ได้ยินประโยคนี้ หน้าผากของพ่อบ้านเตชิตก็มีเหงื่อไหลออกมาอย่างหนาแน่น ไปมาหาสู่กับพวกคนเหล่านี้ ยากมากจริงๆ หงุดหงิดมากเอาแน่เอานอนไม่ได้ ต่างก็พูดกันว่านรเทพฆ่าคนอย่างไม่ลืมหูลืมตา วันนี้ดูเหมือนว่าคนข้างกายของนรเทพ ก็ฆ่าคนอย่างไม่ลืมหูลืมตาแบบนรเทพเช่นกัน
ผู้หญิงคนหนึ่ง ให้ก็ให้เขาแล้ว ขอเพียงแค่เขาไม่ทำร้ายตัวเองเป็นพอ เขายิ้มพร้อมพูดว่า: “ฉันชอบมานานมากแล้ว วันนี้คุณก็คิดว่าเธอสวยมากเลยทีเดียว ฉันก็มอบเธอให้คุณ คุณวางใจเถอะ แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบไอ้หมอนั่น แต่ไอ้หมอนั่นไม่สนใจเธอ ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่อง ”
ผลินมองดูชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้า ในใจผิดหวัง พ่อบ้านเตชิตคนหนึ่งรับมือยากเสียจริง ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของชายชุดดำแล้ว เพียงแค่กลัวว่ายากที่จะปลีกตัวออกได้
เธอบ้วนน้ำลายใส่พ่อบ้านเตชิต ด่าตำหนิ : “ไอ้สารเลว เป็นหมารับใช้ตระกูลภูสรีดาว ตอนนี้ถูกขับไล่ออกมาแล้ว ประจบสอพลอมั่วไปซะทุกที่ ฉันขอสาบาน แกไม่มีทางตายดีแน่ ”
ชายชุดดำหัวเราะอย่างเยือกเย็น : “คำพูดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว”
และมองไปยังผลินต่อ พูดถามกระตุ้นให้เกิดความสนใจ : “สาวน้อย คุณเป็นคนที่ชื่นชอบของไอ้หมอนั่น สิ่งที่ไอ้หมอนี่พูดเมื่อกี้เป็นความจริง ถ้าหากไอ้หมอนั่นอยู่ที่นั่นจริงๆ ฉันไปหาเจอแล้ว จะขอบคุณคุณมากๆ”
ผลินคิดขึ้นได้อย่างทันที พูดกล่าว : “ตามที่ฉันทราบมา ที่แห่งนั้นไม่มีคนอยู่เป็นเวลานานแล้ว เขาพูดแบบนิ้ ไม่มีอะไรมากเขาก็แค่อยากจะหลอกใช้เพื่อให้พวกคุณช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมาย”
คำพูดของผลินไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง พ่อบ้านเตชิตปาดเหงื่อเย็นแล้ว
หากรู้ว่าผลินเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว เขาไม่มีทางขังผลินไว้ที่นี่
พ่อบ้านเตชิตคุกเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น: “ฉันมีสิบชีวิตก็ไม่กล้าพูดจามั่วซั่ว อีกอย่างคุณก็ช่วยฉันไว้ ฉันจะกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาได้ยังไงล่ะ? ”
ปัณฑานั่งอยู่ฝ่ายฝั่งรู้สึกหมดคำพูด เขาจับหยกไว้แน่น แค่หวังว่าผู้ชายชุดดำคนนี้จะออกจากที่นี่ไปโดยเร็วที่สุด ขอเพียงแค่เขาออกไปจากที่นี่ โอกาสที่ตัวเองจะชนะก็มีมากกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว
ผลินก็คือเพื่อนของรพีพงษ์ และก็เป็นเพื่อนของเขา ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้น รพีพงษ์ออกมาได้ ก็ต้องโทษตัวเอง
ชายชุดดำให้คนพาตัวผลินไป รู้ว่าพ่อบ้านเตชิตพ่อบ้านเตชิตสนใจในตัวของผลิน พูดกับพ่อบ้านเตชิตเลย ขอเพียงแค่พ่อบ้านเตชิตสามารถทำให้พวกเขาเจอตัวรพีพงษ์ งั้นก็จะให้ผลินกับเขา
พ่อบ้านเตชิตจะมีปัญญาขนาดนั้นได้ยังไง ปัณฑาที่อยู่อีกฝ่ายไม่มีทางเลือก นึกถึงเทวเทพ เทวเทพน่าจะมีวิธีอื่น
เดินไปทางตำหนักเลย เขาไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ เทวเทพเห็นปัณฑามาคิดว่าปัณฑาจะนำข่าวคราวของบวรวิทย์มาให้
“ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณเป็นคนทำร้ายทั้งหมด พ่อบ้านเตชิตทรยศคุณชายวิทและรพีพงษ์ ตอนนี้คนของนรเทพหาที่นี่เจอแล้ว อีกไม่ช้าก็จะหาพวกรพีพงษ์เจอ”
เทวเทพขมวดคิ้ว พ่อบ้านเตชิตมีปัญญาขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็ฆ่าเขาแล้ว ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว
ได้ยินคำพูดของปัณฑา เทวเทพเรียกนันท์ธรมาเลย ให้นันท์ธรมาฆ่าพ่อบ้านเตชิต ปัณฑายิ้มแฉ่งให้เทวเทพส่งลูกน้องสี่คน ไปช่วยผลิน
เทวเทพไม่ยอมที่จะติดตามคนชั่วไปทำเรื่องชั่วๆ นึกถึงบวรวิทย์ ก็รู้ว่าจะนึกถึงแต่ประโยชน์ของตนเองไม่ได้ เมื่อคนหนึ่งโดยทำลายจนพ่ายแพ้ พรรคพวกจะล่มตายไปด้วย เมื่อคนหนึ่งเจริญรุ่งเรือง พรรคพวกก็จะเจริญตามไปด้วย ตอนนี้ทุกคนต่างก็อยู่บนเส้นทางเดียวกันแล้ว
คนของนรเทพรู้ว่าตระกูลภูสรีดาวมีคนอยู่ ก็เลยมา ตระกูลภูสรีดาวก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้
ในเวลานี้ เด็กผู้ชายที่อยู่ข้างกายนราธิปมาถึงที่ตำหนักแล้ว เห็นเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างกายนราธิป เทวเทพก้าวขึ้นไปอย่างกระตือรือร้น : “ลูกของฉันเป็นอันตรายไหม?”
“อาวุโสของเราบอกนะ ถ้าหากตระกูลภูสรีดาวไม่อยากโดนฆ่ายกครัว ในเวลานี้ให้ไปภูเขาสองกระบี่ทั้งหมด”
เด็กผู้ชายคนนั้นพูดจบแล้วก็ออกไป และในเวลานี้ เทวเทพเพียงแค่รู้สึกใกล้จะพังทลายแล้ว นรเทพมาที่นี่แล้วเหรอ?
ดูเหมือนว่าจะจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่แสนดุเดือดได้ คนที่ร้อนใจไม่เพียงแค่เทวเทพเท่านั้น ยังมีปัณฑา ก่อนหน้านี้รพีพงษ์เกือบจะตายในกำมือของหมอนั่นแล้ว ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นมาแล้ว จะอยู่กันดีดีได้เหรอ?
เขาเห็นนันท์ธร พูดกล่าว : “ตอนนี้พวกเราจะไปรีบช่วยคนออกมา แล้วก็ไปหาพวกรพีพงษ์ เวลาไม่ทันการแล้ว”
นรเทพไปที่ไหน จะต้องดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด ไม่มีทางที่จะล่าช้าไปนาน
ตอนที่มาเมื่อตะกี้ก็รู้สึกถึงท่าไม่ค่อยดี ชายชุดดำคนนั้นเคยไปหารพีพงษ์แล้ว วันนี้พวกเขากลับมาเกรงว่าในใจจะมีแผนการเรียบร้อยแล้ว
เขาจะต้องพยายามหาตัวรพีพงษ์ให้เจอแน่ จำต้องยืนยันว่าเขาปลอดภัย ถ้าหากไม่ได้การจริงๆ ทุกคนต่างก็ถอยกันคนละก้าว พวกเขาก็กลับไปยังโลกมนุษย์ นรเทพคงไม่ตามไปถึงโลกมนุษย์หรอก
นันท์ธรและปัณฑาเคลื่อนไหวกันอย่างคล่องแคล่ว ไปช่วยผลินเลย เดิมทีเทวเทพไม่อยากให้นันท์ธรไป แต่นึกถึงสถานการณ์ของทุกคนในตอนนี้ จะไปหรือไม่ไปจริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากขนาดนั้น
“ไปช่วยคนออกมาแล้วก็รีบกลับมา ไม่ต้องแวะพักอยู่ที่นั่น ถ้าหากนรเทพอยู่ที่นี่จริงๆ ถูกเขาจับได้ ทุกคนก็ไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว”
นันท์ธรพยักหน้า ตอบตกลงเลย และเทวเทพก็พาคนในบ้านและเด็กคนนั้นออกไปพร้อมกัน ตอนที่ถึงภูเขาสองกระบี่ นราธิปเตรียมพร้อมแล้วทุกอย่างรอแค่พวกเขา
“โอกาสที่พวกเราจะชนะมีเท่าไหร่?”
“จากผลการฝึกตนของพวกเขาทั้งสองคนในตอนนี้ ไม่มีโอกาสชนะ ที่เรียกคุณมา ฉันก็ยากจะปรึกษาหารือกับคุณ ถ้าหากเสียสละพวกเขาทั้งสองคน สามารถคุ้มครองชีวิตของคนทั้งเมืองนี้ได้ ฉันคิดว่าคุ้มค่านะ”
“ทำแบบนั้นคงไม่ได้หรอกนะ ฉันเป็นพ่อของเด็กคนนั้น ถ้าหากต้องตาย ก็ให้ฉันไปตายแทนเขา”
นราธิปรู้ว่าเรื่องนี้รุนแรงมาก ที่เรียกทุกคนมาก็เพื่ออยากให้ทุกคนช่วยกันออกความคิด พละกำลังของเทวเทพ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนรเทพเลยด้วยซ้ำ เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับนรเทพ เป็นการรนหาที่ตายให้ตัวเอง
ตอนนี้นราธิปไม่มีทางเลือกแล้ว เทวเทพเป็นห่วงลูกชายของเขา มองหาให้ทั่ว ไม่เห็นเงาร่างของเขา
“ทำไมไม่เจอพวกเขาเหรอ?”
“ฉันตั้งข่ายอาคมให้พวกเขาแล้ว แล้วก็ด่านที่ยากลำบาก รอพวกเขาบุกเข้าไป ถ้าหากมีปัญญาก็สามารถออกมาได้ พละกำลังจะต้องยกระดับมากขึ้นแน่ แต่ถ้าออกมาไม่ได้ แทนที่จะให้นรเทพฆ่าพวกเขา สู้ฉันลงมือจัดการเองดีกว่า”
ขณะที่พูดนราธิปสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ มีเพียงทำแบบนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด
เมื่อเทวเทพได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้า แล้วถามว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ไหน?นราธิปชี้ไปยังถ้ำที่อยู่ตรงข้าม เทวเทพไม่สนใจอย่างอื่น เดินตรงไปยังถ้ำเลย เมื่อถึงถ้ำแล้ว เห็นรพีพงษ์และบวรวิทย์ กำลังต่อสู้อยู่ในถ้ำ
รพีพงษ์กำลังต่อสู้กับปลาฉลามทอง และบวรวิทย์กำลังต่อสู้กับจิตมารของตัวเอง จุดอ่อนของเขาก็คือจิตมาร ความปรารถนาและความริษยาไม่มีที่สิ้นสุด
ลูกชายของตัวเองเป็นยังไงตัวเองรู้ดี เทวเทพถอนหายใจ : “คุณธิป ฉันรู้ว่าคุณหวังดีต่อลูก แต่คุณก็รู้จักจุดอ่อนของเขาดี เกรงว่าจะผ่านด้านนี้ไปไม่ได้ คุณว่าจะทำได้ไหม?”
นราธิปเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น : “หรือว่าคุณต้องการให้นรเทพฆ่าพวกเขาจริงๆงั้นเหรอ?ต้องเอาชนะจุดอ่อน ฉันสอนเขาแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆน่าเสียดายที่คุณตามใจจนเหลิง! ”