พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1552 สถานที่ใหม่สำหรับการฝึกบำเพ็ญตน

บทที่ 1552 สถานที่ใหม่สำหรับการฝึกบำเพ็ญตน

เมื่อได้ยินพ่อบ้านเตชิตพูด ชายชุดดำนั่นก็หันหน้ามามองโดยไม่รู้ตัวเลย

คนตรงหน้านี้ รู้เรื่องหนักใจของตัวเองได้อย่างไร ไม่มีเหตุผล

เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจ พูดถามเขา : “แกพูดคำนี้ แกรู้เหรอว่าเรื่องหนักใจของฉันคืออะไร?”

“ถูกต้อง แต่ว่าฉันก็ไม่ได้จะช่วยฟรีๆหรอกนะ ฉันก็มีเงื่อนไข” พ่อบ้านเตชิตพูดกล่าวด้วยสีหน้าที่แวววาว

“แกมีเงื่อนไขอะไร ไม่งั้นก็พูดออกมาตรงๆเลย ฉันไม่ชอบอ้อมค้อม”

คนชุดดำนั่นก็พูดออกมาตรงๆเลย พ่อบ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปยังคนชุดดำ พูดกล่าว : “ฉันรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น แต่ว่าคุณจะต้องช่วยรักษาขาทั้งสองข้างของฉันให้หายดี แล้วให้ฉันเข้าร่วมกับพวกคุณด้วย ฉันและพวกเขามีความแค้นที่ไม่ยอมอยู่ร่วมโลกเดียวกัน หากแค้นนี้ไม่ได้ชำระ ทั้งชีวิตนี้ของฉันก็คงไม่มีวันได้เงยหน้าขึ้นแล้ว ”

คนชุดดำมองไปยังสองขาของเขาอย่างดูถูก พ่อบ้านเตชิตกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ รีบพูดกล่าวอีกทันทีว่า : “คุณวางใจเถอะ ถ้าหากฉันทำในสิ่งที่ฉันพูดไม่ได้ คุณก็หักขาฉันได้เลย ฉันก็จะไม่มีข้อคิดเห็นอะไร ”

ชายชุดดำเผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง พูดถาม : “มีที่อยู่ไหม?”

พ่อบ้านเตชิตมีหน้าบานด้วยความปีติยินดี พูดกล่าว : “มีที่อยู่นะ แต่ว่าถ้าอยู่ที่เก่าของฉัน ทำให้พวกเขารู้ว่าฉันและคนของพวกคุณติดต่อกัน งั้นฉันก็คงใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ ถึงตอนนั้นหากพวกคุณอยากจะตามหาตัวก็ยิ่งจะยากขึ้นไปโดยปริยาย”

พ่อบ้านเตชิตรู้เรื่องหนักใจของคนชุดดำอย่างชัดเจน และคนชุดดำก็ถือว่าเห็นประโยชน์จากในตัวของพ่อบ้านคนนี้แล้ว คิดๆแล้วขานี้ก็โดนหักแล้ว และคนที่เขาต้องการหาตัวมีความเกี่ยวพันกัน

ตอนนี้ทุกคนก็มีมติเป็นเอกฉันท์กันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำงานร่วมกัน

คนชุดดำก็ได้ให้พ่อบ้านไปอยู่ที่ที่เขาอยู่แล้ว พ่อบ้านคนนี้เป็นคนเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ทั้งสองคนต่างก็เอาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

นรเทพอารมณ์ไม่ดี ให้เวลาเดดไลน์แก่พวกเขา ถ้าหากภายในเวลาเดดไลน์นี้ไม่สามารถนำข่าวคราวที่มีประโยชน์กลับมาให้ได้ พวกเขาก็ไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน

ทางภูเขาสองกระบี่ ปัณฑาได้ปล่อยสัตว์ที่ดุร้ายออกมาแล้ว

รพีพงษ์ขมวคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่า สัตว์เซียนนี้จะจัดการได้ง่ายดาย

ยังไงก็เป็นพวกคนสมัยโบราณ ที่ล็อกพวกมันไว้ที่นี่ นราธิปมีจุดประสงค์ของเขา

นราธิปยืนอยู่บนยอดเขาของภูเขาสองกระบี่ ลมพัดผมของเขาปลิวเบาๆ ผ่านปลายจมูก มีกลิ่นเลือดจางๆโชยมา

รพีพงษ์และบวรวิทย์ร่วมมือกันจัดการสัตว์เซียนตัวหนึ่ง สับฆ่าตายได้แล้วหนึ่งตัว

พวกเขาร่วมมือกันถึงจะทำได้เร็วเช่นนี้ ถ้าหากคนเดียว คิดอยากจะฆ่าสัตว์ตัวนั้น เกรงว่าใช้จนสุดพลังก็ยากที่จะฆ่าทิ้งได้

นราธิปพูดกล่าว : “พวกคุณสองคน ทำไมไม่หนึ่งคนต่อหนึ่งสัตว์ หนึ่งคนต่อสิบตัว หนึ่งคนต่อห้าตัว ในร่างกายของสัตว์เซียนนี้มีจิตมุก หลังจากที่สับฆ่าแล้วก็สามารถกินจิตมุกได้ มีประโยชน์มากสำหรับผลการฝึกตนของพวกคุณ ”

บวรวิทย์หายใจหอบๆ พูดว่า : “ที่อาจารย์พูดน่ะง่าย แต่สัตว์เซียนนี่จัดการได้ง่ายดายกันซะที่ไหนล่ะ?”

รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ ที่บวรวิทย์อยากจะอบรมพวกเขาทั้งสองคน ก็เพราะหวังดีกับพวกเขา บวรวิทย์ก็มีเหตุผล เขาก็อยากจะลองพอดี ตัวเองสับฆ่าสัตว์เซียน กินจิตมุกนั่นแล้ว

ในมือของนรเทพกุมพลังความเป็นความตายของหนูลินไว้อยู่ เขาจะยืดเยื้อนานไม่ได้ ไม่งั้นจะต้องเกิดเรื่องกับหนูลินแน่

“ถ้าหากจัดการได้ง่าย ฉันจะให้พวกคุณไปฆ่าเหรอ บวรวิทย์ คุณก็ช่างขี้ขลาดเกินไปแล้วนะ ท่านอาจารย์ก็ไม่มีทางทนมองดูคุณตายในกำมือของสัตว์เซียนได้ไม่ใช่เหรอ?”

บวรวิทย์เก็บกระบี่ในมือกลับมา นั่งอยู่บนโขดหิน บอกว่าอยากพักผ่อนสักหน่อย

พระอาทิตย์ตกดินแล้ว พวกเขาเข่นฆ่ากับสัตว์เซียนนี่เมื่อตอนเที่ยง มองดูสัตว์เซียนในถ้ำนั้น แต่ละตัวต่างก็เตรียมพร้อมแล้ว รอแค่มีคนมาปล่อยพวกมันออกมาเท่านั้น

ปัณฑาที่อยู่อีกฝั่งรู้สึกกลัดกลุ้มมาก พูดกับรพีพงษ์ว่า : “ไม่เห็นจะสนุกสักนิดเลย สัตว์เซียนตัวหนึ่งพวกคุณก็สู้รบเป็นเวลานานขนาดนี้ โชคดีที่ฉันไม่ได้ปล่อยสัตว์เซียนออกมาทั้งหมด”

รพีพงษ์จนใจ เจ้าเด็กคนนี้แค่ยืนพูดเท่านั้นไม่ได้ลงมือทำเหมือนตัวเองสักหน่อย!

ต่อสู้กับสัตว์เซียนตัวนี้ ก็เหนื่อยจนอ่อนระโหยโรยแรงแล้ว ถ้าหากสัตว์เซียนทั้งหมดออกมา งั้นก็ไม่ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายเหรอ?

“หิวไหม จะไปกินผลไม้ป่าที่ภูเขาสักหน่อยไหม?”

“บนภูเขาเป็นสถานที่รวบรวมพลังทิพย์ ผลไม้ป่ากลับว่าสามารถยกระดับผลการฝึกตนของฉันได้ ฉันไม่พูดจาไร้สาระกับพวกคุณแล้ว”

ปัณฑาพูดแล้วก็ออกไปเลย เดินก้าวเข้ามาพูดกับรพีพงษ์ว่า : “ฉันไม่ไปไหนไกล คุณวางใจได้ ไม่ต้องสนใจฉัน”

เขากลับว่าไม่ต้องสนใจ ในเมืองแฟรี่ ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีศัตรู เป้าหมายของนรเทพก็คือเขาและบวรวิทย์

ปัณฑาอยู่ในหุบเขาจนชินแล้ว อยู่ไม่ได้ไปโดยปริยาย ไปที่เมืองแฟรี่เลย

และหนังตาของนราธิปชักกระตุกอย่างไม่หยุดหย่อน แค่คิดว่าหากพวกเขาทั้งสองคนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็คงไม่ได้การแล้ว

พวกลูกน้องของนรเทพล้วนแต่ไม่ใช่คนโง่ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เป็นศัตรูของตระกูลภูสรีดาว ไม่ใช่แค่คนสองคน จะต้องมีคนถือโอกาสแสดงความคิดเห็น สถานที่เน่าๆแห่งนี้ไม่เพียงพอที่จะคุ้มกันพวกเขาสองคน

รพีพงษ์หันหน้าเข้าหาแสงเงินแสงทองบนท้องฟ้า นั่งลงบนพื้น บวรวิทย์มอบจิตมุกของสัตว์เซียนให้รพีพงษ์ บอกว่าผลการฝึกตนของรพีพงษ์ยังน้อยกว่าเขาสองระดับ เรื่องเล็กๆแบบนี้ เขาไม่อยากจะมาขัดแย้งกับรพีพงษ์

รพีพงษ์กลับว่ารู้สึกประหลาดใจ ล้วนเป็นคนที่ตรงไปตรงมาทั้งนั้น รพีพงษ์รับจิตมุกมาเลย ยิ้มอย่างเบาๆ : “ฉันฆ่าสัตว์เซียนแล้ว จะคืนนาย”

“ได้สิ ต่างคนต่างทำ ไม่แน่ประสิทธิภาพอาจจะสูงขึ้นกว่าหน่อย”

บวรวิทย์พูดแล้วก็ไปที่ตำหนักพระวิหารแล้ว เขาอยากจะรู้ว่า ทำยังไงถึงจะยกระดับตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์นั่งลงกับพื้น ค่อยๆเริ่มดูดซับพลังเทพที่กักเก็บอยู่ในยาเม็ดนั้น สายน้ำที่ใสสะอาดวิ่งไหลขึ้นลงทั้งตัว

ตอนที่รีบตาขึ้นมาอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้ว

นราธิปจัดให้พวกเขาสองคนหนึ่งคนต่อหนึ่งถ้ำ บอกว่าข้างในปิดสนิท จะไม่ได้รับผลกระทบจากโลกภายนอก

รพีพงษ์มองไปรอบๆแล้ว ไม่เห็นปัณฑา ค่อนข้างเป็นกังวล คิดถึงคำพูดตอนที่เดินมา ก็ยิ่งเป็นกังวลอย่างมาก

ในเมื่อปัณฑาพูดคำพูดนั้นแล้ว งั้นก็อยากจะเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกให้สนุก ตัวเองมีความจำเป็นอะไรต้องไปรบกวนเขาด้วยล่ะ

ถ้ำของรพีพงษ์และบวรวิทย์อยู่ติดกัน เขาเดินเข้าไปที่ถ้ำ บวรวิทย์ตำหนิว่า : “ฉันอยู่ที่นี่ก็อยู่มาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยพูดเรื่องของถ้ำอะไรนี่เลย ก็ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร”

รพีพงษ์พูดปลอบใจ : “อาจารย์ธิปทำแบบนี้ แน่นอนว่ามีเหตุผลของเขา”

รพีพงษ์สัมผัสได้ว่า พลังงานทิพย์ที่อยู่ในถ้ำนี้ยิ่งง่ายต่อการรวบรวม ในส่วนลึกของถ้ำมีสระบัวที่กำลังเบ่งบาน กลิ่นหอมอบอวลอยู่เต็มถ้ำ

ดอกบัวรายล้อมไปด้วยหมอกบางๆที่ปกคลุม เห็นแล้วก็เกิดความสุขทั้งในด้านดวงตาและด้านจิตใจ ลักษณะของหินประหลาดที่อยู่ในถ้ำ ค่อนข้างหนาวเย็นเล็กน้อย นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ฝึกบำเพ็ญตน

และสถานที่ที่บวรวิทย์อยู่ เดินเข้าไปล้วนเป็นกะโหลกศีรษะ อากาศหนาวเย็นและเงียบสงัด

เขาไม่อยากอยู่ที่เน่าๆแห่งนี้ หันหลังออกไปหานราธิป ถึงข้างนอกแล้ว พบว่าไม่ว่ายังไงก็ออกไปไม่ได้ ที่แท้นราธิปได้จัดตั้งข่ายอาคมขึ้นมา พวกเขาสองคนไม่มีใครสามารถออกไปได้ทั้งนั้น

เขาร้อนใจเดินไปยังในถ้ำที่บอกว่ารพีพงษ์อยู่ในนั้น เพิ่งจะถึงปากทางถ้ำ ก็พบว่าเข้าไปไม่ได้เหมือนกัน

ในใจสับสน นราธิปคิดจะทำอะไรกันแน่

การกระทำนี้ของนราธิปก็เพื่อช่วยเหลือพวกเขาทั้งหมด บวรวิทย์เป็นคนใจร้อนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ รพีพงษ์กลับว่าไม่เป็นกังวล แต่ปัณฑาจะรบกวนความคิดของเขา ตอนนี้จัดตั้งข่ายอาคมขึ้นมา ทั้งสองคนก็จะออกไปก็ไม่ง่ายเลย

ไปยังเมืองแฟรี่ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เขาสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจของนรเทพ แต่พวกสายลับของนรเทพยังอยู่ที่เมืองแฟรี่ จะชะล่าใจไม่ได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท