พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1539 ยอดฝีมือในเทวโลก

บทที่ 1539 ยอดฝีมือในเทวโลก

ภูเขาสองกระบี่เป็นสถานที่ค่อนข้างดี ถ้าเทียบทุกแห่งในเทวโลกกับโลกมนุษย์นั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

บางครั้งรพีพงษ์ก็สงสัยว่า ถ้าตนเองอยู่ในเทวโลกตั้งแต่เกิด เขาจะแข็งแกร่งกว่าตอนนี้หรือไม่?

เมื่อมาถึงเทวโลกแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็จะต้องระมัดระวังอยู่เสมอ

ตอนนี้ความสามารถของนรเทพสำหรับรพีพงษ์แล้ว ได้แต่หวังแต่อยู่ไกลเกินเอื้อม

ก่อนหน้านั้นหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ทรงอานุภาพ ตนเองคงตายไปแล้ว ตนเองเพิ่งเริ่มก้าวสู่หนทางการฝึกเซียน และไม่อยากละทิ้งโอกาสนี้ไปง่าย

ภรรยาและลูกสาวกำลังรอตนเองอยู่ ถ้าตนเองไม่สามารถกลับไปโดยเร็ว ชีวิตของลูกสาวจะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นตนเองจะประมาทไม่ได้

ปัณฑากล่าวพึมพำอยู่ด้านข้าง “ไม่คิดว่าเมืองแฟรี่ยังคงมีสถานที่เช่นนี้”

เพิ่งเดินเข้าไปสู่ภูเขาสองกระบี่ ก็รู้สึกว่าอากาศที่นี่สดชื่น มองไปข้างหน้ามีวังสูงตระหง่านอยู่ตรงขอบหน้าผาที่อยู่ไม่ไกล

นราธิปอยู่คนเดียว บ้านนั้นไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก บ้านนี้ไม่ใหญ่ไม่เล็ก บรรยากาศเคร่งขรึม แต่ดูแล้วมีกลิ่นอายความอบอุ่น

เกิดเสียงขึ้นในความเงียบ “มาเร็วขนาดนี้เลยหรือ?”

“อาจารย์ธิป ผมมาที่นี่นั้นไม่ได้มาคิดร้าย แต่ผมมีปัญหาที่จะขอคำแนะนำ”

นราธิปรู้ดีว่า ตอนแรกตนเองบอกให้รพีพงษ์เข้าร่วมเป็นคนของตระกูลภูสรีดาว รพีพงษ์ปฏิเสธ แต่มารับปากภายหลัง คิดว่าเขาน่าจะมาจะขอความช่วยเหลือ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เขายิ้มอย่างแผ่วเบา รพีพงษ์และปัณฑาเดินเข้ามาในห้องโถง “ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้ามาคุยข้างในเถอะ”

ปัณฑาที่นั่งอยู่บนไหล่ของรพีพงษ์ มองรพีพงษ์ด้วยความมึนงง และถามว่า “คุณคิดว่า ชายชราคนนี้หมายความว่าอย่างไร?”

“ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ทำร้ายพวกเรา อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่า เขาไม่ได้คิดร้าย เขาเป็นคนที่ทำอะไรชัดเจน แยกแยะถูกผิด และน่าจะไม่ใช่คนเลวร้าย”

ประสบการณ์หลายปีในการมองคนทำให้รพีพงษ์รู้ว่านราธิปไม่ใช่คนเลว แต่มันก็แน่นอนว่าเขาก็ไม่ใช่คนดีแน่นอน

มิฉะนั้น เขาจะไม่อยู่ในตระกูลภูสรีดาวและช่วยสอนวิชาให้ไอ้เด็กนั้น พูดตามตรง น่าจะเป็นคนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

รพีพงษ์เดินเข้าไปในห้องโถง จากนั้นก็มีเด็กชายสองคนรินชาให้ทันที นราธิปเป็นคนกล่าวก่อน “คุณรพีไม่ใช่คนของเทวโลก คุณมาทำอะไรที่เทวโลก? แล้วมาหาใคร?”

รพีพงษ์ได้ยินอีกฝ่ายเป็นคนเริ่มถามก่อน และก็ตอบตามตรงว่า “คนที่ผมต้องการตามหาชื่อนรเทพ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ริมฝีปากของนราธิปก็สั่นโดยไม่ตั้งใจ “คุณมาตามหาเขา ด้วยเรื่องอะไร?”

“ญาติของผมถูกเขาทำร้าย ถ้าตามหาเขาไม่เจอ ก็จะต้องเสียชีวิตแน่นอน” รพีพงษ์กล่าวอย่างเคร่งขรึม

สีหน้าของนราธิปเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และรพีพงษ์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนนี้อย่างรวดเร็ว

“น่าสนใจ!”

อย่างน้อยในตอนนี้ รพีพงษ์สามารถตัดสินได้ว่า นราธิปนั้นรู้จักคนที่ชื่อนรเทพ เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองจะสามารถตามหานรเทพเจอได้ในไม่ช้า!

“ผมหวังว่าอาจารย์ธิปจะบอกรายละเอียด!” รพีพงษ์ประสานมือทั้งสองข้างแล้วโค้งคำนับเล็กน้อย

นราธิปมองรพีพงษ์ที่อยู่ตรงหน้า และส่ายศีรษะอย่างจำใจ “คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ในสายตาของเขา คุณนั้นยังด้อยกว่ามด”

คำพูดนี้ไม่มีความเกรงใจกันเลยสักนิด แน่นอนว่ารพีพงษ์ก็รู้ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน หรือแม้แต่จะต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็ต้องฆ่านรเทพให้ได้ มิฉะนั้น ตนเองก็ไม่มีหน้ากลับไป ยิ่งไม่สามารถมองดูลูกสาวตายต่อหน้าต่อตาตนเองได้

เมื่อเห็นการแสดงออกที่เคร่งขรึมของรพีพงษ์ นราธิปหยุดพูดชั่วคราว เขาต้องการเห็นความมุ่งมั่นของรพีพงษ์

นรเทพทำความชั่วไว้มากมาย แต่พวกเขาสองคนต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ถ้าหากทั้งสองต่อสู้กัน ก็ไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

แต่ถ้าจะให้เขาออกโรง อย่างน้อยเขาก็ต้องดูว่าเด็กหนุ่มคนนี้คู่ควรที่ตนเองจะลงมือช่วยเหลือหรือไม่?

มองแวบเดียวก็สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างรพีพงษ์และบวรวิทย์ของตระกูลภูสรีดาวได้ รพีพงษ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการฝึกแน่นอน ตนเองมีชีวิตอยู่มานานแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นบุคคลที่เยี่ยมเหมือนรพีพงษ์มาก่อน

ปัณฑาเห็นท่าทางที่ผิดหวังของรพีพงษ์ ก็เลยปลอบใจว่า “คุณอย่าท้อใจ ต้องมีวิธี พวกเราผ่านความยากลำบากมามากมาย สรรพสิ่งในโลกนี้ มีการสร้างร่วมกันกับการเอาชนะซึ่งกันและกัน ไม่ว่านรเทพจะเก่งกาจแค่ไหน มันต้องมีบางอย่างที่สามารถจัดการเขาได้”

คำพูดของปัณฑาทำให้รพีพงษ์สบายใจขึ้นมาก แล้วรพีพงษ์ก็มองไปที่นราธิปอีกครั้ง “อาจารย์ธิป ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ?”

รพีพงษ์ไม่กล้าถามเรื่องผลการฝึกตนของนรเทพ เมื่อนราธิปบอกว่าตนเองเป็นเหมือนมด ตนเองก็รู้ชัดเจนแล้วว่า ถึงถามไปก็ไม่มีประโยชน์

ทุกคนในโลกนี้ล้วนไม่สามารถหลีกเลี่ยงอารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไปได้ รพีพงษ์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา และเพื่อลูกสาวแล้วเขาจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

เมื่อมองไปที่ปัณฑา นราธิปรู้สึกชื่นชม และกล่าวว่า “เป็นคำพูดนี้ถูก ไม่ว่าจะเป็นโลกหรือเทวโลก ความกลมกลืนของหยินและหยาง มีการสร้างร่วมกันกับการเอาชนะซึ่งกันและกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเลย”

“อาจารย์ธิป รีบพูดมาเถอะ”

“ถึงผมจะบอกคุณ ตอนนี้คุณก็ไม่สามารถทำได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร คุณจะต้องมีอาจารย์ และพอดีตอนนี้ผมต้องการลูกศิษย์คนหนึ่ง ถ้าคุณฝากตัวเป็นศิษย์ของผม ผมไม่กล้าพูดว่าสิ่งที่คุณต้องการจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสชนะนั้นจะมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์”

ปัณฑารู้สึกดูถูก เธอรู้ว่าชายชราคนนี้ไม่ได้มีความคิดที่ดี และการฝากตัวเป็นศิษย์นั้นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่พูดก็สามารถทำได้เลย?

นอกจากนั้นความแข็งแกร่งของเขาก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนรเทพ แล้วยังมาบอกว่ามีโอกาสชนะแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่แน่ว่าอาจจะมีแผนไม่ดีอยู่ในใจ ถ้ารพีพงษ์เชื่อเขาก็จะถูกหลอกจริง ๆ

รพีพงษ์ขมวดคิ้วจนแน่น เขาไม่เคยคิดเรื่องฝากตัวเป็นศิษย์มาก่อน อีกอย่างตนเองเพิ่งมาถึงเทวโลก และยังไม่คุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ ถ้านราธิปสามารถเปิดเผยข้อมูลได้เล็กน้อย ตนเองสามารถยอมรับได้ แต่ถ้าจะให้ฝากตัวเป็นศิษย์ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน

ยังไงก็ต้องมีวิธีที่สามารถเอาชนะนรเทพได้ จากนั้นรพีพงษ์ก็ลุกขึ้น และกล่าวด้วยความเสียใจ “ถ้าสามารถฝากตัวเป็นศิษย์ของคุณได้ นับว่าเป็นบุญวาสนา แต่ผมไม่ใช่คนของที่นี่ และจะอยู่ที่นี่ไม่นาน จึงยังไม่มีความคิดที่จะฝากตัวเป็นศิษย์”

หลังจากที่รพีพงษ์กล่าวจบ สีหน้าของนราธิปแสดงความผิดหวัง และถามว่า “ถ้าคุณไม่อยากเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับบวรวิทย์แห่งตระกูลภูสรีดาว ผมสามารถทำให้พวกคุณไม่ต้องพบเจอกันได้”

“คุณเข้าใจผิดแล้ว อาจารย์ธิป หลังจากฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว ผมต้องเคารพท่านในฐานะอาจารย์แน่นอน แต่น่าเสียดายที่ผมมีภรรยาและลูกแล้ว ใจยังมีโลกีย์ ถึงฝากตัวเป็นศิษย์ก็ไร้ประโยชน์”

นราธิปไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าคำพูดของรพีพงษ์เป็นการหลีกเลี่ยง เรื่องแบบนี้มันต้องเป็นการยินยอมของทั้งสองฝ่าย ถ้ารพีพงษ์ไม่เต็มใจ เขาก็ไม่สามารถกักตัวรพีพงษ์ไว้ที่นี่ได้

เพียงแต่เสียดายที่ไม่มีทายาทสืบต่อ ลูกชายของตระกูลภูสรีดาวมีพรสวรรค์ แต่เป็นคนยโสโอหัง ไม่เห็นประชาชนที่ทุกข์อยู่ในสายตา หากเขาถึงระดับจุดสูงสุดแล้ว จะเป็นภัยต่อแผ่นดิน คนที่เป็นอาจารย์ก็จะถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า

ตอนนี้บุญคุณของเจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาวก็ถือว่าชดใช้หมดแล้ว ถึงเวลาที่ตนเองต้องแยกตัวออกมาแล้ว

เป้าหมายของรพีพงษ์ไม่บรรลุ เขาอยากรู้ว่านรเทพอาศัยอยู่ที่ไหน แต่ที่นราธิปไม่ได้บอก นั้นเป็นเพราะความหวังดี

เพราะถ้าไปก็คือการไปรนหาที่ตาย ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือเทวโลก นรเทพรับรู้ถึงลมหายใจของเขา และยังไม่มาฆ่าเขาก็ถือว่าโชคดีแล้ว

รพีพงษ์กลับมามือเปล่า จากนั้นกลับไปที่เมืองแฟรี่โดยตรง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัย และไม่มีเงินติดตัว

“พวกเราไปอยู่ที่บ้านของคุณผลินต่อเถอะ จะเร่ร่อนอยู่ข้างถนนมันก็ไม่ได้”

“ไม่ได้ ถ้าพวกเราไปที่นั่นมันจะเป็นจุดเด่นเกินไป แล้วจะทำให้พวกเธอเดือดร้อน เรื่องที่พักอาศัย ก็สกินที่ไหนสักแห่งก็ได้แล้ว มันจะไปยากอะไร?”

เขาพบที่ดินรกร้าง ก็ร่ายมนตร์ แล้วบ้านหลังหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะ…….

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท