พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1550 สัตว์ขี่ของนรเทพ

บทที่ 1550 สัตว์ขี่ของนรเทพ

บวรวิทย์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “หรือว่านรเทพกำลังจะมาจริง?”

เขามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ ทำไมรพีพงษ์ถึงรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของนรเทพ

ในสายตาของเขานั้น รพีพงษ์เป็นคนที่โลกทัศน์แคบ เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักนรเทพ

นรเทพนั้นขึ้นชื่อเรื่องการฆ่าคนอย่างเลือดเย็น และอาศัยดูดวิญญาณของคนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถบดขยี้ใครก็ได้ในเมืองแฟรี่แห่งนี้

รพีพงษ์มองไปที่มังกรดำตามสัญชาตญาณ เขารู้สถานะของตนเองดี ถึงแม้ว่าจะเขาจะสามารถมาที่เทวโลกได้ แต่เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่เพียงพอที่จะทำให้นรเทพต้องกังวล

มันต้องเกี่ยวอะไรกับมังกรดำแน่ ๆ ถ้าไม่ออกจากที่นี่โดยเร็ว แล้วนรเทพเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับมังกรดำมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งคู่ เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถออกจากที่นี่ได้ คราวก่อนก็เกือบจะตายอยู่ภายใต้น้ำมือของนรเทพแล้ว คราวนี้จะไม่ยอมให้ทับซ้ำรอยเดิม

เมื่อความสามารถของตนเองยังด้อย จึงทำได้แค่เพียงพยายามฝึกฝน และรอจนกว่าตนเองจะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้จริง ๆ ถึงจะสามารถต่อสู้กับศัตรูซึ่งหน้าได้

บวรวิทย์และรพีพงษ์เดินทางไปเมืองแฟรี่อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรวมตัวกับเทวเทพ และคนอื่น ๆ

ขณะนี้ รพีพงษ์ได้ปล่อยผลินออกมาจากโลกที่ตนเองสร้างไว้ และเดินทางไปพร้อมกับพวกเขา

เทวเทพถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนเองปลอดภัย

นรเทพเคยผ่านการต่อสู้ที่ใหญ่มาก่อน ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก นราธิปขมวดคิ้วแน่น และถามรพีพงษ์ว่า “พวกคุณฆ่ามังกรดำตัวนั้นใช่ไหม?”

“ถ้าไม่ฆ่ามังกรตัวนั้น เกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ท่านผู้อาวุโส ระหว่างนรเทพกับมังกรดำตัวนั้นมีความสัมพันธ์พิเศษหรือ?”

“เท่าที่ผมรู้ นั่นเป็นสัตว์ขี่ของเขา และมันไม่ง่ายที่จะฟื้นจากการหลับใหล แต่มันกลับถูกพวกคุณสองคนฆ่า เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่แก้ไขยาก”

สีหน้าของนราธิปเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าทำอะไรดี แม้ว่าจะคุยกันด้วยเหตุผลซึ่งหน้า แต่พวกเขาก็เป็นฝ่ายที่ผิด

ทันทีที่เงานั้นปกคลุมผู้คนอยู่ที่นี่ทั้งหมด นราธิปให้ทุกคนกลับไปที่เมืองแฟรี่โดยเร็วที่สุด ตอนนี้นรเทพอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติทำให้เขายังไม่กล้าฆ่าผู้บริสุทธิ์ ขอแค่นรเทพตามหาพวกเขาไม่เจอ พวกเขาก็จะปลอดภัยชั่วคราว

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ทำให้รพีพงษ์รู้สึกมึนงง ยังมีคนที่นรเทพเกรงกลัวด้วยหรือ?

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการหนี ออกไปจากที่นี่ นราธิปขอให้รพีพงษ์และบวรวิทย์ไปอยู่กับเขาที่ภูเขาสองกระบี่ ถ้านรเทพต้องการแก้แค้น และต้องการจะตามหาพวกเขาสองคน สถานที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือเมืองนี้

ถ้าหากพวกเขาสองคนอยู่ที่เมืองแฟรี่ จะทำให้ประชาชนที่อยู่รอบ ๆ เดือดร้อน ถ้าไปที่ภูเขาสองกระบี่ เนื่องจากที่นั่นไม่มีคนอาศัยอยู่ จะต่อสู้แก้แค้นกันอย่างไร มันก็เป็นเรื่องระหว่างสามคนเท่านั้น

พวกเขาไปที่บ้านของตระกูลภูสรีดาวก่อน เทวเทพกล่าวกับและนราธิปว่า “คุณธิป นรเทพไม่ใช่คนที่แหย่ได้ง่าย ๆ ถ้าไม่ถึงที่สุดก็อย่าเผชิญหน้ากับเขา ตอนนี้ชีวิตของเด็กสองคนนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”

เทวเทพรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ก่อนจะมาเขายังคงคิดวิธีที่จะจัดการรพีพงษ์ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของรพีพงษ์และบวรวิทย์สองคนนี้แล้ว และรู้ว่าพวกเขาสองคนผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ตอนนี้ก็มีศัตรูคนเดียวกันนั้นก็คือนรเทพ ดังนั้นจะไม่มีความขัดแย้งชั่วคราว

“คุณเทวเทพ โปรดวางใจเถอะ ตราบใดที่ผมยังอยู่ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของพวกเขา”

และปัณฑากระซิบข้างหูของรพีพงษ์ “ถ้าพบศัตรู การฆ่าเขาคือเป้าหมายของพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้”

รพีพงษ์ไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก สำหรับเขามันเป็นสิ่งที่ดี การเลื่อนระดับแต่ละครั้งก็อยู่ในช่วงอันตราย และนรเทพอาจเป็นคนที่สามารถกระตุ้นตนเองได้

“สำหรับผมได้ทั้งนั้น แต่ถ้าวันหนึ่งผมตายด้วยน้ำมือของนรเทพจริง ๆ คุณก็อย่าอยู่ที่นี่อีก กลับไปที่ป่าหมอก ที่นั่นเป็นบ้านของคุณ ไปใช้ชีวิตธรรมดา อย่าให้ผมต้องทำให้คุณเดือดร้อน”

ปัณฑาต่อยรพีพงษ์ด้วยความโมโห แล้วบอกว่าตอนนี้นรเทพยังไม่มา เขาก็คิดทางหนีทีไล่ไว้แล้ว แล้วอย่างนี้จะช่วยลูกสาวตนเองได้อย่างไร เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ จะต้องสู้กับนรเทพให้ถึงที่สุด

รพีพงษ์แค่รู้สึกว่าถ้าเรื่องของตนเองนั้นทำให้คนอื่นเดือดร้อน มันจะเป็นสิ่งที่แย่

เจ้าเด็กน้อยคนนี้ติดตามตนเองตลอด ดังนั้นตนเองไม่สามารถปล่อยให้เธอได้รบบาดเจ็บใด ๆ

สิ่งที่ปัณฑาพูดคือสิ่งที่เขาต้องการจะทำ แต่เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนจะสามารถบรรลุสิ่งนี้ได้

รพีพงษ์ส่งผลินกลับไปที่บ้าน ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ พ่อบ้านก็ยังไม่กล้าทำอะไรผลิน หลังจากส่งผลินเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไปที่ภูเขาสองกระบี่พร้อมกัน

ในห้องโถง มองดูบวรวิทย์ที่กำลังครุ่นคิดและสีหน้าที่กลัดกลุ้ม รพีพงษ์อดไม่ได้จึงถามว่า “การฆ่ามังกรตัวนั้น ทำให้ตอนนี้นำความหายนะมาสู่ตนเอง คุณเสียใจไหม?”

บวรวิทย์เป็นคนที่เปิดเผย สถานการณ์ตอนนั้นถ้าคุณไม่ตายผมก็ตาย หลังจากฆ่ามังกรตัวนั้นแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะถูกนรเทพฆ่าตาย แต่เวลาที่มีชีวิตอยู่ในช่วงนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

“ไม่ว่าจะยังไง สรุปแล้วตอนนี้ผมจะไม่ฆ่าคนแล้ว ถ้าคุณตายไปแล้ว โอกาสที่ผมจะถูกนรเทพฆ่านั้นเป็นไปได้มาก”

นราธิปไม่ได้บอกอะไรพวกเขามากมาย แต่บอกพวกเขาว่ามีสัตว์เซียนหลายสิบตัวอยู่ที่หลังเขา ซึ่งสัตว์เซียนทั้งหมดนั้นหลงเหลือมาจากสมัยโบราณ

เพื่อไม่ให้พวกมันทำอันตรายต่อมนุษย์ เขาจึงได้ขังสัตว์เซียนเหล่านั้นไว้ที่นั่นเป็นพิเศษ ตอนนี้จะให้พวกเขาไปปล่อยสัตว์เซียนพวกนั้นออกมา

“อาจารย์ ท่านหมายความว่าอย่างไร? พวกเราไม่สามารถควบคุมสัตว์เซียนเหล่านั้นได้ ถ้าปล่อยพวกมันออกมา จะไม่เป็นการปล่อยให้พวกมันไปทำร้ายผู้คนหรอกเหรอ?”

“พวกเจ้าทั้งสองคนมีผลการฝึกตนพอ ๆ กัน และยังไม่สามารถทะลวงได้สักที ต้องอาศัยอันตรายเท่านั้นที่จะทำให้พวกคุณสามารถทะลวงได้ ไม่ช้านรเทพก็จะมาที่นี่ ถ้าหากช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ไม่สามารถทะลวงจากแดนบุณระดับต้นไปแดนบุณระดับกลางได้ โอกาสรอดของพวกคุณก็จะน้อยลง

ก่อนหน้านั้นตอนที่รพีพงษ์ฝึกได้ทะลวงไปถึงแดนบุณระดับต้นแล้ว ส่วนบวรวิทย์นั้นเหลือแค่ก้าวเดียวก็จะสามารถไปถึงแดนบุณระดับกลาง อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างระดับต้นและระดับกลางดูเหมือนจะเป็นแค่คำเดียว แต่ความเป็นจริงนั้นแตกต่างราวฟ้ากับเหว การพูดนั้นง่ายแต่ทำนั้นยาก?

“หรือว่าแม้แต่อาจารย์ก็ไม่มีความมั่นใจ?”

ขณะที่บวรวิทย์กล่าวนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นราธิปเหลือบมองบวรวิทย์ จากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์ รู้สึกว่าศิษย์ของตนเองนั้นเป็นคนไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จหมดทางเยียวยา

แต่ตอนนี้ตนเองไม่สามารถทำลายความกระตือรือร้นของเขาได้

“เรื่องของพวกคุณนั้นพวกคุณก็ต้องเป็นคนแก้ไขเอง อาจารย์ไม่สามารถอยู่เคียงข้างคุณได้ตลอดชีวิต เมื่อคุณตกอยู่ในอันตราย ถ้าคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ งั้นคุณก็จะตายด้วยมือของคนอื่น ความเพียรพยายามของอาจารย์ก็สูญเปล่า ที่อาจารย์สอนเทคนิคการฝึกเหล่านี้ให้แก่คุณ ไม่ใช่เพื่อให้คุณอยู่ในที่เล็ก ๆ แห่งนี้ไปตลอดชีวิต”

นราธิปกล่าวในสิ่งที่ตนเองคิด ทำให้ในใจของบวรวิทย์เกิดความรู้สึกอบอุ่น ก่อนหน้านั้นตนเองเคยคิดว่าอาจารย์ลำเอียง แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ นราธิปยังคงตั้งความหวังในตนเองไว้สูง

ก่อนหน้านั้นไม่รู้จักระลึกถึงพระคุณของอาจารย์ เป็นสิ่งที่ผิดมหันต์

“อาจารย์ ก่อนหน้านั้นผมไม่รู้ความ หวังว่าท่านอาจารย์จะโปรดให้อภัย หลังจากผ่านความเป็นความตายครั้งนี้แล้ว ผมรู้ว่าอาจารย์นั้นไม่ง่าย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปผมจะตั้งใจฝึกฝนแน่นอน และจะไม่ทำให้อาจารย์ต้องเป็นห่วง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท