พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1601 เอาวิญญาณมาได้

บทที่ 1601 เอาวิญญาณมาได้

รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ ยิ้มอย่างมีความสุข พูดกล่าว : “เธอก็คือคู่ครองที่ลงตัวของฉัน นอกจากเธอแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาอยู่ในหัวใจของฉันได้อีก”

ยัยหิมะแสดงออกมาว่าตัวเองอิจฉาผู้หญิงคนนั้นมากจริงๆ สามารถหาสามีที่ดีได้ขนาดนี้ เขาชื่นชมรพีพงษ์ว่าดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง

รพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนโง่ คำพูดแบบนี้แน่นอนว่าฟังอย่างเข้าใจอยู่แล้ว แต่สำหรับภรรยาของตัวเอง ไม่เพียงแค่เคารพรัก ยังมีความรับผิดชอบของความเป็นสามี และความรับผิดชอบของความเป็นพ่อ

ยิ่งไปกว่านั้น อารียาอยู่คนเดียว แล้วก็ดูแลลูกอีกหนึ่งคน ใครจะไปรู้ว่าเธอต้องได้รับความไม่เป็นธรรมมากแค่ไหน?

ยัยหิมะพวกเขาอยู่ที่ตำหนักอ๋อง บวรวิทย์ที่อยู่อีกฝั่งเดินมาหารพีพงษ์ ก็ไม่รู้ว่าในใจของรพีพงษ์มีแผนการอย่างไร

“คุณคิดยังไงเหรอ?ตอนนี้ได้ต้นคงจิตมาอยู่ในมือแล้ว จะต้องไปหาอาจารย์ของฉันใช่ไหม?”

“ฉันคิดอะไรอยู่คุณก็เดาได้ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้นรเทพก็เป็นแค่เศษสวะ เหตุผลเดียวที่ไว้ชีวิตของเขาก็เพราะวิญญาณของลูกสาวฉันอยู่ในร่างกายของเขา ขอเพียงแค่สามารถนำวิญญาณของลูกสาวออกมาได้ ประหารชีวิต(5ม้าแยกศพ) เขาก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินไป”

รพีพงษ์และบวรวิทย์ตอนนี้เป็นพี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน บวรวิทย์ตัดสินใจ ไม่ว่ารพีพงษ์คิดจะทำอะไร เขาก็จะสนับสนุนให้ถึงที่สุด

บวรวิทย์พยักหน้า ตอนนี้นรเทพยังมีค่าที่จะหลอกใช้ประโยชน์ได้ ออกไปอยู่ในกำมือของเหล่าทหารของเขาจริงๆ เกรงว่ามีโอกาสมากที่จะเป็นแค่หุ่นเชิด

“คุณพูดถูก เหล่าทหารนั่นของนรเทพไม่มีอะไรนอกจากอยากให้นรเทพยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากนรเทพตายไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะมาล่วงเกินพวกเรา เพียงเพราะศพๆหนึ่งแล้วต้องทำให้เหล่าสหายได้รับบาดเจ็บ” บวรวิทย์พูดวิเคราะห์

สหายทั้งสองคนพูดคุยกันแล้ว รพีพงษ์ก็ออกเดินทางไปยังภูเขาสองกระบี่

นราธิปยืนอยู่บนยอดภูเขา เขารู้ว่ารพีพงษ์จะมาที่นี่ รอเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว ช่วงเวลาที่เขาจากไป ในโลกก็เกิดเรื่องขึ้นไม่น้อยเลย

สักวันเขาก็ต้องรู้ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเขาได้ คนนั้นหายตัวไปกว่าหลายปีแล้ว ตอนนี้มีลางสังหรณ์แปลกๆ หรือว่าจะปรากฏตัวออกมาใหม่งั้นเหรอ?

นราธิปคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะควบคุมสวรรค์ยังไง แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีไปชั่วครู่หนึ่ง

รพีพงษ์มาอยู่ข้างกายของนราธิป หยิบต้นคงจิตออกมา พูดกล่าว : “ฉันคิดไม่ถึงว่าจะเอามาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้ขาดเพียงแค่การช่วยเหลือของคุณแล้ว”

“รพีพงษ์ ถ้าหากว่า ถ้าหากฉันบอกคุณ แม้ว่าคุณจะเอาวิญญาณออกมาได้ ทำแบบนี้ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกสาวของคุณได้ คุณจะทำยังไง?”

รพีพงษ์ตกตะลึง รู้ว่าข้างในนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ เขายังคงฝืนใจยิ้มออกมา : “ขอเพียงแค่ทำในสิ่งที่ควรทำหมดแล้ว ไม่มีทางที่จะช่วยกลับมาไม่ได้”

นราธิปรู้ความดื้อรั้นของเขาดี เขาต้องการให้นราธิปช่วยเหลืออะไร ก่อนหน้าที่นราธิปก็รับปากเขาไว้ ไปก็พอแล้ว

ในเมื่อรพีพงษ์มีความแน่วแน่นี้ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว

นราธิปไปยังตำหนักอ๋องพร้อมกันกับรพีพงษ์ รพีพงษ์กลัดกลุ้มใจตลอดทั้งทาง รู้สึกอึดอัดใจ นราธิปเป็นคนที่ไม่ชอบพูดจาเหลวไหล สิ่งที่เขาพูดกับตัวเองเมื่อกี้นี้เห็นได้ชัดว่ามีความหมายซ่อนอยู่ในคำพูด

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนูลินเด็กคนนั้นงั้นเหรอ?

ถึงตำหนักอ๋องอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ตำหนักอ๋องถูกคนรายล้อมไว้แล้ว รพีพงษ์มองดูจากรอบนอก ไม่ได้เดินเข้าไปทางประตูหลักเลย

นราธิปยิ้มอย่างเยือกเย็น : “พวกเขาช่างมีความจงรักภักดีเสียจริงๆ ทำเพื่อเจ้านายของตัวเอง”

“ภักดีหรือไม่นั้นไม่สำคัญ หลังจากที่เจ้านายเสียชีวิตแล้วคนที่ภักดีก็จะปล่อยวางสิ่งที่ยึดมั่นไว้” รพีพงษ์ได้คิดพิจารณาในใจแล้ว ไม่ได้สนใจพวกทหารเหล่านี้เลย

นราธิปปีนกำแพงเข้าไปพร้อมกับรพีพงษ์ เข้าไปพบกับนรเทพโดยตรงเลย

นรเทพคิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะมีความกล้ามากขนาดนี้ ในใจของนรเทพค่อนข้างตกใจ มองไปยังนราธิปด้วยความโกรธ

“ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แกก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบฆ่าฉันให้สิ้นซาก นราธิป ถ้าหากตอนนี้แกรู้แล้วหันหลังกลับไป ฉันจะปล่อยแกไป”

นราธิปยิ้มเบาๆ ถามเขา : “แกคิดว่าตอนนี้แกยังมีสิทธิ์ที่จะมาพูดยื่นข้อเสนอให้กับฉันงั้นเหรอ?เพราะเหล่าทหารที่อยู่ข้างนอกนั่น?”

“พวกเขาล้วนเป็นทหารไร้ชีพทั้งนั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทั่วทั้งเมืองแฟรี่ก็จะต้องประสบหายนะ”

นรเทพพูดจาเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก นราธิปยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมเอ่ยพูดว่า : “นรเทพนะนรเทพ กระทั่งมาถึงตอนนี้แล้ว แกก็ยังมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ แกยังคงไม่รู้สถานะของตัวเอง ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าแกดื้อรั้นและมั่นใจในตัวเอง รู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีใครมาเปรียบเทียบกับตัวเองได้ จะมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร?”

สีหน้าของนรเทพเปลี่ยนไป สิ่งที่นราธิปพูดมานี้ล้วนเป็นความจริง แต่ว่าเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้

ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ถ้าหากนราธิปอยากจะยืมใช้โอกาสนี้ฆ่าเขา เขาไม่พูดตำหนิแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากดูถูกเขา นราธิปไม่มีสิทธิ์นั้น

รพีพงษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขอเพียงแค่มองนรเทพ ก็นึกถึงวิญญาณของลูกสาวที่อยู่ในร่างของเขา ถ้าหากเอาออกมาตอนนี้ได้ ก็จะได้จัดการเขาให้สิ้นซากเลย

มือและเท้าของนรเทพถูกล่ามเอาไว้ ระหว่างข้อมือและข้อเท้าบดถูจนเกิดคราบเลือดแล้ว แล้วยังมีผิวที่ด้านหนาเป็นชั้นๆ

รพีพงษ์และนราธิปคนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลัง นั่งลงบนพื้น ร่วมแรงร่วมใจกันส่งพลังลมปราณไปยังนรเทพ นรเทพรู้สึกเพียงแค่ว่าวิญญาณของเขาใกล้จะถูกฉีกขาดแล้ว เขาเจ็บปวดมาก ไม่เปล่งเสียงออกมาเลย

ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ ก็จะต้องมีศักดิ์ศรีของกษัตริย์ ในระหว่างนั้น นรเทพหัวเราะฮ่าๆๆ : “แม้ว่าพวกแกจะพยายามอย่างมากเพื่อที่จะฆ่าฉัน กลับว่าไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของฉันยังมีคนอื่นอีก ฉันไม่ตายง่ายๆขนาดนั้นหรอกนะ พวกแกดูถูกฉันเกินไปแล้ว”

รพีพงษ์คิดว่าเขาคิดเพ้อเจ้อไปเลย มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้ว่าจะยอมแพ้แล้วจะยังไงกันเชียว?

รพีพงษ์คิดว่า พ่ายแพ้ให้กับตัวเองก็แค่เสียหน้า แต่พ่ายแพ้ให้กับนราธิปก็เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีอย่างมาก

บนศีรษะของนรเทพมีไอสีดำ วิญญาณกว่าหลายดวงในร่างกายกำลังต่อสู้กันอยู่ เห็นเพียงแค่เหงื่อของเขาที่ค่อยๆไหลออกมา ยิ่งนานเขาก็ยิ่งจะไร้เรี่ยวแรง และก็ไม่สามารถทะเลาะวิวาทกับพวกรพีพงษ์ได้เลย

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ทำไมเห็นเพียงวิญญาณของเขา?และก็ไม่เห็นวิญญาณของลูกสาวตัวเองเลยล่ะ?

“อาจารย์ธิป วิญญาณของลูกสาวฉันถูกเขาดูดซับไปแล้วงั้นเหรอ?ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นเงาร่างของหนูน้อยนั่นเลยล่ะ?”

นราธิปพูดว่า : “ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ก็ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด วิญญาณของลูกสาวคุณและวิญญาณในตัวของนรเทพเองเดิมทีก็เข้ากันไม่ได้อยู่แล้ว เอาต้นคงจิตออกมา!”

รพีพงษ์รีบเอาต้นคงจิตออกมา นราธิปร่ายมนตร์บนต้นคงจิต รพีพงษ์เห็นเพียงเงาร่างหนึ่งเหมือนว่าเป็นหนูลิน

มีความสุขขึ้นมาทันที ความยุ่งยากทั้งหมดนี้คุ้มค่าแล้ว อย่างน้อยในเวลานี้ก็เห็นความหวังแล้ว

วิญญาณที่อยู่ในร่างกายของนรเทพกำลังต่อต้าน ไม่ยินยอมที่จะปล่อยวิญญาณของเด็กออกมา แต่พลังเทพที่อยู่ในต้นคงจิตนั่นค่อยๆแทรกซึมเข้าไป ต่อให้วิญญาณในร่างกายของนรเทพจะไม่ยินยอมก็ตาม วิญญาณของเด็กก็อยู่บนต้นคงจิตนั่นแล้ว

เมื่อได้วิญญาณมาแล้ว รพีพงษ์และนราธิปก็หยุดลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ร่างกายของนรเทพไม่ได้รับการประคองไว้อีกแล้วล้มลงกับพื้นเลย

นัยน์ตาของนรเทพล้วนมีแต่ความเกลียดชัง ถ้าหากว่าสายตาสามารถฆ่าคนให้ตายได้ เกรงว่านราธิปและรพีพงษ์จะเจ็บปวดขั้นสุดแล้ว

ร่างกายของนรเทพคืบคลานอยู่กับพื้น เอ่ยถามรพีพงษ์อย่างไม่เต็มใจว่า : “แกได้วิญญาณของลูกสาวไปแล้ว ทำไมถึงไม่ฆ่าฉันให้ตาย เรื่องทุกอย่างจะได้สิ้นสุดลง? ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท