พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1594 คนสองคนที่กระสับกระส่าย

บทที่ 1594 คนสองคนที่กระสับกระส่าย

ในค่ำคืนที่มืดมิดมีหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งนี้ก็เป็นเรื่องที่แปลก เขาคิดว่าเป็นกลอุบายอะไรที่คิดอยากจะล่อให้เขาเกิดความสนใจ เมื่อเห็นผู้หญิงใส่เสื้อผ้านายพานก็รู้แล้ว

ผู้หญิงคนนี้จะต้องหลงทางในป่าแน่นอน หรือไม่ก็ทำร้ายหมาป่าในฝูงแล้ว ทำให้หมาป่าไล่ล่า

เห็นรพีพงษ์แล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ทำอย่างกับเห็นดาวแห่งการช่วยเหลือยังไงอย่างนั้น พูดกล่าว : “ด้านหลังมีหมาป่าไล่ตามฉันมานะ”

คนเขาวิ่งเร็วมาก ไปหลบอยู่เบื้องหลังของรพีพงษ์ รพีพงษ์หมดคำพูด พูดกล่าว : “ฉันรู้ว่าด้านหลังมีหมาป่าไล่ล่าคุณมา เพียงเพราะว่าคุณล่าสัตว์ ความรู้ทั่วไปแค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ ทำให้หมาป่าขุ่นเคืองแล้ว ทำให้หมาป่าไล่ล่าคุณ?”

ผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผลคนนั้น มองไปยังรพีพงษ์ พูดกล่าว : “ถึงอย่างไรฉันก็มาอยู่กับคุณในนี้แล้ว ถ้าหากคุณไม่ช่วยฉัน พวกหมาป่าเหล่านั้นก็จะต้องกินคุณเหมือนกัน”

รพีพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนใจอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้ดูจากตรงไหนว่าตัวเองสามารถช่วยเหลือเธอได้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเลยเหรอ?

รพีพงษ์พูดว่าตัวเองเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธโดยตรง คนธรรมดาที่ไหนกันจะสามารถอาศัยความว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นกระท่อมได้ ตอนกลางวันที่เธอผ่านมาที่นี่ ที่นี่ยังคงว่างเปล่าอยู่เลย ไม่มีเหตุผลที่พอตกกลางคืนจากความว่างเปล่าจะเปลี่ยนเป็นกระท่อมหลังหนึ่ง

รพีพงษ์ยิ้ม หญิงสาวคนนี้คิดละเอียดรอบคอบเลยทีเดียว รพีพงษ์วางข่ายอาคมไว้รอบๆกระท่อมหลังนี้เลย ปากบอกว่าไม่สนใจ แต่ก็มักจะทนเห็นคนตายต่อหน้าโดยที่ไม่ช่วยเหลือไม่ได้

ผู้หญิงเข้ามายังกระท่อมของรพีพงษ์ มองรพีพงษ์พร้อมหัวเราะฮิๆ พูดกล่าว : “คุณมีลูกศิษย์หรือไม่?”

“ฉันไม่มีลูกศิษย์” รพีพงษ์ยืนพิงประตูห้อง มองดูพระจันทร์ คนที่คิดถึงอยู่ในใจก็คืออารียา

“งั้นคุณคิดอยากจะรับลูกศิษย์ไหม คุณว่าฉันเป็นได้ไหม ถ้าหากฉันมีความสามารถได้สักครึ่งของคุณ ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าออกมาล่าสัตว์แล้วถูกหมาป่าไล่ล่าแล้ว”

รพีพงษ์ไม่สนใจผู้หญิงคนนี้ เด็กผู้หญิงบ่นพึมพำกับตัวเองอะไรนะพี่ชายของตัวเองทำเรื่องเข้าให้แล้ว ทำเรื่องไม่ดีอื่นๆก็ถือว่าช่างเถอะ แต่ดันมาฆ่าหมาป่าตัวน้อยในฝูงหมาป่าแล้วนี่สิ

ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

รพีพงษ์เห็นว่าที่นี่เป็นที่ที่ไกลโพ้นจริงๆ เอ่ยถามเด็กผู้หญิง : “พวกคุณล่าสัตว์ที่นี่ งั้นบ้านอยู่ที่ไหนเหรอ?”

“บ้านอยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะจะต้องไปที่ภูเขาหิมะซีหลิง ไม่เช่นนั้นสถานที่ที่รกร้างกันดารเช่นนี้ ฉันไม่มีทางยอมมาหรอก” เด็กผู้หญิงพูดกล่าว ท่าทางเหมือนว่ามีคนบีบบังคับให้เธอมายังไงอย่างนั้น

รพีพงษ์เกิดความสนใจ พูดถาม : “คุณจะไปที่ภูเขาหิมะซีหลิงทำไมเหรอ?”

“พวกเราเป็นนักล่า ภูเขาหิมะซีหลิงมีหมีขาว ไปล่าหมีขาวตัวหนึ่ง ขนหมีสามารถทำมูลค่าให้กับพวกเราได้ดีเลย มีกินมีใช้ไปทั้งชีวิต”

เด็กผู้หญิงคนนี้พูดกล่าว ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เธอใฝ่ฝันที่จะเข้าไปล่าหมีขาวในภูเขาหิมะซีหลิงเป็นอย่างมาก

แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ตัวเองจะแยกกันกับพี่ชายแล้ว และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายของตัวเองเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

รพีพงษ์รู้สึกว่า นี่ก็เป็นประโยชน์ให้กับตัวเองได้พอดีเลย สถานที่ที่เด็กผู้หญิงคนนี้อยากจะไปเป็นสถานที่ที่เดียวกับที่ตัวเองจะไป ไม่คุ้นชินกับเส้นทาง ถ้าหากมีคู่หูก็ไม่โดดเดี่ยวมากจนเกินไป

“ตอนนี้พี่ชายของคุณอยู่ที่ไหนคุณรู้ไหม ถ้าหากไม่รู้ หรือว่าพี่ชายของคุณถูกฆ่าตายแล้ว คุณยังอยากจะไปไหม?” รพีพงษ์เข้าไปในบ้าน มองเด็กผู้หญิงอย่างจริงจัง

เด็กผู้หญิงจ้องมองรพีพงษ์แวบหนึ่ง พูดตำหนิ : “พูดจามั่วซั่ว ไม่มีทางเกิดเรื่องกับพี่ชายของฉันแน่นอน ถ้าหากคนที่จะเกิดเรื่องขึ้นก็น่าจะเป็นคุณมากกว่า ปากเสีย”

รพีพงษ์ก็ไม่มีอะไรจะพูดทันที เขาก็แค่พูดตามความเป็นจริงโอเคไหม เด็กผู้หญิงคนนี้ถ้าหากไม่เจอกับตัวเอง เกรงว่าจะถูกฝูงหมาป่าฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆแล้ว ตอนนี้ก็คงจะเหลือเพียงแค่เศษกระดูกแล้ว

เขานั่งลงบนพื้นดินพร้อมกับหลับตา งีบหลับครู่หนึ่ง

เด็กผู้หญิงพูดกับตัวเอง : “แม้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพี่ชายของฉันจริงๆ ฉันก็ต้องไป ตามล่าหมีขาวหนึ่งตัวเป็นความปรารถนาของฉันและพี่ชาย หากเกิดเรื่องขึ้นกับเขาแล้ว ฉันก็ยิ่งจะต้องทำความปรารถนาของเขาให้สำเร็จ”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร แอบคิดอยู่ในใจ ภูเขาหิมะซีหลิงนั่น ถ้าหากเหมือนกับที่ปริตรพูดจริงๆล่ะก็ พวกเขาไม่ได้ไปล่าหมีขาว แต่ไปเป็นอาหารให้หมีขาวต่างหาก

เห็นเด็กผู้หญิง ถอนหายใจลากยาว บนโลกมนุษย์คนเหล่านั้นเพื่อมีชีวิตอยู่จึงต้องดิ้นร้นอย่างยากลำบาก ทำไมจะไม่ลองทำแบบนี้ล่ะ ต่อให้ไม่มีความหวัง คนที่ชีวิตทุกข์ทรมานจนหัวร้างข้างแตก ก็คงต้องเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่คิดตัวกลัวตาย

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศบนท้องฟ้าครึ้มฟ้าครึ้มฝน น่าจะตกมาครึ่งคืนแล้ว บนพื้นดินล้วนแต่เปียกชื้น

เด็กผู้หญิงตื่นเช้าตั้งนานแล้วออกมาอยู่นอกกระท่อม พูดกล่าว : “ทำไมฉันถึงออกไปไม่ได้ หรือว่าข่ายอาคมที่ผู้ฝึกเซียนอย่างพวกคุณพูดกันคือสิ่งนี้งั้นเหรอ ?”

“คุณนี่ฉลาดมากเลยทีเดียว คุณพูดถูกแล้ว ถ้าหากไม่มีสิ่งนี้ เมื่อคืนคงหลีกเลี่ยงที่จะต่อสู้กับฝูงหมาป่าไม่ได้ ฉันจะไปแล้ว คุณลองดูว่าคุณจะไปตามหาพี่ชาย หรือว่าคุณจะไปกับฉัน?”

เด็กผู้หญิงมองไปยังรพีพงษ์อย่างสงสัย พร้อมทั้งเอ่ยพูดอย่างมีความสุขว่า : “คุณก็จะไปที่ภูเขาหิมะซีหลิงเหรอ?”

“ใช่แล้ว” รพีพงษ์เปิดค่ายอาคมพร้อมเดินตรงไปข้างหน้า เด็กผู้หญิงเดินตามไป เขาพูดเตือน “ฉันขอแนะนำว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะ ถ้าหากไม่เกินความคาดหมายพี่ชายของคุณน่าจะเสียชีวิตแล้ว ไม่ต้องไปที่ภูเขาหิมะซีหลิง ส่วนเรื่องหมีขาวก็ยิ่งไม่ต้องคิดเลย ภูเขาหิมะซีหลิงนั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร”

เด็กผู้หญิงไม่เชื่อฟังรพีพงษ์ บอกว่ารพีพงษ์คนเลวพูดอะไรก็มีแต่เรื่องเลวๆ

เธอเดินเข้าป่าไปเพียงลำพัง เธอแยกทางกันกับพี่ชายที่ในป่า ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

รู้สึกว่าคำพูดของรพีพงษ์ค่อนข้างมีเหตุผล แต่ตัวเองจะทิ้งพี่ชายไปโดยที่ไม่สนใจไม่ได้

เมื่อเห็นเธอเข้าไปในป่าอย่างไม่ลังเล รพีพงษ์ทำได้เพียงขอให้เธอโชคดี

เดินต่อไปข้างหน้า เส้นทางนี้น้อยมากที่จะมีคนเดิน ป่าหญ้าขึ้นรก ตอนที่เดินรพีพงษ์ก็ต้องใช้แรงไปหน่อยแล้ว

ล้วนพูดกันว่าระหว่างทางจะมีกองกำลังทหารของนรเทพ แต่ว่าเขาก็ไม่เห็นสักคนเดียว

ที่ตระกูลภูสรีดาว ปัณฑาสืบดูเรื่องว่ารพีพงษ์ไปที่ไหนมาได้สำเร็จ บวรวิทย์คิดไม่ถึงว่าปัณฑาจะตามไป คิดว่าเธอรู้เรื่องความยากลำบากของรพีพงษ์

กลางดึกพาผลินปีนกำแพงออกไป วันรุ่งขึ้นบวรวิทย์ให้ลูกน้องไปเรียกคนเขาออกมาทานข้าว ปรากฏว่าไม่เห็นเงาร่างของคนเขาแล้ว

ในใจของบวรวิทย์เป็นกังวลอย่างมาก จัดส่งคนไปตามหา เทวเทพขัดขวางบวรวิทย์ไว้ พูดกล่าว “ไปแล้วก็เป็นเรื่องดี มีนรเทพอยู่แค่คนเดียวฉันก๊อกสั่นขวัญแขวนแล้ว มีเพียงแกที่ไม่สนใจ ”

“ฉันรับปากรพีพงษ์แล้วจะผิดสัญญาไม่ได้ พ่อ ถ้าไม่ใช่รพีพงษ์ ฉันเกรงว่าชีวิตนี้คงตายไปนานแล้ว จะไม่สนใจเรื่องบุญคุณไม่ได้หรอกนะ”

ที่บวรวิทย์พูดก็มีเหตุผล เทวเทพไม่มีคำพูดใดที่จะมาหักล้างได้ไปชั่วขณะ ก็ไม่รู้ว่าที่ลูกชายของตระกูลตัวเองให้ความสำคัญกับความผูกพันทางจิตใจของเพื่อนพ้องนี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

ปัณฑาและผลินเดินตามทางของภูเขาหิมะซีหลิง ผลินเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ที่สวรรค์ เส้นทางของภูเขาหิมะซีหลิงเธอไม่คุ้นชินอย่างมาก

“เมื่อพวกเราถึงแล้ว แค่กลัวว่ารพีพงษ์จะกลับมาแล้ว”

ปัณฑาเดินเร็วมาก ผลินเดินช้ากว่าเยอะ เธอพูดว่าผลินว่าเดินช้า

ผลินพูดกล่าว : “อย่างนี้นะ ฉันรู้ว่าทางไหนที่จะไปภูเขาหิมะซีหลิงได้ แล้วก็ใกล้มากด้วย คนที่รู้มีไม่เยอะ พ่อของฉันเป็นนักล่า เคยไปครั้งหนึ่ง กลับบ้านมาก็มาวาดเป็นแผนที่ ไปอีกครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่กลับมาเลย ”

ยิ่งเธอพูดน้ำเสียงก็ยิ่งกดต่ำลง ปัณฑาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ให้เธอเป็นคนนำทางไป

ผลินเดินไปข้างหน้า เธอรู้แม้ว่าจะใกล้ แต่มันก็อันตรายมาก เพื่อที่จะได้เจอรพีพงษ์ให้เร็วหน่อย กลับไม่คิดที่จะบอกกับปัณฑา……

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท