พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1547 ใช้ประโยชน์จากอุปนิสัย

บทที่ 1547 ใช้ประโยชน์จากอุปนิสัย

ตอนนี้รพีพงษ์กังวลว่า ถ้าในนี้มีอะไรอยู่จริง ๆ แล้วผลินที่อยู่ในนี้จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่?

เขาหยุดและถามว่า “นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนจะอาศัยอยู่ได้ บวรวิทย์ ถ้าผลินเป็นอะไรไป ผมจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน”

“ตอนนี้คุณเอาตนเองให้รอดก่อนแล้วค่อยมาพูด ที่ผมให้เธออยู่ที่นี่เพราะเธอยังมีประโยชน์ คุณวางใจได้ ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธออย่างที่คุณคิด”

บวรวิทย์ไม่สนใจคนอื่นยกเว้นรพีพงษ์

เขาเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ และทุกคนในเมืองแฟรี่เรียกเขาว่าคุณชายด้วยความนอบน้อม ขอแค่ฆ่ารพีพงษ์ เขาก็ยังคงเป็นเขาคนเดิม ไม่มีใครเทียบความสามารถของเขาได้

เมื่อคิดอย่างนี้ ทำให้บวรวิทย์รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

ก่อนที่จะเข้าใกล้ รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงของผลิน เสียงของเธอแหบเล็กน้อย เป็นเสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือ และมีเสียงสะอื้นเบา ๆ

ตอนที่เธอเห็นรพีพงษ์ เธอร้องไม่หยุด

“พวกเขาใช้ฉันเพื่อจัดการกับคุณ รพีพงษ์ คุณไม่ควรมา ถ้าฉันตายเพื่อคุณ ฉันก็ตายด้วยความเต็มใจ”

รพีพงษ์ช่วยชีวิตแม่ของผลินไว้ ผลินรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก และรู้ว่าเขามีภรรยาและลูกแล้ว ไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้ การตายเพื่อเขา มันจะสามารถทำให้เขาจดจำตนเองไว้ตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเธอจะต้องตายก็ไม่เสียดาย

เมื่อเห็นว่าผลินยังปลอดภัย รพีพงษ์ก็รู้สึกประหลาดใจ แล้วบวรวิทย์ก็ห้ามตนเองเดินไปข้างหน้า และกล่าวว่า “คุณก็เห็นแล้วว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วคุณจะทำตามสัญญาเมื่อไหร่?”

“แม้ว่าผมจะรับปากพวกคุณ แล้วพวกคุณจะรับประกันได้อย่างไรว่า จะปล่อยผลินและปัณฑาไปจริง ๆ”

ขณะที่รพีพงษ์พูด เขาก็มองไปที่ผลิน

บวรวิทย์อยู่ในแดนบุณระดับต้น และตนเองก็อยู่ในแดนบุณระดับต้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าขอบเขตของบวรวิทย์จะยังสูงกว่าตนเอง แต่ด้วยพลังทิพย์ของภูเขาสองกระบี่ ทำให้ทักษะฝีมือของตนเองเพิ่มขึ้นไม่น้อย และเกรงว่าแผนของพวกเขาจะล้มเหลวอีกครั้ง

“รพีพงษ์ คุณไม่ต้องสนใจฉัน รีบออกไปจากที่นี่เถอะ”

รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ และกล่าวด้วยความอ่อนโยนว่า “ในเมื่อผมมาแล้ว แล้วจะให้คุณถูกขังอยู่ที่นี่อีกต่อไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่สไตล์การทำงานของผม”

ผลินกล่าวว่า “มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด ฉันถูกพวกเขาวางยาพิษแล้ว แม้ว่าคุณจะรับปากพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ปล่อยฉันไปแน่นอน ไอ้แก่นั้นหมายปองฉันมานานแล้ว ถ้าฉันตกอยู่ในมือของมัน ก็เหมือนตายทั้งเป็น รพีพงษ์ ฉันแค่อยากให้คุณจดจำฉันไว้เท่านั้น”

ขณะที่พูด เธอก็เอาศีรษะตนเองไปกระแทกกำแพง เลือดสด ๆไหลออกมา เส้นประสาทของรพีพงษ์เกร็งขึ้นมาทันที รพีพงษ์พุ่งผ่านหน้าบวรวิทย์เร็วราวกับสายฟ้า และก็ไปอยู่ข้างผลินทันที แล้วก็สร้างเกราะป้องกันรอบตัวเธอไว้

“คุณทำอะไร ต่อให้คุณถูกวางยาพิษ ผมก็สามารถถอนพิษได้”

รพีพงษ์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างโง่นัก ไม่ว่าตนเองจะมีบุญคุณต่อเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรทำเช่นนี้

“อีผู้หญิงบ้า พวกเราไม่ได้วางยาพิษเธอ”

บวรวิทย์กล่าวอย่างโกรธเคือง

รพีพงษ์เชื่อคำพูดของบวรวิทย์ ตามนิสัยของบวรวิทย์แล้ว ถ้าจะวางยาพิษจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องนำตัวผลินมาซ่อน

“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณถูกคนอื่นบังคับเพราะฉัน รพีพงษ์คุณช่วยฉันมามากพอแล้ว”

รพีพงษ์ไม่มีเวลาพูดอะไรอีก เขาถ่ายทอดพลังทิพย์ในร่างกายไปให้ผลินอย่างต่อเนื่อง เมื่อมั่นใจว่าเธอไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว รพีพงษ์ก็ส่งเธอไปยังโลกเล็ก ๆ ที่ตนเองสร้างขึ้น

ตอนนี้ ให้เธออยู่ในโลกที่ตนเองสร้างขึ้น รพีพงษ์ถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของผลินได้

รพีพงษ์มองไปที่บวรวิทย์อย่างเย็นชา “ตอนนี้คุณยังมีปัณฑาอยู่ในมือ คุณยังคิดที่จะใช้เธอมาข่มขู่ผมอยู่อีกหรือไม่?”

บวรวิทย์ตื่นตระหนกทันที เมื่อสักครู่การเคลื่อนไหวของรพีพงษ์เร็วมากจนตนเองไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ตอนนี้ฝีมือรพีพงษ์พัฒนาไปอีกขั้น ตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป

เขาเอาน้ำเต้าออกมาอย่างสั่นเทา และกล่าวว่า “รพีพงษ์ คุณคิดให้ดีก่อนจะทำอะไร แค่ผมท่องคาถา เจ้าเด็กนี่ก็จะตายทันที”

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย เขาคงไม่รู้ประวัติความที่มาของภูตโบราณ รพีพงษ์ไม่เคยได้ยินว่าจะมีคาถาอะไรที่สามารถฆ่าภูโบราณได้

เมื่อสักครู่ที่ตนเองมากับพวกเขาก็แค่อยากจะดูว่าผลินอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผลินปลอดภัยแล้ว ดังนั้นตนเองก็ไม่ต้องกังวลแล้ว

ปัณฑาอาจจะไม่สามารถปกป้องผู้อื่นได้ แต่การหนีนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ

ถ้าไม่ถึงช่วงวิกฤติ จะฆ่าบวรวิทย์ไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องนี้ไปถึงเจ้าบ้านของตระกูลภูสรีดาว บวรวิทย์มีสิบปากก็ไม่สามารถพูดลบล้างได้

ในสายตาของโลกภายนอกบวรวิทย์นั้นเป็นสุภาพบุรุษที่เอื้ออาทร การที่เขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องลำบากใจ ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้?

บวรวิทย์เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ รพีพงษ์คิดวิธีอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับบวรวิทย์ เมื่อทำในสิ่งที่ไร้มโนธรรมไว้มาก ภัยย่อมย้อนมาสู่ตนเอง ขอแค่ทำให้เขาโกรธจนธาตุไฟเข้าแทรก ถึงจะมีพรสวรรค์ในการฝึกตนแค่ไหนก็ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไร

ปัณฑาที่อยู่ในน้ำเต้า รู้สึกว่าตนเองถูกจำกัดเสรีภาพ

พ่อบ้านเตชิตกลัวจนขดตัวอยู่ที่มุมห้อง แล้วหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ

เมื่อรพีพงษ์เห็นเขาหนีไป ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องไปหาคนมาช่วย รพีพงษ์ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เขาหนีไปนั้นดีแล้ว

บวรวิทย์แอบดุพ่อบ้านคนนี้ว่าเป็นคนขี้ขลาด ถึงช่วงเวลาวิกฤติ ก็ใช้มีประโยชน์อะไรไม่ได้

พลังของเขายังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ถ้าตอนนี้ต่อสู้กับรพีพงษ์ขึ้นมา เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์แน่นอน

แต่มีตัวประกันอยู่ในมือ ทำให้เขาไม่กลัวรพีพงษ์

“เท่าที่ผมรู้ คุณชายเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ เติบโตขึ้นภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของทุกคน ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้ คุณคิดว่าผมแย่งของของคุณไป ก็เลยคิดที่จะฆ่าผม?”

รพีพงษ์เดินเข้าไปหาบวรวิทย์ทีละก้าว บวรวิทย์ถือน้ำเต้าสูงขึ้น และกล่าวว่า “คุณอย่าเข้ามาน่ะ ผมบอกคุณแล้วว่า คุณด้อยกว่าผมก็คือด้อยกว่าผม เพราะผมไม่เคยแพ้ใครมาก่อน ถ้าคุณไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ของผม คุณตายไปนานแล้ว มีอะไรน่าหยิ่งผยอง แน่จริงก็อย่าเอาของล้ำค่าไปประจบพ่อของผม”

“พ่อของคุณ? ผมไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่ถ้าคุณเทียบกับพ่อของคุณแล้ว คุณนั้นต่างจากเขาราวฟ้ากับดิน”

ขณะที่พูด รพีพงษ์มองน้ำเต้าที่อยู่ในมือของบวรวิทย์

บวรวิทย์รู้ดีว่า ในละแวกใกล้เคียงไม่มีคนอื่น และเขาสามารถฆ่ารพีพงษ์ที่นี่ได้!

“ไอ้สารเลว กล้าดูถูกพ่อผม ผมจะฆ่าคุณ ที่นี่จะเป็นสุสานของคุณ!”

ขณะที่พูด เขาก็สกินกระบี่ออกมาหนึ่งเล่ม แล้วก็ซ่อนน้ำเต้าไว้ และพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย “คุณไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของผม!”

คำพูดที่เย็นชาของรพีพงษ์ทำให้บวรวิทย์ตะลึงไปชั่วขณะ

“คุณอาศัยสถานะของตนเองคุยโวโอ้อวด ถ้าไม่มีตระกูลภูสรีดาว คุณก็ไม่มีอะไรเลย ส่วนผมอาศัยตนเองก้าวไปทีล่ะขั้น ถ้าคุณเปรียบเทียบกับผม มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี”

รพีพงษ์กล่าวราบเรียบ แต่คำพูดนั้นมีพลังการทำลายล้างสูง

เขาจะทำให้ไอ้หมอนี้โกรธจนธาตุไฟเข้าแทรก และเมื่อคนอื่นมาถึงก็ไม่สามารถหาความผิดของตนเองได้

จูเก่อเลี่ยงทำให้จิวยี่โกรธจนตาย ผู้คนยังทำอะไรเขาไม่ได้

ตอนนี้ความสามารถของบวรวิทย์ไม่เลว แต่นิสัยของเขาเหมือนกับจิวยี่ รพีพงษ์ไม่รังเกียจถ้าตนเองจะใช้แผนจูเก่อเลี่ยง

“คุณ คุณรังแกคนมากเกินไปแล้ว”

“คุณจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นทำไม หรือว่าผมพูดแทงใจดำคุณ?”

รพีพงษ์พยายามหลีกเลี่ยง ยิ่งอารมณ์ของบวรวิทย์ไม่มั่นคงมากเท่าไร กระบวนท่าที่เขาปล่อยออกมาก็แย่ขึ้นเท่านั้น

“ผมกับคุณอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้แล้ว วันนี้ถ้าผมไม่ฆ่าคุณ อย่าเรียกผมว่าบวรวิทย์”

เสียงของเขาสั่น และพลังของเขาไม่มั่นคง

สิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพลังของเขา ดังนั้นหลังจากสู้มาหลายกระบวนท่า แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายรพีพงษ์ได้แม้แต่นิดเดียว…….

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท