พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1582 แผนของนฤเบศร์

บทที่ 1582 แผนของนฤเบศร์

จิรันดน์เหลือบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง และกล่าวอย่างสุภาพ “ในเมื่อเป็นพี่น้องของคุณ เขาก็คือพี่น้องของผมด้วย ได้จัดเตรียมที่นั่งให้ไว้เช่นกัน”

บวรวิทย์เดินตามจิรันดน์ ส่วนรพีพงษ์ ไปหาที่นั่งเอง

เห็นได้ว่าจิรันดน์นั้นจริงใจกับบวรวิทย์ ก่อนหน้านั้นบวรวิทย์เคยพูดซ้ำ ๆ ว่าจะไม่ทำร้ายจิรันดน์ ตอนนี้ตนเองเข้าใจแล้ว

การมาของบวรวิทย์ทำให้นฤเบศร์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาถามบวรวิทย์ว่า “ทำไม พ่อของคุณถึงไม่มา?”

“พ่อไม่ค่อยสบาย ก็เลยให้ผมมาแทน คุณลุง หรือว่าคุณลุงไม่ต้อนรับครับ?”

บวรวิทย์ถามอย่างมีความหมาย สีหน้าของนฤเบศร์เปลี่ยนไป จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ และกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร แค่รู้สึกว่าเสียดายที่พ่อของคุณไม่มา”

“หรือว่าคุณลุงมีเรื่องอะไรจะบอกกับพ่อผม? ผมสามารถตัดสินใจแทนได้ ถ้ามีธุระจริง ๆ คุณลุงบอกผมก็ได้”

นฤเบศร์ยิ้มจาง ๆ ไม่พูดอะไร

เขาสันนิษฐานอยู่ในใจว่า ที่เทวเทพไม่มานั้นต้องเป็นเพราะว่าเขากลัวแน่นอน ในเมื่อพวกเขามีการป้องกันไว้แล้ว ถ้าครั้งนี้อยากจะกำจัดบวรวิทย์และคนอื่น ๆ อาจจะไม่ง่าย

เขามองไปที่รพีพงษ์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง รพีพงษ์เป็นคนที่จัดการยากกว่าบวรวิทย์อีก ซึ่งมีนันท์ธรนั่งอยู่ข้างรพีพงษ์

นฤเบศร์กัดฟัน และสาปแช่งอยู่ในใจว่าพวกเขาช่างขี้ขลาดตาขาว แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมตัวมาอย่างดี ก็จะไม่ยอมปล่อยคนที่ตนเองต้องการฆ่าไปง่าย ๆ

รพีพงษ์เหลือบมองนันท์ธร เห็นนันท์ธรดื่มกินอย่างเต็มที่ ทำให้เขายิ้มด้วยความจำใจ

นันท์ธรไม่ใช่คนที่โง่เขลา รู้ว่านฤเบศร์ไม่กล้าวางยาพิษในงานเลี้ยงนี้แน่นอน อีกสักครู่จะต้องต่อสู้กันแล้ว กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงต่อสู้

เมื่อนันท์ธรเห็นว่ารพีพงษ์มองมาที่ตนเอง จึงชี้ขาหมูที่อยู่บนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “กินสิ คุณจะนั่งเซ่ออยู่ทำไม?”

“ผมไม่หิว”

เขาถือแก้วเหล้าอยู่ในมือ เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างเงียบ ๆ

คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่า เวลานี้พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมขององครักษ์ตระกูลพิมพ์สารแล้ว พวกเขายังพูดคุยหัวเราะ และรับประทานอาหารอย่างมีความสุข

อีกสักครู่ถ้าต่อสู้จริงกัน ๆ กระบี่นั้นไร้ตา อาจทำร้ายผู้บริสุทธิ์มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ เป้าหมายของนฤเบศร์คือตนเอง บวรวิทย์และคนอื่น ๆ ตอนนี้ทุกคนไม่สามารถแยกย้ายกัน มันจะทำให้คนของนฤเบศร์มีโอกาสแอบลงมือได้

ขณะนี้เอง ได้ยินเสียงคนกล่าวกับบวรวิทย์ว่า “คุณชายบวรวิทย์ ได้ยินมาว่าคุณรู้จักเพื่อนใหม่ คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นอาวุโส พวกเราเห็นคุณมาตั้งแต่เล็กจนโต ได้ยินว่าเพื่อนของคุณมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก และเหนือกว่าคุณอีกด้วย ทำไมไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักบ้าง?”

บวรวิทย์ขมวดคิ้วแล้วมองคนที่กล่าว เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้กำลังยั่วยุ และผู้ชายคนนี้ก็เมาหนัก

เขามองไปที่รพีพงษ์ โดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเขากลัวว่ารพีพงษ์จะถือสา

เพื่อไม่ให้บวรวิทย์ต้องลำบากใจ รพีพงษ์จึงลุกขึ้น อย่างไรทุกคนก็อยู่ด้วยกัน ชายชราพุงใหญ่ยืนโซเซ เห็นได้ชัดว่าแล้วไม่บรรลุเป้าหมายเขาจะไม่ยอมเลิกรา ถ้าตนเองไม่ออกไป เขาจะต้องพูดก่อกวนอยู่ตลอด แล้วจะทำให้สถานการณ์โกลาหลแน่นอน

นฤเบศร์อยากจะให้สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดการต่อสู้ได้จะเป็นการดีที่สุด ตอนนี้มีคนเมาเหล้าอยู่ไม่น้อย ต่างคนต่างพูดเดี๋ยวก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากนั้นถ้าเกิดการต่อสู้มันก็สมเหตุสมผล

“ผมก็คือพี่น้องของบวรวิทย์ พวกเรามีพรสวรรค์ที่ดี แต่ต่อหน้าผู้อาวุโสแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ข่าวลือภายนอกนั้นเกินจริงไม่มากก็น้อย ฟังแล้วก็ให้มันผ่านไป ไม่สามารถคิดจริงจังได้”

สิ่งที่รพีพงษ์พูดนั้นเป็นความจริง คำพูดนี้ทำให้เสียงรอบข้างค่อย ๆ เงียบลง นฤเบศร์เดินไปข้างหน้าและกล่าวว่า “คุณชายรพี มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และหลายคนรู้จักคุณ ความจริงแล้วผมอยากรู้มาตลอดว่า ถ้าคุณชายรพีประลองกับบวรวิทย์แล้วใครจะเก่งกว่ากัน?”

เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้!

เขาจงใจยั่วยุให้เกิดข้อพิพาทระหว่างรพีพงษ์และบวรวิทย์ แล้วตนเองนั่งดูอยู่ข้าง ๆ

หลังจากได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของจิรันดน์ไม่สู้ดีนัก เขารีบอธิบายให้บวรวิทย์ฟังอย่างรวดเร็วว่า “พ่อของผมไม่ได้ตั้งใจพูด อย่าไปใส่ใจ”

จิรันดน์กล่าวอย่างไม่มั่นใจ เพราะรู้ว่าพ่อตนเองไม่ชอบบวรวิทย์ ที่เชิญพวกเขามาคราวนี้มันเป็นเรื่องของหน้าตา

ทุกคนที่อยู่ที่นี่อยากให้พวกเขาสองคนประลอง ดูว่าใครจะเก่งกว่ากัน

ทันใดนั้นบรรยากาศก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา พวกเขาคอยเร่งรพีพงษ์และบวรวิทย์

นันท์ธรเลิกกินน่องไก่ แล้วโยนน่องไก่ทิ้งลงบนพื้น จากนั้นก็ยืนขึ้น เขาเป็นคนอ้วนและตัวใหญ่มาก ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้

นันท์ธรมองนฤเบศร์อย่างไม่พอใจ “ถ้าคุณเชิญพวกเรามา พวกเราก็ถือว่าเป็นแขก ตระกูลพิมพ์สารของคุณ ไม่มีมิตรไมตรีในการเป็นเจ้าภาพ คุณมันหน้าซื่อใจคด คุณชายสองคนของพวกเราไม่ใช่คนที่คุณเชิญมาเล่นตลก คุณพูดจาไม่มีระดับ ไม่ว่าเขาสองคนใครจะเก่งกว่ากัน แต่ก็ไม่แพ้ลูกชายคุณแน่นอน คุณคิดว่าเป็นเช่นนั้นไหม?”

สีหน้าของนฤเบศร์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และทุกคนที่พูดก่อกวนก็เงียบทันที ทำอย่างนี้มันไม่เหมาะสมจริง ๆ นฤเบศร์มองไปที่นันท์ธรอย่างเย็นชา กำหมัดไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ

ทุกคนทำเฉยเมยและเงียบสงบ แต่ต่างคนก็มีความคิดของตนเอง

บางคนได้สัมผัสถึงความปั่นป่วนในความมืดแล้ว และครั้งนี้อาจไม่คลี่คลายได้ง่ายๆ

ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างรพีพงษ์กล่าวว่า “ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารอยู่ที่นี่ แต่ทำไมไม่เห็นตระกูลเยอซอ?”

พวกเขาทั้งหมดมาจากแดนไกล และได้รับข่าวว่าตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารอยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสงสัย

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หรือว่าตอนนี้เกิดเรื่องกับตระกูลเยอซอ และว่ากันว่าปริตรไม่มีผลการฝึกตน ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว ตอนนี้ในเมืองแฟรี่ก็มีเพียงตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารเท่านั้นที่มีอิทธิพล

ทั้งสองตระกูลไม่ลงรอยกัน และในงานเลี้ยงเล็ก ๆ นี้ก็สามารถมองออกว่ามีปัญหา และมองเห็นระดับความสัมพันธ์ที่ไม่ดี

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขามากนัก พวกเขาควรดื่มกินตามปกติ ถ้าในเรื่องธุรกิจ พวกเขาอาจจะสามารถพูดหนึ่งหรือสองประโยคได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า

เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ตระกูลเยอซอล่มสลาย ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารกำลังต่อสู้กัน ดูว่าสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ

ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้ใหญ่คราวก่อน ตระกูลพิมพ์สารได้ไปพึ่งพาอาศัยนรเทพ และขณะนี้นรเทพกำลังพักฟื้นอยู่ในตระกูลพิมพ์สาร ชัยชนะสุดท้ายน่าจะเป็นของตระกูลพิมพ์สาร

ถึงแม้ว่านรเทพพ่ายแพ้ แต่ชื่อเสียงก็ยังคงอยู่ ใครจะกล้าเฉยเมย?

คนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครเชื่อว่านรเทพจะพ่ายแพ้

ถึงแม้ว่านรเทพจะพ่ายแพ้ ก็น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ คนที่สู้กับนรเทพนั้นถือว่าโชคดี พวกเขาคิดว่า คนที่แข็งแกร่งถึงตกทุกข์ได้ยากแต่ก็ยังดีกว่าพวกคนที่เพิ่งมีอำนาจ

เพราะในมือของนรเทพยังมีทหารอีกจำนวนมาก ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็สามารถหวนกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งได้ทุกเมื่อ

ในงานเลี้ยงบรรดาเพื่อนที่ไม่พบปะมาหลายปีพูดถึงความรู้สึกโหยหา ต่างคนต่างพูดเรื่องต่าง ๆ นานา ขณะที่รพีพงษ์มองไปที่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ มีถุงโรสแมรีห่อหนึ่งค่อย ๆ คลายออก

มีแนวป้องกันอยู่เหนือศีรษะ และสูงกว่านั้นเป็นตาข่ายขนาดใหญ่

แผนเล็กเหล่านี้ไม่สามารถลอดพ้นสายตาของเขาได้ เขาจะคอยดูว่า ตระกูลพิมพ์สารมีความสามารถแค่ไหนถึงคิดจะจับทุกคนที่อยู่ในที่นี้

ระดับผลการฝึกตนของผู้คนที่อยู่ที่นี่ไม่ต่ำ แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้สังเกตอย่างระมัดระวัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ถึงความอันตรายของที่นี่

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท