย็นชา

“ไอ้เด็กเปรต กล้าพูดว่าฉันเป็นเด็ก!” ปัณฑากล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา แล้วลงมือทันที

พลังจิตวิญญาณประกายแวบ และโจมตีไปที่บวรวิทย์ทันที

เนื่องจากบวรวิทย์ไม่ได้ระมัดระวังกับเด็กอย่างปัณฑา เมื่อปัณฑาจู่โจมอย่างกะทันหัน ทำให้บวรวิทย์รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เสียงดังบูม

พลังจิตวิญญาณกระแทกไปที่ร่างกายของบวรวิทย์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้บวรวิทย์ได้รับบาดเจ็บใด ๆ

ถึงแม้ว่าบวรวิทย์จะไม่ได้เตรียมตัว แต่การโจมตีของปัณฑาสำหรับบวรวิทย์แล้ว มันก็เหมือนกับอาการคัน และพริบตาเดียวตนเองก็สามารถสร้างเกราะป้องกันต้านการโจมตีของปัณฑาได้อย่างง่ายดาย

“ดูไม่ออกเลยว่าเด็กอย่างคุณจะมีวรยุทธด้วย” บวรวิทย์ขมวดคิ้วและมองไปที่ปัณฑา

“อย่ามาเรียกฉันว่าเด็ก!”

ปัณฑาโกรธจนหน้าแดงก่ำ “คุณทำอะไรรพีพงษ์!”

“ทำไม เรื่องราวยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? ไอ้หมอนี้ตายไปแล้ว”

บวรวิทย์พูดแล้วมองไปที่รพีพงษ์ซึ่งนอนนิ่งอยู่บนพื้นและเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง

“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันก็น่าเสียดาย ไอ้หนูนี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม แล้วยังเป็นนักฝึกวิชา แต่เมื่อเทียบกับผมแล้ว พรสวรรค์ของเขาถือได้ว่าแค่ทั่วไปเท่านั้น”

บวรวิทย์กล่าวเบา ๆ

แม้ว่าจะเป็นแดนบุณระดับต้นเหมือนกัน แต่ระดับของบวรวิทย์ก็ยังสูงกว่ารพีพงษ์

หลังจากที่มาถึงระดับแดนบุณแล้ว การทะลวงแต่ละครั้ง อาจใช้เวลาหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี!

“อย่าหยิ่งผยองเกินไป!” ปัณฑากล่าวอย่างเย็นชา พร้อมสายตาที่ดูถูก

“คุณกล้าเปรียบเทียบพรสวรรค์กับรพีพงษ์หรือ ในความคิดของฉัน ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถเทียบพรสวรรค์กับเขาได้!” ปัณฑากล่าวอย่างเย็นชาและเป็นเดือดเป็นร้อนแทนรพีพงษ์

“ฮึ่ม ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว เด็กอย่างคุณจะเข้าใจสิ่งพวกนี้ได้อย่างไร?” บวรวิทย์กล่าวอย่างขุ่นเคือง

บวรวิทย์ที่อายุยังน้อยก็สามารถบรรลุถึงแดนบุณระดับต้นแล้ว พรสวรรค์ของเขาประจักษ์ไปทั่วเมืองแฟรี่ และแม้แต่ทั้งเทวโลกนั้นมีคนจำนวนไม่มากที่มีพรสวรรค์เหมือนบวรวิทย์!

ดังนั้น พรสวรรค์นี้เป็นสิ่งที่ทำให้บวรวิทย์และแม้แต่ตระกูลภูสรีดาวรู้สึกภาคภูมิใจเสมอมา วันนี้ได้ยินมีคนกล่าวว่าพรสวรรค์ของตนเองสู้คนที่ถูกตนเองฆ่าตายไม่ได้ ทำให้บวรวิทย์ไม่อาจยอมรับได้

“สิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็นความจริง”

ปัณฑากล่าวอย่างเย็นชา “ฉันมีชีวิตอยู่พันปีแล้ว ในแง่ของพรสวรรค์ ไม่มีใครสามารถเทียบรพีพงษ์ได้!”

“คุณมีชีวิตอยู่มานับพันปีแล้วหรือ?”

บวรวิทย์ขมวดคิ้ว และมองไปที่ปัณฑาด้วยแววตาที่สงสัย

“หรือว่าคุณไม่เชื่อ?”

ปัณฑากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลังไหลเวียนแล้วร่างกายก็เปลี่ยนไป

รูม่านตาของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว แล้วก็มีแสงสีฟ้าจาง ๆ ล้อมรอบตัวเธอเอาไว้

“คุณเป็นภูตโบราณ!” บวรวิทย์กล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง” ปัณฑากล่าวอย่างเคร่งขรึม พร้อมมีแววสังหารประกายผ่านดวงตา

ตอนนั้นเองที่ผลินและจินตราถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมปัณฑาจึงเกลียดคนอื่นเรียกเธอว่าเด็ก

ที่แท้“เด็ก” คนนี้มีชีวิตอยู่นับพันปีแล้ว!

“คุณคิดว่าตนเองเก่งมากใช่ไหม? ฉันจะบอกคุณ พรสวรรค์ของรพีพงษ์เหนือกว่าคุณอย่างแน่นอน!” ปัณฑากล่าว

“ฮึ่ม เป็นแค่ภูตโบราณ คุณจะไปรู้อะไร!” บวรวิทย์กล่าวอย่างดูถูก “เขาถูกผมฆ่าตายแล้ว และระดับของเขาก็ไม่สูงเท่าผม นี่คือเรื่องจริง คุณยังจะดื้อรั้นทำไม”

“แล้วถ้า……สถานที่ที่รพีพงษ์ฝึกวิชานั้น เลวร้ายกว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็นพันเท่าล่ะ?”

ปัณฑากล่าวอย่างเย็นชา

“เลวร้ายกว่าเป็นพันเท่า?”

“ถูกต้อง สถานที่ที่รพีพงษ์เติบโตนั้นไม่เหมือนเทวโลก มีพลังทิพย์ที่อุดมสมบูรณ์ และมีวิชาลับให้เขาฝึกฝนมากมาย อย่างไรก็ตาม เขาอาศัยพรสวรรค์และความอุตสาหะของตนเอง จนกลายเป็นระดับเช่นปัจจุบัน คุณคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นคุณ คุณสามารถทำได้หรือ?” ปัณฑากล่าวอย่างราบเรียบ

“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”

บวรวิทย์กล่าว

เขาถือว่าตนเองมีพรสวรรค์เป็นอันดับหนึ่งในเมืองแฟรี่มาโดยตลอด และไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่มีพรสวรรค์ในการฝึกเหนือกว่าตนเอง

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ปัณฑาพูดจริง ผู้ชายที่นอนอยู่บนพื้นคนนี้ อาศัยตนเองฝึกฝนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย จนกลายเป็นนักฝึกวิชา พรสวรรค์เช่นนี้ มันช่างน่ากลัวจริง ๆ!

ปัณฑาเดินไปหารพีพงษ์ที่นอนอยู่บนพื้นทีละก้าว

“คุณกำลังจะทำอะไร!”

บวรวิทย์กล่าวอย่างเย็นชา

“เดิมเขาก็ไม่ใช่คนของเทวโลก ฉันจะพาเขาไปจากที่นี่”

ปัณฑากล่าวเบา ๆ

น้ำตาของเธอคลอเบ้า ไม่คิดว่าน้ำตาของภูตโบราณจะมีสีสัน

ถ้าหากรพีพงษ์ไม่ได้พบตนเองในป่าหมอก เขาคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ สีหน้าของปัณฑาก็โศกเศร้า

“คิดจะไป คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ?”

บวรวิทย์กล่าว และหัวเราะเยาะเย้ย

จากนั้นบวรวิทย์ก็สะบัดนิ้ว พายุหมุนก็พุ่งออกไปทันที

ปัณฑาก็กระโดดหลบไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

“เมื่อก่อนผมเคยเห็นในหนังสือโบราณ เมื่อหมื่นปีก่อนภูตโบราณอย่างพวกคุณก็เป็นคนของเทวโลก แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกคุณทั้งหมดถึงได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่คิดว่าวันนี้ผมจะได้พบภูตโบราณที่นี่” บวรวิทย์กล่าว

“ทำไมภูตโบราณถึงไม่สามารถอยู่ในเทวโลกได้ เรื่องนี้คุณต้องไปถามคนของเทวโลกเอง!”

รัศมีสังหารก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของปัณฑา และรูม่านตาสีเขียวก่อนหน้านั้นได้กลายเป็นสีแดงเลือด

“ไม่ว่าจะยังไง ในเมื่อถูกเทวโลกขับไล่ นั้นก็หมายความว่าพวกภูตโบราณไม่ใช่คนดี เมื่อเป็นเช่นนี้วันนี้คุณจงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ซะ”

หลังจากนั้นบวรวิทย์เขย่งปลายเท้า และเหวี่ยงทวนยาวสีทองที่อยู่ในมือไปที่ปัณฑาทันที

“คุณชายองอาจสง่าผ่าเผย!”

พ่อบ้านเตชิตเชียร์อยู่ด้านข้าง

ทุกที่ที่ทวนผ่าน เกิดรัศมีอันทรงพลังทำลายทุกอย่างจนเป็นเศษซากแล้วตกอยู่บนพื้น

ปัณฑากระโดดอย่างคล่องแคล่วว่องไวออกไปไกลกว่าสิบเมตร

“คล่องแคล่วว่องไวนี่ แต่ไม่รู้ว่าจะเร็วกว่าพลังจิตวิญญาณของผมหรือไม่?”

บวรวิทย์กล่าวแล้วยิ้มอย่างดูถูก

แล้วก็ใช้พลังจิตวิญญาณโจมตีปัณฑาทันที

เมื่อปัณฑาเห็นเช่นนี้ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แล้วเธอก็กระโดดขึ้นอีกครั้ง ถึงสามารถหลบเลี่ยงได้

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ปัณฑาจะมีเวลาพัก พลังจิตวิญญาณระลอกที่สองก็โจมตีอีกครั้ง

เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ หลังจากถูกพลังจิตวิญญาณโจมตีไปหลายครั้ง ปัณฑารู้สึกว่าพลังในร่างกายเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ

“คุณนี่มันช่างเลวทรามต่ำช้ามาก!”

ปัณฑาด่าด้วยความเคียดแค้น

เธอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของบวรวิทย์ มันเป็นรอยยิ้มที่ตื่นเต้น รอยยิ้มที่กุมชีวิตความเป็นความตายของผู้อื่นไว้ในมือตนเอง!

“วางใจเถอะ ผมจะไม่ยอมให้คุณตายเร็วขนาดนี้หรอก ผมจะทรมานคุณอย่างช้า ๆ มันสนุกกว่าการฆ่าคุณด้วยกระบวนท่าเดียวเสียอีก!”

บวรวิทย์กล่าว

พลังจิตถูกปล่อยออกมาอย่างลับๆ และแนวป้องกันก็โอบล้อมทุกคนให้อยู่ในนั้นทันที

หลังจากนั้น พลังจิตวิญญาณที่คุ้นเคยก็ถูกปล่อยออกมา และพลังจิตวิญญาณทุกระลอกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ปัณฑาสามารถต้านทานได้ในขณะนี้

“บัดซบ ถ้าเป็นฉันเมื่อพันปีที่แล้ว คุณนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน!”

ปัณฑากล่าวอย่างเย็นชา

สองนาทีต่อมา

ปัณฑาหายใจหอบ เสื้อผ้าบนร่างกายก็ขาดเกือบหมด

ขาทั้งคู่ของเธอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยตะกั่ว เคยเป็นภูตโบราณที่คล่องแคล่วว่องไว แต่ตอนนี้ไม่สามารถก้าวไปได้แม้แต่ก้าวเดียว

“เอาล่ะ ผมสนุกพอแล้ว”

บวรวิทย์กล่าวอย่างแผ่วเบา ในสายตาของเขา ใครก็ตามที่แข็งแกร่งไม่เท่าตนเอง ชีวิตของคนพวกนั้นก็เหมือนวัชพืช และตนเองสามารถฆ่าได้ตลอดเวลา

“ตายเสียเถอะ”

บวรวิทย์กล่าว

หลังจากนั้นบวรวิทย์ก็สะบัดมือ พลังจิตวิญญาณก็ถูกปล่อยออกมา

คราวนี้ ปัณฑาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป

ผลินและจินตรามองดูภาพโหดร้ายที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าปัณฑาจะมีชีวิตอยู่มานับพันปี แต่เธอก็ยังดูเหมือนเด็ก

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกใจสลายและไร้กำลังที่จะช่วยเหลือได้

ปัณฑามองรพีพงษ์ที่นอนแนบนิ่งอยู่ตรงหน้า แล้วรอยยิ้มที่ขมขื่นก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ

เธอค่อย ๆ หลับตาลง ภูตโบราณที่ดูเหมือนเด็ก แต่ตอนนี้เหมือนผู้ใหญ่ที่รอจังหวะสุดท้ายของชีวิตที่กำลังจะมาถึง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน