พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1593 เดินทางสู่ภูเขาหิมะซีหลิง

บทที่ 1593 เดินทางสู่ภูเขาหิมะซีหลิง

ผู้หญิงของตัวเองอยู่ข้างกาย คู่ชายหญิง ทำงานล้วนแต่มีชีวิตชีวามากเลย

เขาพูดกับบวรวิทย์ง่ายๆไม่กี่คำก็ออกเดินทางแล้ว มีบวรวิทย์อยู่ ไม่ว่าอะไรเขาก็วางใจแล้ว

ตอนที่ไปเขาพูดกับบวรวิทย์เป็นพิเศษ ถ้าหากประสบความยากลำบากให้ไปหาปริตร ปริตรจะช่วยเหลือย่างแน่นอน

บวรวิทย์ตอบรับรพีพงษ์แล้ว ในใจก็ครุ่นคิด ถ้าหากไม่จนหนทางจริงๆไม่มีทางไปขอความช่วยเหลือจากปริตรแน่นอน

เห็นปริตร เขาก็นึกถึงความธรรมดาของตัวเองก็ถือว่าช่างมันเถอะ ก่อนหน้านี้ยังเคยทำให้ปริตรอัปยศอดสู ไม่ควรอย่างมากเลยจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นปริตรไม่ได้มีความเกรงใจตัวเองเหมือนกับรพีพงษ์ขนาดนั้น ไม่พูดว่าอคติกับตัวเอง ถึงอย่างไรน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น ปริตรไม่มีทางลืมเลือนเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ เกรงว่าปริตรขี้เกียจที่จะมาสนใจตัวเองแล้ว

เขารู้สึกเกรงใจที่จะต้องพูดเรื่องพวกนี้กับรพีพงษ์ เห็นรพีพงษ์เดินออกไป ก็หันหลังกลับไป

บังเอิญเจอผลินจะออกจากบ้านพอดี เขาพูดถามผลิน : “คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”

“ใช่แล้ว บรัชออนของฉันหมดแล้ว ฉันจะออกไปซื้อหน่อยนะ” ผลินยิ้มกริ่ม ตั้งแต่มาอยู่ข้างกายของรพีพงษ์ ก็ใช้พวกบรัชออนเหล่านี้ในปริมาณมากเลยทีเดียว

ล้วนแต่ว่ากันว่าผู้หญิงเราต่างก็แต่งตัวเพื่อเอาใจคนที่ชอบ รพีพงษ์ก็คือชายหนุ่มที่ใช่ของเธอ เพราะงั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของรพีพงษ์ก็จะต้องแต่งตัวให้งดงามหน่อย

“หากต้องการอะไรก็ให้ลูกน้องออกไปซื้อให้ ไม่จำเป็นต้องออกไปเอง ข้างนอกไม่ค่อยสงบสุข” บวรวิทย์มองไปยังยัยเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า โชคดีที่ในตอนนั้นไม่โดนพ่อบ้านเตชิตปู้ยี่ปู้ยํา เป็นคนเรื่อยเฉื่อยไม่มีกลอุบายอะไร หน้าตาก็สะสวย เพียงแค่เสียดายที่ว่าทั้งหมดของหัวใจอยู่ที่รพีพงษ์

ผลินไม่ได้สนใจอะไรมากมาย พูดกล่าว : “มีรพีพงษ์อยู่ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น รพีพงษ์รับปากแล้วว่าจะดูแลฉัน”

“รพีพงษ์ไม่อยู่ที่เมืองแฟรี่แล้ว คุณไม่ต้องเพ้อฝันว่ารพีพงษ์จะออกมาปกป้องคุณหรอกนะ” บวรวิทย์กอดอก ไม่คิดที่จะปิดบังผลิน

เมื่อผลินได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปครู่หนึ่ง หยดน้ำตาที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วก็หยดลงมาจากนัยน์ตา

เมื่อบวรบิทย์เห็นเธอเป็นแบบนี้ ค่อนข้างลนลาน : “ไม่มีรพีพงษ์ มีตระกูลภูสรีดาวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้อยู่เบื้องหลังของคุณ คุณจะร้องไห้ทำไม?”

“คุณไม่เข้าใจหรอก รพีพงษ์เคยพูดไว้ว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะพาฉันไปด้วย เขาไปที่ไหน?” ผลินกำลังรอคำตอบจากบวรวิทย์ “คุณห้ามมาขัดขวางฉันและโกหกฉัน ไม่มีรพีพงษ์ ฉันยอมไปตายเสียดีกว่า”

บวรวิทย์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มีเพียงผู้หญิงและเด็กที่เลี้ยงดูยากเหมือนกัน ทำอย่างกับรพีพงษ์ทิ้งเธอไว้เพียงคนเดียวอย่างงั้น

ปัณฑาที่อยู่กับรพีพงษ์ ตอนนี้แม้แต่ปัณฑารพีพงษ์ยังไม่พาไปด้วยเลย ความคิดของเธอค่อนข้างมากเกินไปหน่อย

บวรวิทย์ขี้เกียจที่จะสนใจเธอ แต่ว่าจะให้เธอออกไปไม่ได้ หาคนมาดูแลเธอไว้ให้ดีๆ บวรวิทย์ไม่เชื่อหรอก ตระกูลภูสรีดาวที่ใหญ่ขนาดนี้จะดูผู้หญิงคนเดียวไม่ได้

ถ้าหากเธอออกไป เกิดเรื่องขึ้นมา รพีพงษ์กลับมาแล้วจะมีคำอธิบายให้รพีพงษ์ฟังได้อย่างไร?

มองออก แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่ได้รู้สึกเชิงชู้สาวอะไร แต่เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นน้องสาวแท้ๆ ไม่ผิดเลย

“คุณอยู่ในคฤหาสน์ให้มันดีๆ ขาดเหลืออะไรก็ให้คนออกไปซื้อให้ หากคุณออกไปแล้วเกิดเรื่องอะไร ฉันคงรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”

บวรวิทย์พูดตรงๆกับผลินเลย ผลินมองไปยังบวรวิทย์อย่างโกรธเคือง แต่ไม่มีวิธีอื่น ในใจก็รู้ดี จริงๆแล้วที่บวรวิทย์ทำก็เพราะหวังดีกับตัวเอง

กลับไปยังลานบ้านอย่างไม่เต็มใจ ปัณฑาเห็นว่าเธอกลัดกลุ้มใจ พูดถาม : “นี่มันเกิดอะไรขึ้น รพีพงษ์กลับมาแล้ว แสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อคุณเหรอ?”

“ถ้าหากเขากลับมาแล้วแสดงท่าทีที่ไม่ดีต่อฉัน ฉันก็มีความสุข ประเด็นคือเขาทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ ส่วนเขาไปที่อื่นแล้วนะสิ”

ปัณฑานั่งอยู่บนหินที่ประดับในสวนอยู่ดีๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รีบลงจากหินมาทันที พูดกล่าว : “คุณรู้ไหมว่าเขาไปที่ไหน เขาไม่พาฉันไปด้วย?”

ปัณฑาประหลาดใจ ในใจของผลินก็ยิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ปัณฑาเป็นลูกสมุนของเขา แต่เขาก็รับปากแม่ของตัวเองแล้วว่าจะดูแลตัวเองให้ดี ตอนนี้จากไปแล้ว มีผีเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเขาไปที่ไหน?

เธอมองไปยังปัณฑา พูดถาม: “ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดี จะรอเขาอยู่ที่นี่เหรอ?”

ปัณฑากระสับกระส่าย เธอไม่ยินยอมที่จะรออยู่ที่นี่ อยู่ด้วยกันกับรพีพงษ์ หากจะไปก็ต้องไปด้วยกัน

แม้ว่าจะต้องตายก็ไม่สามารถทิ้งเธอไว้ได้ เธอครุ่นคิดพร้อมพูดว่า : “แน่นอนว่าพวกเราไม่สามารถรออยู่ที่นี่ไปตลอด สอบถามแล้วแต่ไม่ได้ความว่ารพีพงษ์ไปที่ไหน พวกเราก็ออกไปจากที่นี่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรไปหาเขาที่ไหน คิดหาวิธีสอบถามให้ได้ความก่อนว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วเราค่อยมาว่ากัน ”

ปัณฑามีท่าทีที่เงียบสงบมาก ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เพราะว่ารพีพงษ์จากไปเหมือนกับผลินเลยแม้แต่น้อย

ที่รพีพงษ์ไปพาพวกเธอไปด้วยไม่มีอะไรมากนอกจากระหว่างทางมันอันตราย แต่ว่าจะไปหรือไม่ไปใช่ว่ารพีพงษ์จะสามารถตัดสินใจได้เพียงผู้เดียว

ปัณฑาคุ้นชินกับการเป็นคนตัดสินใจแล้ว ไม่ยิมยอมที่จะให้ผู้อื่นมาตัดสินใจแทนตัวเอง

ผลินมองไปยังปัณฑาอย่างเศร้าซึม พูดอย่างเศร้าๆว่า : “หากว่าพวกเรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บวรวิทย์ก็ไม่มีทางให้พวกเราออกไปหรอก ตอนนี้เขาเป็นพวกเดียวกันกับรพีพงษ์แล้ว”

ปัณฑายิ้มเบาๆ เรื่องแบบนี้ มีวิธีการอย่างแน่นอน……

ทางฝั่งรพีพงษ์ถามเส้นทางไปยังภูเขาหิมะซีหลิงตลอดทาง ไปถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ริมชายแดนของเมืองแฟรี่พูดถามเจ้าของร้านว่า : “ภูเขาหิมะซีหลิงไปทางไหนเหรอครับ?””

“คุณชายคุณอยากจะไปภูเขาหิมะซีหลิงเหรอ ฉันขอแนะนำคุณชายว่าอย่าไปดีกว่านะ” เจ้าของร้านพูดกับรพีพงษ์อย่างมีเมตตาและมีอัธยาศัยดี เจ้าของร้านคนนี้แค่มองก็รู้ว่าน่าคบหาด้วย

รพีพงษ์รีบพูดถามต่อ : “ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ไม่สามารถไปที่ภูเขาหิมะได้แล้วเหรอ?”

“ฉันได้ยินมาว่า เกิดเรื่องขึ้นกับนรเทพแล้ว กองกำลังทหารของเขากำลังระดมพลมาจากทั่วทุกที่ มีกว่าหนึ่งแสนคนที่อยู่ระหว่างทางของภูเขาหิมะซีหลิงกำลังเดินทัพมาทางนี้ ก่อนหน้านี้เคยประจำการอยู่ที่ภูเขาหิมะซีหลิง ฆ่าคนมามากมาย ถ้าไม่ไปได้ พยายามไม่ไปจะดีกว่า”

เจ้าของร้านพูดกล่าว พร้อมถอนหายใจอย่างไม่มีเหตุผล พูดต่อไปว่า : “พวกเขาฆ่าคน ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณขวางหูขวางตาหรือเปล่า ยังดีที่ตอนนี้นรเทพตกอับแล้ว ไม่เช่นนั้นเกรงว่าสถานการณ์อาจจะเลวร้ายกว่าตอนนี้อีก”

“ที่ฉันจะไปที่นั่นเพราะมีเรื่องด่วน แม้ว่าสิ่งที่คุณพูดมาจะเป็นเรื่องจริง ฉันก็จำเป็นต้องไป” รพีพงษ์พูดการตัดสินใจของตัวเองออกมาเลย

เจ้าของร้านมองดูที่รพีพงษ์ครู่หนึ่ง พูดกล่าว : “ในเมื่อคุณไม่ฟังกัน ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เดินตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็คือถนนใหญ่ ระหว่างทางมีทางแยก แต่ไม่จำเป็นต้องสนใจ ”

รพีพงษ์พยักหน้า เดินออกไปจากร้านอาหารแล้ว นึกถึงคำพูดที่เจ้าของร้านพูดมา ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลพวกบวรวิทย์

นรเทพอยู่ในกำมือของบวรวิทย์ จะนำพาให้ตระกูลภูสรีดาวไปสู้หายนะที่ดับสูญหรือเปล่า

แม้ว่าจะมีนราธิปอยู่ก็ตามแต่ นราธิปจะสามารถจัดการกับกองกำลังทหารได้จริงๆเหรอ?

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่กล้าที่จะล่าช้าแม้แต่นาทีเดียว

พละกำลังของนรเทพแข็งแกร่งมากเสียจริง ในเมื่อคนเขาก็เป็นเช่นนี้แล้ว ยังมีคนจำนวนมากมายที่ยอมเสียสละเพื่อเขาได้ ผู้ที่สามารถถวายความจงรักภักดีต่อนรเทพได้ เกรงว่าน่าจะมีสันดานเดียวกับนรเทพ ถ้าหากเจอเข้าแล้ว ฆ่าสักหน่อยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

พระอาทิตย์ลับสู่ขอบฟ้า ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงทันใด รพีพงษ์เดินไปทางถนนใหญ่ บนถนนอ้างว้างไร้ซึ่งผู้คน ทันใดนั้นก็วาดกระท่อมหลังเล็กๆออกมา อยู่อาศัยข้างใน

ค่ำคืนอันมืดมิดถูกเสียงของหมาป่าหอนจนตื่นขึ้นมา ตามมาด้วยได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ ในใจรู้สึกประหลาดใจ มีคนโดนหมาป่าไล่เหรอ?

เขาไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย ลุกขึ้นยืนแล้วออกไปเลย เป็นอย่างที่คิดไว้มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทางแสงจันทร์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท