เมื่อสักครู่อาศัยแสงจากภายนอกสามารถเห็นสถานการณ์ด้านในห้องลับได้ ตอนนี้ประตูหินปิดลง มองไม่เห็นข้างในเลย มันมืดมิดไปหมด
รพีพงษ์มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง กำแพงด้านข้างก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ และนฤเบศร์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลูกน้อง
รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย และกล่าวกับนฤเบศร์ว่า “ไม่คิดว่า ร่างกายของผู้อาวุโสจะจะกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้”
นฤเบศร์คิดว่ารพีพงษ์จะไล่ตามเขาไปที่นั่น แต่เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของรพีพงษ์ จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่นฤเบศร์ไม่คิดว่าจิรันดน์จะเป็นคนพาพวกเขามาที่นี่
เขารู้สึกโกรธจิรันดน์เป็นอย่างมาก ไอ้เด็กคนนี้ เป็นคนที่ไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ หมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆ
นฤเบศร์เหลือบมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วกล่าวว่า “ผมจะไม่ยอมให้แผนของพวกคุณประสบความสำเร็จ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายที่ไม่เอาถ่าน พวกคุณคิดว่าจะมาถึงที่นี่ได้หรือ?”
“ลูกชายที่คุณเลี้ยงมายังไม่เห็นด้วยกับคุณเลย คุณไม่คิดจะกลับตัว นรเทพเป็นคนไร้มโนธรรม คุณกับเขาร่วมมือกันกระทำความชั่ว คุณไม่รู้สึกว่ามันเหลวไหลหรือ?” รพีพงษ์มองนฤเบศร์แล้วกล่าว
เมื่อนฤเบศร์ได้คำพูดของรพีพงษ์ ทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าขำมาก ประวัติศาสตร์นั้นเขียนโดยผู้ชนะ คำพูดของรพีพงษ์นั้นพูดเร็วเกินไปเล็กน้อย
ได้ยินเสียงดังจากทางนี้ บวรวิทย์และคนอื่นจึงได้เดินมาพร้อมกับตัวนรเทพ เมื่อจิรันดน์เห็นนฤเบศร์ ทำให้เขากลัวจนไม่กล้าพูดอะไร
นฤเบศร์ดุด่าจิรันดน์อย่างโกรธเคือง “แกมันเป็นคนไร้ประโยชน์ พ่อเลี้ยงดูแกมาหลายปี แต่ก็ไม่สามารถเทียบไอ้เด็กเปรตนั้นได้หรือ? เขาและแกมีมิตรภาพเพียงไม่กี่วัน ถึงทำให้แกทรยศพ่อแบบนี้ได้?”
บวรวิทย์ตอบด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะจิรันดน์ทนไม่ได้ในสิ่งที่คุณทำ เขาจะทรยศคุณที่กระทำผิดเพื่อปกป้องความเป็นธรรมได้อย่างไร”
คนที่อยู่ที่นี่นั้นล้วนเป็นคนของพวกรพีพงษ์ แต่ยังไงที่นี่ก็คือเขตอิทธิพลของนฤเบศร์ ทำให้นฤเบศร์ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขาอยู่ในระดับแดนเทพทั้งหมด ซึ่งมีทั้งหมดสามสิบกว่าคน ถ้าต่อสู้กันจริง รพีพงษ์และคนอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย
เมื่อนรเทพเห็นนฤเบศร์ เขาชักสีหน้าใส่นฤเบศร์ และด่าว่านฤเบศร์ไม่เอาถ่าน แม้แต่ลูกชายตนเองก็ยังไม่สามารถคุมได้
ลูกชายเช่นนี้ไม่มีก็ช่าง สู้สุนัขตัวหนึ่งก็ไม่ได้
สีหน้าของนฤเบศร์เปลี่ยนไป ลูกชายของตนเอง ตนเองสามารถพูดอะไรก็ได้ แต่คนอื่นไม่สามารถพูดได้
นรเทพนั้นไม่รู้จักดูทิศทางลม อยู่ภายใต้การคุ้มครองของนฤเบศร์แล้วยังไม่รู้จักข้อบกพร่องของตนเอง นฤเบศร์นั้นไม่ได้แสดงออกชัดเจนเกินไป เขาใช้อาวุธเล็ง ไปที่รพีพงษ์และคนอื่นๆ และกล่าวกับบวรวิทย์ว่า “ปล่อยเขาไป มิเช่นนั้นวันนี้พวกคุณจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้”
รพีพงษ์มองไปที่ประตูหิน และคิดอยู่ในใจว่า ประตูหินกระจอกนี้สามารถกักขังตนเองได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบวรวิทย์และคนอื่นอีกหลายคน
จิรันดน์ทนไม่ไหวและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
เขากลัวนฤเบศร์ แต่ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องตายด้วยมือของพ่อตนเอง
ขณะที่จิรันดน์กำลังพูด นฤเบศร์รู้สึกว่าหัวใจแตกสลาย เห็นได้ชัดว่าที่ตนเองทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเขา ทำไมเขาถึงไม่เอาถ่านเช่นนี้?
จิรันดน์เดินไปหานฤเบศร์ นฤเบศร์ดุด่าด้วยความโกรธ “แกไสหัวออกไป พ่อไม่สามารถพูดได้ว่าแกเป็นลูกชายของพ่อ ถ้าพูดออกไปแล้วมันขายหน้า รู้ไหม! แกคิดว่าพี่น้องพวกนี้เห็นแกอยู่ในสายตาหรือ? ในสายตาของพวกเขา แกเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่เป็น มีเพียงพ่อคนนี้เท่านั้นที่ทำเพื่อแก”
นฤเบศร์รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากในขณะที่กำลังพูด แต่จิรันดน์ไม่ใส่ใจ เพราะเขากับบวรวิทย์ไม่ใช่ว่ารู้จักกันเพียงแค่วันหรือสองวัน เขารู้อย่างชัดเจนบวรวิทย์คิดกับเขายังไง
รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย แล้วก็หลับตา และสร้างโลกอีกใบหนึ่งทันที นฤเบศร์และลูกน้องเข้าสู่โลกใบนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่ว่าในโลกใบนี้ไม่มีลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาเมื่อสักครู่ มีเพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น
นฤเบศร์กัดฟันและมองรพีพงษ์ และกล่าวว่า “ไม่คิดว่าคุณจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย?”
รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ แกล้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน “เรื่องที่คุณคาดไม่ถึงยังมีอีกมากมาย แต่คุณไม่มีโอกาสที่จะได้รู้แล้ว”
เขาดึงกระบี่สยบเซียนแล้วพุ่งไปที่นฤเบศร์ นฤเบศร์คิดที่จะอาศัยฝีมือผู้ใต้บังคับบัญชาของระดับแดนเทพพวกนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่สักคน ส่วนตนเองนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์
นฤเบศร์เพิ่งต่อสู้กับรพีพงษ์ก่อนหน้านี้ และแพ้ให้แก่รพีพงษ์ ตอนนี้ต่อสู้อีกครั้ง รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้ง่าย ๆ
เขาสามารถออกไปจากโลกใบนี้ได้ แต่รพีพงษ์ได้เริ่มโจมตีก่อนที่เขาจะพบทางออก
รพีพงษ์ไม่ได้คิดที่จะฆ่านฤเบศร์ แต่นฤเบศร์เป็นคนที่ชอบกลั่นแกล้งคนอื่น และมองข้ามความหวังดีของผู้อื่น
“นฤเบศร์ ผมต้องการเพียงแค่ตัวนรเทพ ตอนนี้นรเทพอยู่ในมือของพวกเราแล้ว หากคุณไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง ผมคิดว่ามีหลายอย่างที่พวกเราสามารถทำข้อตกลงร่วมกันได้ แต่ถ้าคุณไม่ตกลง ผมทำได้เพียงแค่ฆ่าคุณเท่านั้น”
นฤเบศร์และรพีพงษ์อยู่ห่างกันประมาณสองร้อยเมตร ในสายตาของนฤเบศร์ รพีพงษ์เป็นเพียงเด็กที่อายุรุ่นเดียวคราวเดียวกับจิรันดน์เท่านั้น
เพียงแต่ว่ารพีพงษ์นั้นเก่งกว่าเท่านั้น นฤเบศร์รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ตนเองก็อาจจะไม่ถูกเขาฆ่า
“คุณต้องฆ่าผมก่อนถึงจะมีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนั้นได้ รพีพงษ์ คุณมีความมั่นใจเกินไปแล้ว คุณคิดว่าคุณสามารถฆ่าผมได้หรือ?”
รพีพงษ์ไม่อยากพูดไร้สาระกับเขา เขาเสียสติไปแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถฟังอะไรเข้าใจได้
รพีพงษ์จึงลงมือทันที กระบี่สยบเซียนส่องประกายแวบวับอยู่ในอากาศ ทุกครั้งที่รพีพงษ์โจมตีนั้นได้รับผลสนับสนุนเสริมที่ดีกลับมาตลอด
ก่อนหน้านั้น ไม่ได้ใช้งานกระบี่สยบเซียนมาระยะหนึ่งแล้ว กระบี่สยบเซียนรับรู้ถึงไอสังหารที่อยู่บนร่างรพีพงษ์ และให้ความร่วมมือกับรพีพงษ์เป็นอย่างดี
นฤเบศร์จ้องกระบี่ในมือของรพีพงษ์ ไม่เชื่อว่ากระบี่สยบเซียนยอมรับรพีพงษ์เป็นเจ้านายตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนหน้านั้นจะต้องมีเจ้านายคนอื่นมาก่อนแน่นอน
นฤเบศร์จงใจยั่วโมโห และกล่าวอย่างดูถูกว่า “ไม่รู้ว่าคุณไปขโมยกระบี่สยบเซียนเล่มนี้มาจากที่ไหน รพีพงษ์ ผมขอแนะนำให้คุณเอาไปคืนเจ้านายเดิมของมันโดยเร็วที่สุด”
รพีพงษ์รู้ดีว่า นฤเบศร์ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง แต่ตนเองก็ไม่ใช่คนที่โง่เขลา
“ผมจะฆ่าคุณเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องที่ว่ากระบี่สยบเซียนเล่มนี้มาจากไหน ผมคิดว่ามันไม่สำคัญ” เขาโจมตีอย่างดุเดือด แต่อีกฝ่ายถอยไปเรื่อย ๆ โดยไม่ลงมือ
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว นฤเบศร์ต้องการเห็นจังหวะย่างก้าวฝีเท้าของตนเองอย่างชัดเจน และหาวิธีที่จะทำลายมัน
ผลการฝึกตนของตนเองไม่สูงเท่าของเขา ถ้าเขาสามารถหาเจอจริง จะสามารถเปลี่ยนจากพ่ายแพ้เป็นชัยชนะได้อย่างแน่นอน
เขาหยุดลง และทำกลอุบายในโลกนี้ แล้วร่ายคาถา แล้วก้อนหินที่อยู่รอบ ๆ ถูกรวมเข้าด้วยกัน และพุ่งตรงไปที่นฤเบศร์ทันที
นฤเบศร์ตกใจเป็นอย่างมาก และเริ่มต่อสู้กลับ นอกจากนี้เขายังเริ่มใช้ทุกสิ่งที่มีอยู่รอบตัวเขา แต่พบว่านี่คือโลกที่รพีพงษ์สร้างขึ้นเอง และตนเองไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนย้ายสิ่งของใด ๆ ของที่นี่ได้
รพีพงษ์ต่อสู้อย่างหนักกับนฤเบศร์ เมื่อจิรันดน์เห็นว่าพ่อของตนเองถูกรพีพงษ์พาตัวไป จึงรีบกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “พ่อของผมไม่เป็นไร พวกคุณถอยออกไปก่อน”
“นายน้อย พวกเราฟังแต่คำสั่งของนายท่านเท่านั้น”
จิรันดน์ขมวดคิ้วและตะโกนว่า “ผมก็คือนายท่านของพวกคุณ ตอนนี้ปากเรียกผมว่านายน้อย แต่กลับไม่เชื่อฟังคำสั่งของผม ต่อไปถ้าผมปกครองตระกูล ถ้าพวกคุณไม่อยากให้ชีวิตอย่างอนาถ ตอนนี้ก็ประพฤติตัวดี ๆ”
ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนมองหน้ากัน และตกอยู่ในความลำบากใจ…..