พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1563 เพื่อนสนิทกันหลายปี

บทที่ 1563 เพื่อนสนิทกันหลายปี

จริงๆ แล้วเธอวางแผนไว้แล้ว โตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยรักใคร ในเมื่อตอนนี้ชอบรพีพงษ์ ไม่ว่าในใจของรพีพงษ์จะมีตนเองหรือไม่ ขอเพียงได้อยู่ข้างกายรพีพงษ์ ก็ถือว่ามากพอแล้ว

แม่ของผลินได้ยินดังนั้น ในใจก็ไม่พอใจ

“ความคิดแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก ในเมื่อไม่สามารถแต่งงานกับรพีพงษ์ได้ งั้นก็ต้องไปหาผู้ชายสักคนแล้วแต่งงานเสีย แม่ไม่ยอมตายโดยไม่ได้เห็นหลานหรอกนะ ลูกจะมัวไปคิดแต่จะอยู่ข้างๆ รพีพงษ์ไม่ได้ รู้ไหม”

คนที่มีอายุมาก ก็มักจะคิดแบบนี้ จะรู้จักพลังรักอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน ไปอยู่กับคนที่ตนเองไม่รักนี่สิ ถึงเป็นความทรมาน

ถ้าไม่ชอบแม่แต่ใบหน้าของฝั่งตรงข้าม แล้วจะให้มีลูกกันได้อย่างไร ผลินยังไม่ได้พูดออกมา

ชื่อเสียงของนรเทพนั้น ในเทวโลกไม่มีใครไม่รู้ ครั้งนี้พวกของรพีพงษ์มาต่อกรกับนรเทพ คงจะมีจุดจบที่ไม่ดีแน่

ในใจของผลินรู้ดีว่าพวกของรพีพงษ์ต้องมีเรื่องร้ายมากกว่าดีแน่ๆ ถ้ามีสักวัน ชีวิตของตนเองสามารถแลกกลับชีวิตของรพีพงษ์ได้ล่ะก็ ตนเองก็จะไม่ลังเลเลย

ในใจคิดไปแบบนั้น พลังสายหนึ่งก็มาผลักตัวเธอกับแม่ออกมา พริบตา พวกเธอก็มาถึงยังตำหนักของภูเขาสองกระบี่

นราธิปมองผลินและแม่ของผลิน แล้วก็มองรพีพงษ์อย่างสงสัย หรือว่าไอ้หมอนี่คิดจะเอาสองแม่ลูกคู่นี้ไว้ที่นี่?

“ไอ้หนู นี่มันอะไรกัน?”

“ไม่มีปกป้องพวกเธอได้ ผมคิดดูแล้ว มีเพียงสถานที่ของอาจารย์ธิปเท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด ต่อให้นรเทพมา ก็คงไม่ลงไม้ลงมืออะไร” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม

นราธิปก็มองรพีพงษ์ “คุณก็คิดได้นะ สิ่งที่นรเทพต้องการ ไม่เคยหลุดมือเลยสักครั้ง นี่คุณกำลังจะผลักผมลงหลุมไฟอยู่หรือเปล่า?”

“อาจารย์ธิป ตอนที่คุณช่วยพวกเรานั้น พวกเราทุกคนก็เหมือนกับฝูงมดเดินบนเชือกเส้นเดียวกันแล้ว คุณมีจิตใจดีดั่งพระโพธิสัตว์ คงจะช่วยเหลือแน่นอน”

ในเมื่อพาคนมาแล้ว งั้นก็แสดงว่าเขามีความมั่นใจเพียงพอ เทวเทพก็ดูอยู่ข้างๆ รพีพงษ์เดินเข้าไปใกล้เทวเทพ แล้วยิ้มเบาๆ

เทวเทพเห็นว่าเขายิ้มแปลกๆ ก็ขมวดคิ้ว

“ไอ้หมอนี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?”

“เปล่า แต่อาจจะหาเรื่องคุณเสียหน่อย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ผมคงจะสนใจอะไรมากไม่ได้”

พอได้ยินดังนั้น เทวเทพก็งง นราธิปก็กลับยิ้มๆ ออกมา แล้วก็ไม่ได้พูดเรื่องอื่น

บอกให้บวรวิทย์และพวกของรพีพงษ์รีบไปยังเมืองแฟรี่ ไม่ถึงอาทิตย์ตกวันพรุ่งนี้ ห้ามกลับมา

บวรวิทย์และรพีพงษ์จะต้องไป นราธิปเอาปริตรไว้ที่นี่ ปริตรรู้ดีว่าบนตัวของตนเองไม่มีอะไรที่สู้ได้ อาวุธจริงๆอยู่ตรงหน้า ตนเองไปก็เป็นตัวถ่วงเปล่าๆ สรุปแล้วก็ไม่ได้คัดค้านอะไรกับแผนการนี้

รพีพงษ์และบวรวิทย์รีบไปยังเมืองแฟรี่ ระหว่างทาง รพีพงษ์สัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคย คือนรเทพ นรเทพกำลังมาทางนี้

“งั้นพวกเราไปใช้ทางเล็กเถอะ รับซ่อนพลังเทพในตัวเสีย ไม่ให้คนอื่นพบเห็นได้”

บวรวิทย์ก็มองรพีพงษ์ “เกิดอะไรขึ้น ทางหลักเดินทางเร็วกว่าไม่ใช่หรือไง?”

“คนของนรเทพกำลังเข้ามา ถ้าไม่อยากตายเร็ว ก็ฟังผม”

พอได้ยินดังนั้น บวรวิทย์ก็หุบปากทันที เขาถามว่า “ทำไมคุณถึงคุ้นเคยกับนรเทพดีขนาดนี้ คุณไม่ใช่คนของเทวโลกเสียหน่อย ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องนรเทพดีเท่าคุณเลย”

“ถ้าผมบอกคุณ ว่าผมเคยตายในเงื้อมมือของนรเทพมาก่อน คุณจะเชื่อไหม?”

บวรวิทย์ก็มองรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ ในใจก็สับสน ระหว่างนรเทพและรพีพงษ์ ดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้จักกันมานาน ถึงว่ารพีพงษ์ถึงได้ตอบสนองดีแบบนี้

ในคำพูดของรพีพงษ์นั้น เขาฟังออกในอีกแบบหนึ่ง แล้วก็พูดว่า “คุณหมายความว่า ต่อให้ไม่เกิดเรื่องมังกรดำ คุณและนรเทพก็อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้งั้นหรือ?”

รพีพงษ์ก็มองบวรวิทย์ แล้วก็ยิ้มเบาๆ “ผมไม่เคยเห็นมาก่อนว่าคุณจะมีเวลาที่คิดละเอียดแบบนี้ด้วย”

เขาก็เลยเล่าเรื่องของหนูลินให้บวรวิทย์ฟัง บวรวิทย์นอกจากจะมีสีหน้าตกใจแล้ว เขาก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่า รพีพงษ์จะเป็นคนที่มีถรรยาและลูกแล้ว

เรื่องของรพีพงษ์นั้น เขาไม่ค่อยสนใจมากนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่ยอมร่วมมือกับรพีพงไยดี แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว จะต้องร่วมมือกันทั้งสองคนถึงจะมีโอกาสรอด

บวรวิทย์เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี จะให้เป็นยอมสิโรราบต่อนรเทพเหมือนกับตระกูลพิมพ์สารล่ะก็ เขาทำมันไม่ได้เด็ดขาด

ทั้งสองคนเดินทางในเส้นทางเล็ก ไม่ไกลนั้น เห็นเงาของนรเทพ นรเทพไม่ได้สนใจรอบๆ จุดประสงค์ของเขาคือ ภูเขาสองกระบี่

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พลังของทั้งสองคน ต่อให้ปิดกั้นพลังเทพไปแล้ว เขาก็คงจะรับรู้ได้

นรเทพพาลูกน้องมาหลายคน หนึ่งในนั้นมีชเนศ การตายของพ่อบ้านเตชิตและปริตรตัวปลอมที่อยู่ในคุก ทำให้เขาจำเป็นต้องไปยังภูเขาสองกระบี่

สถานที่แบบนี้ นราธิปสามารถอยู่ได้ สำหรับนรเทพแล้วมันอัศจรรย์มาก

พอถึงภูเขาสองกระบี่ นราธิปก็รอพวกเขาอยู่นานแล้ว นรเทพยิ้มเย็น “ข้อตกลงระหว่างผมกับคุณเมื่อหลายปีก่อน ว่าเราจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ทำไมวันนี้ถึงได้มาขัดขวางผม?”

ระหว่างพูด สายตาก็เผยรังสีการฆ่าออกมา ไม่ถึงที่สุดเขาก็ไม่อยากหาเรื่องอะไรกับนราธิปเหมือนกัน

เพราะถึงอย่างถ้านราธิปร่วมมือกับเขา ทั้งเทวโลกก็เหมือนอยู่ในกำมือแล้ว

“ไม่ใช่เพราะผมจะขัดขวางคุณ คุณเข้ามาที่นี่ได้ ก็คงจะได้ยินข่าวลือต่างๆ นานาด้านนอกแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ได้ยินมันไม่เหมือนกับสิ่งที่ตนเองเห็นหรอก จะมาหาเรื่องเพื่อนเก่าถึงที่นี่ มันไม่เหมาะนะ”

เทวเทพและผลินกับแม่ ได้ถูกนราธิปจัดการให้ไปซ่อนตัวที่มิดชิดแล้ว ต่อให้นรเทพพลิกภูเขาสองกระบี่ค้นหา ก็หาพวกเขาไม่พบ

ข่ายอาคมที่เขาสร้างขึ้นมา มีเพียงเขาคนเดียวที่เปิดได้ คนอื่นถ้าคิดอยากจะเปิด ต้องรอให้เขาตายเท่านั้น

“ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก คุณพูดถูก ตอนที่ผมมาที่นี่ ก็พอได้ยินอะไรมาบ้าง แต่ว่าก็ไม่เห็นว่าจะเป็นข่าวลือเสียทั้งหมด ผมมีความคิดหนึ่ง ขอเพียงคุณมาร่วมมือกับผม เรามาควบคุมเทวโลกนี้กัน เรื่องเด็กพวกนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ทุกอย่างจบกันไป ดีไหม?”

“หลายปีก่อนคุณได้พูดไว้แล้ว ในเมื่อตอนนั้นผมไม่ได้รับปากคุณ ตอนนี้ก็คงไม่ยอมรับเหมือนเดิม ถ้าคุณยังเห็นผมเป็นเพื่อน ก็อย่ามารบกวนความสงบของผมเลย หลายปีมานี้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่สนใจโลกภายนอก ตอนนี้คุณมาที่นี่กระทันหัน ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน”

นราธิปพูดเสียงเย็น

ทั้งสองล้วนเป็นคนฉลาด รู้ว่าฝั่งตรงข้ามกำลังพูดอ้อมค้อมอยู่ นรเทพมาที่นี่แต่ไม่เห็นคนที่อยากเจอ ในใจก็ไม่ยอม

หลายปีมานี้ เขาฝึกฝนอย่างยากลำบาก ห้าหมื่นปีก่อน สู้เสมอกันกับนราธิป แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว เขาดูดกินพลังทิพย์มาไม่น้อย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเองแน่

เขามองไปรอบๆ แล้วก็ยิ้มๆ “คนที่ผมตามหาไม่อยู่ที่นี่ ถ้าผมอยากจะหาให้เจอ คุณจะทำอะไรได้?”

“ที่ผมพูดไป ไม่โกหกแน่ แต่ถ้าคุณอยากจะหาให้ละเอียด ด้วยที่เราเป็นเพื่อนกันหลายปี ผมก็ยอมทำใจคุณหวังก็แล้วกัน”

นรเทพก็รีบส่งสายตาให้กับชเนศ ชเนศก็พาคนไปยังระหว่างหุบเขา……..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท