พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1559 ที่ไปของจิตมาร

บทที่ 1559 ที่ไปของจิตมาร

ที่จริงนราธิปก็คิดไม่ถึงว่า บวรวิทย์จะใจสู้อย่างนี้ เขาคิดว่า ต้องใช้ผลการฝึกตนมากแค่ไหนถึงจะสามารถปรามได้ คิดไม่ถึงว่าได้รับความร่วมมือจากบวรวิทย์ ไม่เพียงแค่ปราบจิตมารได้ แต่ยังบีบเขาออกมาได้

ตั้งแต่นี้ไป เขามีตัวตนใหม่แล้ว เรื่องเลวร้ายทั้งหลายก่อนหน้านี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับบวรวิทย์อย่างเขาแล้ว

เขาเพียงแค่ฝึกตนให้ดีๆ ร่วมมือกับรพีพงษ์ช่วยกันจัดการนรเทพ ความน่าจะเป็นที่ทั้งสองจะเอาชนะนรเทพก็มีสูงมาก

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ ในใจของเขาอดดีใจไม่ได้ พระอาทิตย์ส่องแสงบนยอดเขา ดวงตาของบวรวิทย์เจ็บเพราะโดนแสงแดด เปิดดวงตาและขยี้ มองเห็นเทวเทพและนราธิปอยู่ข้างกายเขา

เทวเทพถาม: “ลูก รู้สึกยังไงบ้าง?”

บวรวิทย์นึกถึงเรื่องเมื่อวาน และยิ้มเบาๆ: “มีอาจารย์อยู่ผมก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ พ่อ วางใจได้ ผมไม่เป็นไร”

เขาต้องการลุกขึ้น พบว่าทั้งร่างกายต่างก็เจ็บปวดไปหมด พูดอย่างเหลืออดว่า: “ฉันเป็นอะไรไป อาจารย์?”

“กำลังของแกเสียไปไม่น้อย กลับมาที่ตำหนักวิหารฉันจะรักษาให้แก”

“ฉันเกรงว่าสถานการณ์ทางฝั่งรพีพงษ์ไม่ค่อยดี ฉันจะไปหารพีพงษ์”

เทวเทพได้ยินดังนั้น รีบห้ามทันที: “ตอนนี้ฟื้นขึ้นมา ยังไม่ฟื้นฟูดี แกไปหารพีพงษ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

“สองคนดีกว่าหนึ่งคนนะ อีกอย่างคุณอาธรยังอยู่ที่นั่น ผลินเกิดเรื่องขึ้น และพวกเราตระกูลภูสรีดาวก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าไม่ใช่พ่อบ้านเตชิต เรื่องนี้ผลินอาจไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย

บวรวิทยไม่ต้องคิดมากแบบนี้แล้ว ที่รพีพงษ์ไป ไม่ใช่แค่ผลินจะเกิดเรื่อง เขาจำเป็นต้องไปจากที่นี่?

เทวเทพเปลี่ยนความคิดของบวรวิทย์ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่บวรวิทย์ลุกขึ้นนั้น เขาก็เปลี่ยนเป็นอีกคน

บวรวิทย์กลับไปที่ตำหนักพระวิหาร นราธิปร่ายคาถารักษาเขา ต่อด้วยยาอายุวัฒนะ 1 เม็ด กล่าว: “กินแล้ว ก็ออกเดินทางเถอะ”

บวรวิทย์รับยาอายุวัฒนะ เขาอยู่ข้างกายนราธิปมานานแล้ว แต่นราธิปไม่ค่อยให้ยาอายุวัฒนะแก่เขา

ความทรงจำของเขาชัดเจนมาก ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ตกหน้าผาด้านนอกของตำหนักนี้เล็กน้อย ไม่ได้ฟื้นขึ้นมานาน พอฟื้นขึ้นมาก็กินยาอายุวัฒนะ 1 เม็ด และวันนี้ก็เป็นเม็ดที่ 2

เด็กสองคนที่นี่นอกจากดูแลดอกไม้ใบหญ้าของนราธิป โดยปกติมีคนมาเพื่อรอเรียนที่ภูเขาสองกระบี่ เวลาส่วนใหญ่ต่างก็กลั่นยาในห้องกลั่นยา

ยาเซียน ไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อกินยาเซียนเข้าไปแล้ว เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังของตนเองนั้นเพิ่มขึ้นไม่น้อย บอกลานราธิปและมุ่งหน้าไปยังเมืองแฟรี่

เทวเทพมองถุงในมือนราธิป กล่าว: “ควรจะทำอย่างไรกับจิตมาร”

“และเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายด้วย ตอนนี้ฉันยังไม่พบวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมในขณะนี้ รอให้พวกเขาได้ฝึกตนจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จิตมารก็ไม่มีผลอะไรต่อพวกเขามาก พวกเขากลับมาอีกครั้ง ถึงจะถือได้ว่าเป็นจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบ”

“จิตมารสามารถควบคุมคน ทำไมไม่กำจัดซะเลยล่ะ?”

“กำจัดไม่ได้ ความโลภ อำนาจบนโลกมนุษย์ ต่างก็สามารถทำให้จิตมารฝึกตนได้แข็งแกร่งขึ้น มีคนมาที่ภูเขาสองกระบี่ของฉันน้อยลง ความปรารถนาเหล่านั้นจะไม่ปรากฏที่นี่ ที่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด”

ขณะที่นราธิปกล่าวอยู่นั้น ให้เด็กทั้งสองคนพาจิตมารของบวรวิทย์ไปดูในห้องกลั่นยาอย่างเต็มที่

ในตอนนี้ รพีพงษ์มาถึงเมืองแฟรี่แล้ว เขาก็ตรงไปที่อยู่อาศัยของผลิน

มองเห็นแม่ของผลิน แม่ของผลินเห็นรพีพงษ์มาแล้ว ก็ราวกับว่ามองเห็นผู้พิทักษ์โลก แล้วกล่าว: รพีพงษ์ คุณมาได้สักที ผลินถูกพ่อบ้านจับตัวไปแล้ว คุณต้องไปช่วยเธอนะ”

“สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะผม ผมจะต้องช่วยออกมาแน่ ขอเพียงแค่ คุณป้า ท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ผมจัดหาสถานที่ใหม่ให้ท่านแล้ว คุณวางใจได้ เหมือนที่นี่มาก สรุปคือจะให้คนของพ่อบ้านเตชิต หาคุณเจอไม่ได้”

แม่ของผลินพยักหน้า รับปาก ตอนนี้เธอไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น เชื่อเพียงแค่รพีพงษ์

ถ้าไม่ใช่รพีพงษ์ คนแก่อย่างเธอ จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ได้ซะที่ไหนละ

และรพีพงษ์ได้สร้างโลกเช่นเดียวกันกับผลินและคนอื่นๆที่นี่ จัดให้แม่ของผลินอยู่ข้างใน เงียบสงบ แบบนี้ก็ไม่มีกังวลแล้ว

เดินบนถนนเมืองแฟรี่ ทันใดนั้นก็มีม้าสีดำรีบวิ่งพุ่งเข้ามา ลมแรงพัดผ่าน เกือบจะเหยียบเด็กที่เล่นอยู่ข้างถนน

รพีพงษ์ตาไวมือไว อุ้มเด็กคนนั้นในอ้อมแขนของเขา เด็กตัวสั่น สีหน้าม่วง

เจ้าของม้าตัวนั้นยังเป็นเด็ก และอายุยังไม่เกิน 20 ปีเท่านั้น

เขากระชับบังเหียน ม้าถึงจะหยุดลง สักพักเด็กหันกลับมา ตกใจกลัวจนร้องไห้ เด็กชายคนนั้นลงจากม้าและมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความขอโทษ

เขาย่อตัวลง ถามอย่างอ่อนโยนว่า: “เด็กคนนี้ไม่เป็นไรนะ”

“เด็กไม่เป็นไร เพียงแต่ไอ้น้อง นายก็เห็นแล้ว ถนนใหญ่ขนาดนี้มีคนไปมาไม่ขาดสาย ไม่ใช่แค่เด็ก ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนอื่นบาดเจ็บ ถึงเจอเรื่องด่วนก็ทำแบบนี้ไม่ได้”

“ผมไม่คุยกับคุณแล้ว ข้างหลังมีคนตามผมมาอยู่”

เขาเห็นว่าเด็กไม่เป็นไร ควบม้าขี่ออกไปอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจคำพูดของรพีพงษ์เลย รพีพงษ์สับสน

เขาดูไม่เหมือนคนไม่มีเหตุผล ในขณะนี้ กลุ่มชายชุดดำก็จับดาบในมือและไล่ตามทางที่ชายหนุ่มกำลังหลบหนี ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว

แม่ของเด็กมา เด็กโถมตัววิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ ได้ยินแม่ของเด็กกล่าวขอบคุณ จากนั้นรพีพงษ์ก็ตามไป

ตอนนี้เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งในเมืองแฟรี่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเขาก็ได้

ตอนนี้ไม่รู้ว่า พ่อบ้านเตชิตอยู่ที่ไหน ขอเพียงแค่หาพ่อบ้านเตชิตให้พบก็สามารถหาผลินเจอ ตอนนี้ไม่รู้รายละเอียดสถานที่ชัดเจน ทำได้เพียงลงมือกับคนชุดดำเหล่านั้น

บังหน้าแล้วไม่กล้าเปิดเผยความบริสุทธิ์ แสดงว่าต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ

เขาตามไป ไปถึงป่าแห่งหนึ่ง เห็นผ้าชิ้นหนึ่งบนเสื้อผ้าของเด็กชายหล่นลง มีรอยเกือกม้าอยู่บนพื้น มองดูไปในป่าตรงหน้า ได้เดินตามรอยเข้าไป

ได้ยินเสียงหนึ่ง: “พ่อหนุ่ม เอาของมา มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจนะ”

ไม่ได้ยินเสียง เห็นได้ชัดว่าเด็กชายต้องซ่อนตัวอยู่ คนชุดดำพวกนี้รู้ว่าเขาอยู่แถวนี้ ดังนั้นจึงพูดกับเขา

รพีพงษ์ได้ยินเสียงหายใจหอบเสียงดัง ตามเสียงนั้นไปอย่างเงียบๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนชุดดำค้นพบ สร้างข่ายอาคมขึ้นโดยทันที

เด็กหนุ่มคนนั้นเห็นรพีพงษ์ ประหลาดใจและถามว่า: “คุณมาได้ยังไง?”

“นายทำล่วงเกินใครมากี่คนแล้ว?”

“เปล่า ผมไม่ได้ล่วงเกินพวกเขา พวกเขาเป็นโจร ต้องการชิงของจากบ้านของผม”

“เมืองแฟรี่ยังมีโจรอีกเหรอ?”

“นี่มันไม่น่าแปลกอะไร เมื่อก่อนตระกูลภูสรีดาวข่มเหงรังแกผู้คน ตอนนี้ตระกูลภูสรีดาวตกอับแล้ว ก็ไม่มีโจรอะไร แต่คนของนรเทพมา นั่นไม่ใช่พวกโจรหรอกเหรอ?”

“เจ้าหนุ่ม นายคือ……”

“ผมคือคุณชายแห่งตระกูลนฤวัตปกรณ์ ปริตร! พวกเขาต้องการแย่งกระบี่อวกาศของบ้านผมไป ตามฆ่าผมจนถึงนี่……”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท