พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1556 ช่วยชีวิตผลิน

บทที่ 1556 ช่วยชีวิตผลิน

ได้ยินประโยคนี้ หน้าผากของพ่อบ้านเตชิตก็มีเหงื่อไหลออกมาอย่างหนาแน่น ไปมาหาสู่กับพวกคนเหล่านี้ ยากมากจริงๆ หงุดหงิดมากเอาแน่เอานอนไม่ได้ ต่างก็พูดกันว่านรเทพฆ่าคนอย่างไม่ลืมหูลืมตา วันนี้ดูเหมือนว่าคนข้างกายของนรเทพ ก็ฆ่าคนอย่างไม่ลืมหูลืมตาแบบนรเทพเช่นกัน

ผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ก็ให้เขาแล้ว ขอเพียงแค่เขาไม่ทำร้ายตัวเองเป็นพอ เขายิ้มพร้อมพูดว่า: “ฉันชอบมานานมากแล้ว วันนี้คุณก็คิดว่าเธอสวยมากเลยทีเดียว ฉันก็มอบเธอให้คุณ คุณวางใจเถอะ แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบไอ้หมอนั่น แต่ไอ้หมอนั่นไม่สนใจเธอ ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง ”

ผลินมองดูชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้า ในใจผิดหวัง พ่อบ้านเตชิตคนหนึ่งรับมือยากเสียจริง ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของชายชุดดำแล้ว เพียงแค่กลัวว่ายากที่จะปลีกตัวออกได้

เธอบ้วนน้ำลายใส่พ่อบ้านเตชิต ด่าตำหนิ : “ไอ้สารเลว เป็นหมารับใช้ตระกูลภูสรีดาว ตอนนี้ถูกขับไล่ออกมาแล้ว ประจบสอพลอมั่วไปซะทุกที่ ฉันขอสาบาน แกไม่มีทางตายดีแน่ ”

ชายชุดดำหัวเราะอย่างเยือกเย็น : “คำพูดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว”

และมองไปยังผลินต่อ พูดถามกระตุ้นให้เกิดความสนใจ : “สาวน้อย คุณเป็นคนที่ชื่นชอบของไอ้หมอนั่น สิ่งที่ไอ้หมอนี่พูดเมื่อกี้เป็นความจริง ถ้าหากไอ้หมอนั่นอยู่ที่นั่นจริงๆ ฉันไปหาเจอแล้ว จะขอบคุณคุณมากๆ”

ผลินคิดขึ้นได้อย่างทันที พูดกล่าว : “ตามที่ฉันทราบมา ที่แห่งนั้นไม่มีคนอยู่เป็นเวลานานแล้ว เขาพูดแบบนิ้ ไม่มีอะไรมากเขาก็แค่อยากจะหลอกใช้เพื่อให้พวกคุณช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมาย”

คำพูดของผลินไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง พ่อบ้านเตชิตปาดเหงื่อเย็นแล้ว

หากรู้ว่าผลินเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว เขาไม่มีทางขังผลินไว้ที่นี่

พ่อบ้านเตชิตคุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น: “ฉันมีสิบชีวิตก็ไม่กล้าพูดจามั่วซั่ว อีกอย่างคุณก็ช่วยฉันไว้ ฉันจะกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาได้ยังไงล่ะ? ”

ปัณฑานั่งอยู่ฝ่ายฝั่งรู้สึกหมดคำพูด เขาจับหยกไว้แน่น แค่หวังว่าผู้ชายชุดดำคนนี้จะออกจากที่นี่ไปโดยเร็วที่สุด ขอเพียงแค่เขาออกไปจากที่นี่ โอกาสที่ตัวเองจะชนะก็มีมากกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว

ผลินก็คือเพื่อนของรพีพงษ์ และก็เป็นเพื่อนของเขา ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้น รพีพงษ์ออกมาได้ ก็ต้องโทษตัวเอง

ชายชุดดำให้คนพาตัวผลินไป รู้ว่าพ่อบ้านเตชิตพ่อบ้านเตชิตสนใจในตัวของผลิน พูดกับพ่อบ้านเตชิตเลย ขอเพียงแค่พ่อบ้านเตชิตสามารถทำให้พวกเขาเจอตัวรพีพงษ์ งั้นก็จะให้ผลินกับเขา

พ่อบ้านเตชิตจะมีปัญญาขนาดนั้นได้ยังไง ปัณฑาที่อยู่อีกฝ่ายไม่มีทางเลือก นึกถึงเทวเทพ เทวเทพน่าจะมีวิธีอื่น

เดินไปทางตำหนักเลย เขาไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ เทวเทพเห็นปัณฑามาคิดว่าปัณฑาจะนำข่าวคราวของบวรวิทย์มาให้

“ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

“คุณเป็นคนทำร้ายทั้งหมด พ่อบ้านเตชิตทรยศคุณชายวิทและรพีพงษ์ ตอนนี้คนของนรเทพหาที่นี่เจอแล้ว อีกไม่ช้าก็จะหาพวกรพีพงษ์เจอ”

เทวเทพขมวดคิ้ว พ่อบ้านเตชิตมีปัญญาขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็ฆ่าเขาแล้ว ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว

ได้ยินคำพูดของปัณฑา เทวเทพเรียกนันท์ธรมาเลย ให้นันท์ธรมาฆ่าพ่อบ้านเตชิต ปัณฑายิ้มแฉ่งให้เทวเทพส่งลูกน้องสี่คน ไปช่วยผลิน

เทวเทพไม่ยอมที่จะติดตามคนชั่วไปทำเรื่องชั่วๆ นึกถึงบวรวิทย์ ก็รู้ว่าจะนึกถึงแต่ประโยชน์ของตนเองไม่ได้ เมื่อคนหนึ่งโดยทำลายจนพ่ายแพ้ พรรคพวกจะล่มตายไปด้วย เมื่อคนหนึ่งเจริญรุ่งเรือง พรรคพวกก็จะเจริญตามไปด้วย ตอนนี้ทุกคนต่างก็อยู่บนเส้นทางเดียวกันแล้ว

คนของนรเทพรู้ว่าตระกูลภูสรีดาวมีคนอยู่ ก็เลยมา ตระกูลภูสรีดาวก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้

ในเวลานี้ เด็กผู้ชายที่อยู่ข้างกายนราธิปมาถึงที่ตำหนักแล้ว เห็นเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างกายนราธิป เทวเทพก้าวขึ้นไปอย่างกระตือรือร้น : “ลูกของฉันเป็นอันตรายไหม?”

“อาวุโสของเราบอกนะ ถ้าหากตระกูลภูสรีดาวไม่อยากโดนฆ่ายกครัว ในเวลานี้ให้ไปภูเขาสองกระบี่ทั้งหมด”

เด็กผู้ชายคนนั้นพูดจบแล้วก็ออกไป และในเวลานี้ เทวเทพเพียงแค่รู้สึกใกล้จะพังทลายแล้ว นรเทพมาที่นี่แล้วเหรอ?

ดูเหมือนว่าจะจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่แสนดุเดือดได้ คนที่ร้อนใจไม่เพียงแค่เทวเทพเท่านั้น ยังมีปัณฑา ก่อนหน้านี้รพีพงษ์เกือบจะตายในกำมือของหมอนั่นแล้ว ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นมาแล้ว จะอยู่กันดีดีได้เหรอ?

เขาเห็นนันท์ธร พูดกล่าว : “ตอนนี้พวกเราจะไปรีบช่วยคนออกมา แล้วก็ไปหาพวกรพีพงษ์ เวลาไม่ทันการแล้ว”

นรเทพไปที่ไหน จะต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด ไม่มีทางที่จะล่าช้าไปนาน

ตอนที่มาเมื่อตะกี้ก็รู้สึกถึงท่าไม่ค่อยดี ชายชุดดำคนนั้นเคยไปหารพีพงษ์แล้ว วันนี้พวกเขากลับมาเกรงว่าในใจจะมีแผนการเรียบร้อยแล้ว

เขาจะต้องพยายามหาตัวรพีพงษ์ให้เจอแน่ จำต้องยืนยันว่าเขาปลอดภัย ถ้าหากไม่ได้การจริงๆ ทุกคนต่างก็ถอยกันคนละก้าว พวกเขาก็กลับไปยังโลกมนุษย์ นรเทพคงไม่ตามไปถึงโลกมนุษย์หรอก

นันท์ธรและปัณฑาเคลื่อนไหวกันอย่างคล่องแคล่ว ไปช่วยผลินเลย เดิมทีเทวเทพไม่อยากให้นันท์ธรไป แต่นึกถึงสถานการณ์ของทุกคนในตอนนี้ จะไปหรือไม่ไปจริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากขนาดนั้น

“ไปช่วยคนออกมาแล้วก็รีบกลับมา ไม่ต้องแวะพักอยู่ที่นั่น ถ้าหากนรเทพอยู่ที่นี่จริงๆ ถูกเขาจับได้ ทุกคนก็ไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว”

นันท์ธรพยักหน้า ตอบตกลงเลย และเทวเทพก็พาคนในบ้านและเด็กคนนั้นออกไปพร้อมกัน ตอนที่ถึงภูเขาสองกระบี่ นราธิปเตรียมพร้อมแล้วทุกอย่างรอแค่พวกเขา

“โอกาสที่พวกเราจะชนะมีเท่าไหร่?”

“จากผลการฝึกตนของพวกเขาทั้งสองคนในตอนนี้ ไม่มีโอกาสชนะ ที่เรียกคุณมา ฉันก็ยากจะปรึกษาหารือกับคุณ ถ้าหากเสียสละพวกเขาทั้งสองคน สามารถคุ้มครองชีวิตของคนทั้งเมืองนี้ได้ ฉันคิดว่าคุ้มค่านะ”

“ทำแบบนั้นคงไม่ได้หรอกนะ ฉันเป็นพ่อของเด็กคนนั้น ถ้าหากต้องตาย ก็ให้ฉันไปตายแทนเขา”

นราธิปรู้ว่าเรื่องนี้รุนแรงมาก ที่เรียกทุกคนมาก็เพื่ออยากให้ทุกคนช่วยกันออกความคิด พละกำลังของเทวเทพ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนรเทพเลยด้วยซ้ำ เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับนรเทพ เป็นการรนหาที่ตายให้ตัวเอง

ตอนนี้นราธิปไม่มีทางเลือกแล้ว เทวเทพเป็นห่วงลูกชายของเขา มองหาให้ทั่ว ไม่เห็นเงาร่างของเขา

“ทำไมไม่เจอพวกเขาเหรอ?”

“ฉันตั้งข่ายอาคมให้พวกเขาแล้ว แล้วก็ด่านที่ยากลำบาก รอพวกเขาบุกเข้าไป ถ้าหากมีปัญญาก็สามารถออกมาได้ พละกำลังจะต้องยกระดับมากขึ้นแน่ แต่ถ้าออกมาไม่ได้ แทนที่จะให้นรเทพฆ่าพวกเขา สู้ฉันลงมือจัดการเองดีกว่า”

ขณะที่พูดนราธิปสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ มีเพียงทำแบบนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด

เมื่อเทวเทพได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้า แล้วถามว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ไหน?นราธิปชี้ไปยังถ้ำที่อยู่ตรงข้าม เทวเทพไม่สนใจอย่างอื่น เดินตรงไปยังถ้ำเลย เมื่อถึงถ้ำแล้ว เห็นรพีพงษ์และบวรวิทย์ กำลังต่อสู้อยู่ในถ้ำ

รพีพงษ์กำลังต่อสู้กับปลาฉลามทอง และบวรวิทย์กำลังต่อสู้กับจิตมารของตัวเอง จุดอ่อนของเขาก็คือจิตมาร ความปรารถนาและความริษยาไม่มีที่สิ้นสุด

ลูกชายของตัวเองเป็นยังไงตัวเองรู้ดี เทวเทพถอนหายใจ : “คุณธิป ฉันรู้ว่าคุณหวังดีต่อลูก แต่คุณก็รู้จักจุดอ่อนของเขาดี เกรงว่าจะผ่านด้านนี้ไปไม่ได้ คุณว่าจะทำได้ไหม?”

นราธิปเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น : “หรือว่าคุณต้องการให้นรเทพฆ่าพวกเขาจริงๆงั้นเหรอ?ต้องเอาชนะจุดอ่อน ฉันสอนเขาแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆน่าเสียดายที่คุณตามใจจนเหลิง! ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท