พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1562 คู่กัดมาเจอกัน

บทที่ 1562 คู่กัดมาเจอกัน

รพีพงษ์เสียสมาธิไปขณะหนึ่ง อย่าได้ต้องมาเห็นกันซึ่งๆหน้าเด็ดขาด

เขายังไม่ได้หันกลับไป ปริตรก็พูดว่า “ไอ้หมอนั่นมันยังสลบอยู่ มันคงจะหิว แล้วก็กดดันด้วย สภาพจิตใจได้รับความกระทบกระเทือน ตอนนี้พวกเราก็จะออกไปหาอะไรกินสักหน่อย”

นรเทพก็มองไปยังคุกนั้น ก็เห็นว่าคนนั้นมันนอนอยู่จริงๆ ในใจของนรเทพมีแต่หนังสือกลยุทธ์ ไม่สนใจเรื่องอื่น

ถ้าคนที่รู้เรื่องของหนังสือกลยุทธ์เพียงคนเดียวได้ตายไป ความหวังของตนเองก็สูญเปล่าน่ะสิ เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้

นรเทพพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายของตระกูลเยอซอจะไม่เอาไหนแบบนี้ ดูไปก็เป็นชายอกสามศอกอยู่”

จากนั้นก็ไม่รอโอกาสให้นรเทพได้ตอบสนองอะไรทัน ปริตรพูดต่อไปว่า “เดี๋ยวพวกเราจะรีบไปหาอะไรมาให้มันกิน ก็เลยอยู่เฝ้าต่อไม่ได้สักพักหนึ่ง”

นรเทพยิ้มเย็น ตอนนี้ชเนศข้างกายก็พูดขึ้นมาว่า “มีพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว พวกเอ็งรีบไปรีบกลับ”

ชเนศรู้สึกว่า มีเขาและนรเทพอยู่ที่นี่ ถ้าใครอยากจะเข้ามา ก็จะไม่มีทางได้กลับออกไป

พลังของนรเทพได้ไปถึงขั้นที่น่ากลัวมากแล้ว ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนรเทพได้

แต่นรเทพไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ขอเพียงคนมาอยู่ในเงื้อมมือตนเอง เขาก็มีวิธีนับหมื่นที่จะทำให้คนเปิดปากบอกสิ่งที่ต้องการได้

จากนั้นก็เดินเข้าด้านในคุกไป พวกเขาไม่เคยเห็นคนนั้นมาก่อน รู้แค่ว่าเป็นคุณชายของตระกูลเยอซอ

ส่วนรพีพงษ์และปริตรก็เร่งฝีเท้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย รพีพงษ์บอกว่า “ผมมีเพื่อนในเมืองแฟรี่อยู่สองคน จะรีบร้อนออกไปไม่ได้ ผมต้องไปหาพวกเขาให้พบ”

“ไปหาเพื่อนคุณงั้นหรือ? ตอนนี้ผมไม่มีที่ไป ถ้าไปกับคุณ คงจะต้องเดือดร้อนคนรอบๆ ตัวผมแน่นอน”

“นรเทพคงไม่ใช้เหตุผล ต่อให้คุณไม่กลับไป แล้วลงมือกับคนในเมืองนี้ ผมเดาว่าเขาก็คงจะไม่ออมมือแน่นอน”

รพีพงษ์มีคนมาเพิ่มข้างกายอีกหนึ่งคน ก็จะมีโอกาสชนะมากขึ้น เขาไม่รังเกียจที่จะให้ปริตรไปด้วย แต่ว่ามีจุดหนึ่ง สองแม่ลูกผลิน จะต้องพาไปที่ภูเขาสองกระบี่ พวกเธอสองแม่ลูกอยู่ในโลกที่ตนเองสร้างขึ้นมา งั้นก็ต้องเสียพลังเทพไม่น้อย

อาจจะเป็นภัยต่อพวกเธอ แล้วไม่ดีกับตนเองด้วย

เขามีลางสังหรณ์ดีเป็นพิเศษ นราธิปไม่ใช่คนธรรมดาแน่ มีแต่นราธิปเท่านั้นที่สามารถปกป้องพวกเธอได้

พอพาปริตรออกไป ไม่นานนรเทพก็พบความผิดปกติในคุก จะให้เขาตามออกมาไม่ได้

ระหว่างทางกลับไป ก็พบกับบวรวิทย์ บวรวิทย์ก็มองเขา แล้วตกใจมาก “คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พวกของคุณอานันท์ธรล่ะ?”

“ผมยังหาไม่เจอ ก็เลยยังไม่ไปเมืองแฟรี่ เพราะนรเทพมันรออยู่ที่นั่น”

รพีพงษ์เคยเห็นตัวจริงของนรเทพ นั่นเป็นตัวที่ขยายออกมา เมื่อครู่ที่เห็นในคุกนั้นไม่ตัวที่ย่อลงมา ถึงแม้เขาจะไม่กล้าดูอย่างละเอียด แต่พลังและน้ำเสียงบนตัวนั้น เขาก็สามารถแยกแยะออกได้ชัดเจน

บวรวิทย์มองไปที่ตัวของปริตร แล้วก็ไม่เข้าใจ “อ้าวคุณ ทำไมมาอยู่ที่นี่?”

ปริตรมีทัศนคติไม่ค่อยดีกับบวรวิทย์ ตอนนี้เข้าได้เปลี่ยนหน้าไปแล้ว กลายเป็นคนสำนักธรรมะไปแล้ว

ปริตรก็ทำหน้านิ่งๆ ไม่สนใจ “พวกที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ใช่แค่บ้านพวกคุณเท่านั้น ยังมีตระกูลเยอซอของผม ตอนนี้ได้บ้านแตกสาแหรกขาดไปหมด ผมเองก็ต้องหาที่หลบซ่อน”

“แล้วตระกูลพิมพ์สารล่ะ?”

“ที่ตระกูลพวกเรามีหนังสือกลยุทธ์นั่น ก็เพราะตระกูลพิมพ์สารปริปากบอกไป พวกเขากลัวที่จะเดือดร้อนไปด้วย ก็เลยเข้าหานรเทพ ตอนนี้เป็นสองสำนักหลักในเมืองแฟรี่”

สำหนักหนึ่งต่อต้านนรเทพ อีกสำนักหนึ่งก็คือคนข้างกายนรเทพที่เข้ามาสวามิภักดิ์

คนแบบนี้ ส่วนมากจะกลัวถูกนรเทพควบคุม ก็เลยเข้ามาสวามิภักดิ์ เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของนรเทพทางด้านนอก ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

อยู่กับเจ้านายเหมือนอยู่กับเสือ มีไม่กี่คนหรอกที่ยอมทำงานกับคนที่น่าอันตรายแบบนี้

บวรวิทย์คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวมันจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ตอนแรกก็แค่คิดๆ เรื่องนี้มันก็แค่เกิดจากที่ตนเองกับรพีพงษ์ไปฆ่าสัตว์พาหนะของนรเทพ นรเทพก็เลยไม่ยอม

ตอนนี้ดูเหมือนว่า ในใจของนรเทพจะคิดไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยใครไปทั้งนั้น

สายตาของเขามองไปที่รพีพงษ์ แล้วถามว่า “งั้นเดี๋ยวผมกลับไปกับพวกคุณด้วย ผมคนเดียวพอสู้ขึ้นมา ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนรเทพ มีพวกคุณอยู่ด้วย โอกาสชนะจะได้สูงขึ้นหน่อย”

ไม่ใช่เพราะว่าบวรวิทย์ปอดแหก แต่ตอนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเสียหน่อย เพราะถึงอย่างไรตระกูลภูสรีดาวก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว

ปริตรก็แปลกใจ “นี่ไม่ใช่นิสัยของคุณเลยนี่ นิสัยของคุณยอมแพ้เป็นด้วยงั้นหรือ?”

บวรวิทย์มองขวางไปที่ปริตร รู้ว่าปริตรไม่ชอบขี้หน้าตนเอง ถึงแม้ตนเองจะทำเรื่องอะไรไม่ถูกต้องไว้ แต่ผิดแล้วรู้จักแก้ไขเสีย ตอนนี้เขาก็ไม่สมควรจะมาใช้ท่าทางน้ำเสียงแบบนี้พูดกับตนเองหรอกนะ

รพีพงษ์ไม่รู้ความแค้นของทั้งสองคน แต่ก็มองออก ปริตรไม่ใช่คนเลว เมื่อเทียบกับบวรวิทย์ก่อนหน้านี้แล้ว นิสัยดีกว่าบวรวิทย์เยอะเลย

ตอนนี้เขาจะไม่ชอบขี้หน้าบวรวิทย์ ก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง

“ตอนนี้กับตอนนั้น ได้ผ่านอะไรมามากมาย หรือว่าจะไม่ให้เปลี่ยนแปลงอะไรบ้างหรือไง ก่อนหน้านี้ผมพูดจาแรงไปหน่อย คุณก็มาถือสา ผมว่าต่อไปก็คงทำงานด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ”

บวรวิทย์พูดตอกหน้ากลับไปอย่างไม่เกรงใจ รพีพงษ์ก็รีบพูดขัดขึ้นมา ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือจะส่งคนไปที่ภูเขาสองกระบี่

นราธิปมีพลังมาก ขอเพียงให้เขาได้รับภาระมากหน่อย เดี๋ยวก็มีวิธีอื่นเอง เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้

ผลินและแม่ของเธออยู่ในข่ายอาคม ก็เหมือนกับสถานที่ที่ตนเองเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก

แม่ของผลินมองผลิน แล้วก็ซาบซึ้งในตัวของรพีพงษ์ พร้อมพูดว่า “ลูกแม่ ไม่ว่ารพีพงษ์จะมีลูกเมียแล้วหรือไม่ คนแบบนี้ จะไปเป็นเมียน้อยเขาก็ไม่แย่นะลูก”

“แม่ หนูก็มีความคิดแบบนั้นนะ แต่พี่รพีพงษ์คิดไม่เหมือนกับพวกเรา ความรู้สึกที่เขามีให้กับภรรยาเขา หนูว่าคงจะต้องลึกซึ้งมากแน่ๆ ดังนั้นก็เลยไม่ยอม ผู้หญิงคนหนึ่งมีผู้ชายมาคอยรักหวงแหนแบบนี้ ไม่ว่าด้านนอกจะมีสิ่งยั่วยวนแค่ไหน ก็เสมอต้นเสมอปลายตลอด หนูรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากๆ เลย”

“ผู้ชายดีๆ แบบนี้ ลูกต้องจับให้ได้เลยนะ พอได้ก็เป็นสามีลูกเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?”

“ช่างเถอะ แม่ พวกเราอย่ามาพูดเรื่องนี้กันเลย รพีพงษ์บอกว่าพอถึงที่ที่ปลอดภัยแล้วก็จะปล่อยพวกเราออกมา ที่นี่ไม่เลวเหมือนกัน แต่มีพวกเราแค่สองคน ไม่เป็นอิสระเหมือนด้านนอก ถ้าหนูได้ออกไป หนูจะให้รพีพงษ์พาหนูไปฝึกวิชา หนูอยากเป็นเหมือนรพีพงษ์ ที่ไม่ต้องให้ได้มาคอยปกป้อง”

ผลินคิดแต่ว่ารพีพงษ์ช่วยเหลือตนเองตลอดเวลา แต่ตนเองก็รู้สึกอับอายที่ไม่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับรพีพงษ์ได้

เป็นคนเหมือนกัน ทำไมคนอื่นถึงฝึกวิชาจนเก่งได้ แต่ตนเองถึงไม่ได้?

เธอไม่เชื่อ ไม่ต้องพูดถึงไปปกป้องคนอื่น อย่างน้อยแค่ปกป้องตนเองไม่ได้ถูกรังแกก็ได้ พ่อบ้านเตชิตก็จับจ้องตลอด พอออกไปได้ก็คงได้เจอกับคนแบบพ่อบ้านเตชิตคนที่สองอีก

“ยัยลูกคนนี้นี่ นั่นมันเป็นเรื่องของพวกผู้ชาย ผู้หญิงคนหนึ่งจะไปทำได้อย่างไรกัน?”

“ถ้าไม่เป็นแบบนี้ หนูจะไปอยู่ข้างกายเขาได้ไงล่ะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท