พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1595 ปีศาจหิมะ

บทที่ 1595 ปีศาจหิมะ

ผลินพูดว่าอีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว เพียงแค่ในเขาลึกนี้ไม่มีคนเดินมานานหลายปีแล้ว ความเร็วช้าลงกว่าเมื่อก่อนมาก

มีเสียงดังคำรามเสียงหนึ่ง ตามหลังปัณฑามา ทำให้ผลินตกใจจนกอดปัณฑาไว้แน่น ปัณฑาขมวดคิ้ว พูดถาม : “อะไรเนี่ย?”

มองไปยังสถานที่ที่เกิดเสียงขึ้นมา ปัณฑาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำไมถึงได้โชคไม่ดีแบบนี้?

ภาพฉากที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้แปลกมาก ปัณฑาดูแล้วเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ถูกผลินที่ตัวโตกว่าโอบกอดไว้

สิ่งที่เผชิญอยู่ตรงหน้าก็คือเสือดาวตัวหนึ่ง กำลังมองมาที่ปัณฑาและผลิน ผลินตกใจจนร้องไห้แล้ว พูดกล่าว : “ปัณฑา คุณมีวิธีบ้างไหม?”

“คุณไม่ได้บอกว่าระหว่างทางจะมีสัตว์ร้ายนะ” ปัณฑาต่อว่าผลิน

เมื่อผลินได้ยินประโยคนี้เข้า แสดงความมั่นใจออกมา พูดกล่าว : “ขอเพียงแค่หาตัวรพีพงษ์เจอไวๆ ต่อให้มีสัตว์ร้ายมากแค่ไหนฉันก็ไม่กลัว”

ปัณฑามองไปยังผลินที่จับมือของเธอไว้ เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง : “ในเมื่อคุณก็พูดแบบนี้แล้ว ปล่อยฉันสิ ตัวตั้งใหญ่ ทำไมถึงได้ไร้ความสามารถเช่นนี้?”

ผลินไม่กล้าที่จะพูดออกมาไปชั่วขณะ เสือดาวตัวนั้นจ้องมองไปยังผลินและปัณฑาอย่างพร้อมที่จะตะครุบ เดินเข้ามาทีละก้าวๆ

ผลินสลัดมือแล้ววิ่งหนีไป ปัณฑาจนใจ ไม่เคยเห็นใครที่โง่ขนาดนี้มาก่อน ต่อให้วิ่งได้สุดยอดแค่ไหน จะวิ่งสู้เสือดาวได้เหรอ

เสือดาวนั่นวิ่งตามไปอย่างดุเดือด ผลินหกล้มกับพื้น เห็นปากของเสือดาวที่กำลังจะกัดไปยังคอของผลิน ปัณฑาร่ายมนตร์ คำรามเสียงใส่เสือดาว เสือดาวหายวับทันที

เดิมทีปัณฑาเป็นภูติในป่า จะกลัวสิ่งเหล่านี้ที่ไหนกัน ตอนที่อยู่ในป่าหมอก สัตว์เหล่านั้นที่สุดยอดกว่าเสือดาวเป็นหลายร้อยเท่าเธอก็เจอมาหมดแล้ว

หลังจากที่เสือดาวหนีไป น้ำตาของผลินยังไม่ทันแห้ง ปัณฑาให้เธอรีบๆหน่อย เธอไม่อยากรอให้รพีพงษ์ทำธุระเสร็จแล้วกลับไป พบว่าพวกเธอไม่อยู่ แล้วออกมาหาพวกเธอ

ฝั่งรพีพงษ์ถึงที่ภูเขาหิมะซีหลิงแล้ว เมื่อตอนที่ข้ามพรมแดนของภูเขาหิมะซีหลิง เสียงลมหนาวพัดผ่าน เสียง“ฟู่ฟู่ฟู่”กระทบบนใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นก็เหน็บหนาวขึ้นมาทันที

มีภูเขาหิมะลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล มีชั้นน้ำแข็งอยู่ใต้ฝ่าเท้า เขาเดินตรงไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน ก็ยิ่งเห็นหิมะที่ปกคลุมหนาแน่น

ในเวลานี้ก็เห็นรอยเท้าที่ใหญ่มากอยู่ไม่ไกล นึกถึงสัตว์ประหลาดหิมะที่ปริตรพูดกล่าว?

เขาระมัดระวังตัวอย่างมาก ก็แค่กลัวว่าจู่ๆจะมีอะไรโผล่ออกมา ถูกโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือตามหายอดเขาที่สูงที่สุดของภูเขาหิมะซีหลิง รพีพงษ์ไม่แน่ใจ การเจริญเติบโตของต้นคงจิตนั่นมีเพียงสองร้อยปีเท่านั้น หวังว่าตัวเองจะหามันเจอ

ถ้าหากครั้งนี้หาไม่เจอ ต่อให้มีนรเทพอยู่ในกำมือก็คงไม่อาจจะช่วยเหลือหนูลินได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับภรรอย่างอารียาแล้ว

ไม่รู้ว่าอารียาอยู่ที่หุบเขาราชาโอรสแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง รพีพงษ์อยากที่จะกลับไปดู แต่เมื่อนึกถึงหนูลินก็อดที่จะโทษตัวเองไม่ได้ว่าเป็นพ่อไม่ที่ดี

ความรู้สึกแบบนี้ของรพีงษ์มีเพียงคนที่เป็นพ่อเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ

เขารู้ นี่เป็นเพียงทางเข้าเดียวของภูเขาหิมะซีหลิง ถ้าหากจะไปยังยอดเขาจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่จะให้ล่าช้าไม่ได้ ตอนนี้ที่ตระกูลภูสรีดาวมีอันตรายอย่างมาก ถ้าหากเป็นเพราะนรเทพทำให้ตระกูลภูสรีดาวเดือดร้อนไปด้วย งั้นตัวเองก็มีความชั่วมหันต์

แสงหิมะทิ่มแทงนัยน์ตา เสียงตูมตาม แผ่นดินเริ่มมีการสั่นสะเทือน รพีพงษ์ค่อนข้างตื่นตระหนก ขมวดคิ้วแล้ว หิมะถล่ม?

สายตาของเขามองไปยังภูเขาหิมะ กลับว่าไม่เห็นความผิดปกติ

ในเวลานี้ก็ได้ยินเสียงหนึ่งเสียงขึ้นมา : “คิดไม่ถึงว่ายังจะมาคนมาตายอีก ฉันอยู่ที่นี่มามากกว่าหมื่นปีแล้วยังไม่มีใครกล้าเข้ามา เด็กน้อย คุณนี่กล้ามากเลยทีเดียวนะ?”

รพีพงษ์มองดูรอบด้าน แต่ว่าไม่เห็นอะไรเลย

ได้ยินเสียงที่ดุเดือดนี้ หรือว่าเป็นเจ้าของภูเขาหิมะซีหลิงงั้นเหรอ?

ในน้ำเสียงนี้มีการเยาะเย้ยและดูถูก รพีพงษ์ก็ทราบดี เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของตัวเองกับพวกเขาแล้ว เล็กน้อยเท่าฝุ่นผงจริงๆ แต่ตัวเองไม่มีทางก้มหัวให้แน่นอน

“คุณเป็นเจ้าของที่แห่งนี้เหรอ ฉันมาที่นี่ก็เหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟก็จริง แต่ว่าฉันจำใจต้องมาที่นี่ ฉันต้องการของล้ำค่าของที่แห่งนี้เพื่อช่วยชีวิตลูกสาวของฉัน”

ระหว่างที่รพีพงษ์พูดจาก็ยังคงสังเกตสถานการณ์โดยรอบอยู่เสมอ เสียงนั่นพูดกล่าว : “ทุกคนที่มาที่แห่งนี้ล้วนมีเป้าหมายของตัวเอง รวมถึงตัวคุณด้วย เพียงแค่สุดท้ายแล้วพวกเขาไม่เพียงแต่เอาของล้ำค่าไปไม่ได้เท่านั้น กลับว่าต้องมาตายที่นี่ด้วย”

รพีพงษ์ตัดสินใจที่จะมาเอง งั้นก็ได้เตรียมใจที่จะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อไว้แล้ว

“ถ้าหากเอาสิ่งของที่ต้องการมาได้ ต่อให้ต้องตายตรงนี้ก็ไม่เป็นไร”

รพีพงษ์พูดจาด้วยเหตุผลที่ถูกต้องและเต็มไปด้วยสัจธรรม พร้อมทั้งก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ปีศาจหิมะพบว่าคำพูดของตัวเองใช้การไม่ได้ ค่อนข้างโกรธ

หิมะก้อนหนึ่งพุ่งกระแทกไปยังรพีพงษ์อย่างรุนแรง รพีพงษ์หลบหลีก ปีศาจหิมะพูดกล่าวต่อว่า : “ถ้าหากตอนนี้คุณรู้จักเข้าใจสถานการณ์ หรือรู้สึกเสียใจภายหลังแล้ว ฉันปล่อยให้คุณกลับไปได้ แต่หากคุณยืนหยัดต่อไป เสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”

“พ่อช่วยลูกสาว เดิมทีก็ไม่มีทางเลือกอะไรมากมาย ถ้าหากวันนี้ไม่ได้สิ่งของมา ต่อให้ตายที่นี่ฉันก็ยอมแล้ว” รพีพงษ์พูดกับท้องฟ้า ไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าปีศาจหิมะอยู่แห่งหนไหน

“พูดจามีคุณธรรมชั้นสูง” น้ำเสียงที่เยือกเย็นของปีศาจหิมะดังขึ้นมา คนเขาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์แล้ว

ผู้หญิงที่มีหน้าตาชวนให้คนตกตะลึง สวมใส่ผ้าคลุมหิมะสีขาว มองไปยังรพีพงษ์ด้วยแววตาที่ดูถูก

การปรากฏตัวของรพีพงษ์ในวันนี้ถูกลิขิตไว้อย่างผิดพลาด เห็นหญิงสาว รพีพงษ์ค่อนข้างตกใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเมื่อกี้เธอพูดจาเลวทรามเหล่านั้น รพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเลวทรามได้ถึงขนาดนั้น

สายตาของรพีพงษ์จ้องมองไปยังปีศาจหิมะ ทันใดนั้นปีศาจหิมะก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พูดกล่าว : “คนที่มาสถานที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ถูกความงดงามของฉันชวนให้หลงใหลจนไม่ยอมที่จะจากไปเลย คุณยินยอมที่จะอยู่ที่นี่ต่อเป็นเพื่อนฉันไหม?”

ปีศาจหิมะมาถึงข้างกายของรพีพงษ์แล้ว หลงเสน่ห์รพีพงษ์

ถึงอย่างไรรพีพงษ์ก็เป็นผู้ชาย จะไม่คิดได้ที่ไหนกัน รู้ว่านี่เป็นกับดัก นึกถึงอารียาขึ้นมา ในสมองของเขาก็ได้สติขึ้นมาอย่างมากเลย

“อยู่ต่อเพื่อเป็นเพื่อนสาวน้อยที่ตายไปแล้ว ฉันไม่ยินยอมแน่นอน”

รพีพงษ์พูดตามความจริง ปีศาจหิมะระเบิดความโกรธที่เก็บมานาน ตัวเองเป็นหญิงสาวที่สวยขนาดนี้ อยู่ตรงหน้าของเขา ยั่วยวนหลอกล่อเขาไม่ได้เลย?

นี่เป็นการทำให้ปีศาจหิมะอัปยศอดสูเลย ปีศาจหิมะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

เธอมองไปยังรพีพงษ์อย่างเยือกเย็น เกิดความสนใจต่อรพีพงษ์แล้ว พูดกล่าว : “คุณว่าคุณมาทำอะไรนะ ต้องการสิ่งมีค่าอะไรนะ?สิ่งของล้ำค่าในภูเขาแห่งนี้มีมากมาย”

รพีพงษ์รู้สึกตึงเครียดเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล พูดกล่าว : “ฉันมาเอาต้นคงจิต ฉันต้องช่วยเหลือลูกสาว”

แววตาของปีศาจหิมะมองไปยังบนภูเขาที่อยู่ไม่ไกล ขมวดคิ้วแน่น พูดถาม : “งั้นคุณก็น่าจะรู้ประโยชน์ของต้นคงจิตนั่น แต่ว่าคุณอย่ามองว่าฉันพูดคุยกับคุณอยู่ตรงนี้นะ สิ่งของบนภูเขาแห่งนี้ แม้แต่ฉันก็เอามาไม่ได้ มีสัตว์ประหลาดหิมะเฝ้าอยู่ คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะทำได้?”

“ไหนๆก็มาแล้ว ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้? ” รพีพงษ์มองไปยังสัตว์ประหลาดหิมะอย่างมีมารยาท ไม่อยากที่จะล่วงเกินเธอ

ในคำพูดของปีศาจหิมะตนนี้ รพีพงษ์ฟังออกว่าที่ต้นคงจิตนั่นยังมีสัตว์ประหลาดหิมะตัวอื่นๆอีก เมื่อเขานึกถึงต้นคงจิต และมองไปยังปีศาจหิมะที่อยู่ตรงหน้า น่าจะไม่มีใครที่เข้าใจสถานการณ์ของภูเขาหิมะซีหลิงไปได้ดีกว่าเธอแล้ว พูดถามปีศาจหิมะ : “ตอนนี้อายุการเจริญเติบโตของต้นคงจิตนั่น?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท