พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1607 เปิดประตูเมือง

บทที่ 1607 เปิดประตูเมือง

เดชายังไม่พูดอะไร ลูกน้องข้างๆกำลังจะลงมือ เขาทนมองต่อไปไม่ได้

“ฉันต้องการฆ่าเขา ทหารจวนจะถึงเมืองอยู่แล้ว หมอนี่อยู่บนหอคอยเมือง ตั้งใจยั่วยุกันไม่ใช่เหรอ?”

“พูดจาไร้สาระ หากยังไม่ได้รับการยืนยัน ไม่ว่าใครก็ห้ามบุ่มบ่าม”

เดชา ไม่อาจประมาทฆ่าศึก และก็ไม่กล้าประมาทข้าศึก นรเทพเคยต่อสู้กับรพีพงษ์มาก่อน นรเทพและพี่ชายของตัวเองเก่งขนาดนั้นต่างก็อยู่ในมือของพวกรพีพงษ์ กองกำลังทหารหลายแสนนายของตัวเองไม่แน่ว่าจะชนะสงคราม

เดชารู้ดีแก่ใจ แม้ว่ากองทหารที่ยอดเยี่ยมมีจำนวนมาก แต่ความแข็งแกร่งของนรเทพ นรเทพก็สามารถชนะสงครามได้ ในใจเขาเป็นกังวล

ตอนนี้ประตูเมืองแฟรี่ปิดแล้ว รู้ว่าพวกเขามา ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลนฤวัตปกรณ์ต้องเตรียมการไว้พร้อมแล้ว

คนที่เก่งที่สุดก็คือปริตรแห่งตระกูลนฤวัตปกรณ์ เดชาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินมาไม่มากก็น้อย ยังไงก็ต้องป้องกันไว้หน่อยแล้ว

จะตีเมืองและยึดครองดินแดนยิ่งเป็นไปไม่ได้ จะเสียทหารเยอะ มันจะไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้ในอนาคตแน่ เขาทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นไม่ได้หรอก

นฤเบศร์ยืนอยู่บนกำแพงเมือง รู้ว่าพวกเขาจะต้องมาคุยกับตัวเองแน่ เขาอยู่ด้านบน ยืดคอและตะโกนว่า: “ฉันเป็นคนของนรเทพ เจ้านายตายอย่างน่าอนาถ ตอนนี้พวกคุณมาแล้ว ฉันยินดีที่จะร่วมมือกับพวกคุณในการแก้แค้นให้เจ้านาย”

นฤเบศร์พูดอยู่นั้น สายตาของเดชาอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่เขา มองจากไกลๆไม่ค่อยชัดเจน ก่อนหน้านี้ได้ยินชเนศบอกว่า คือตระกูลพิมพ์สาร

และถาม: “บนกำแพงเมือง คุณชื่ออะไร?”

“ฉันชื่อนฤเบศร์ เจ้าบ้านตระกูลพิมพ์สาร ฉันอยู่ร่วมโลกกับตระกูลภูสรีดาวและตระกูลนฤวัตปกรณ์ไม่ได้ ตอนนี้ฉันยินดีที่จะต่อสู้ไปด้วยกันกับทุกคน”

นฤเบศร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิม เดชาเชื่อใจเขาไม่ได้ เขาเป็นคนของเมืองแฟรี่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยคิดถึงเมืองแฟรี่เลยงั้นเหรอ?

เดชายิ้มเย็นชา: “คนในเมืองแฟรี่อย่างพวกคุณมีนิสัยขี้โกงทั้งนั้น ฉันไม่เห็นมีใครอยู่รอบตัวคุณเลย ดักซุ่มกันไว้นานแล้วใช่ไหมล่ะ แล้วรอให้พวกเราติดกับดัก?”

เมื่อพูดจบ ข้างกายของพลตรีที่อยู่ข้างๆเดชากล่าว: “ต้องเป็นอย่างนี้แน่ จะมีคนหวังดีขนาดนั้นได้ยังไง ตอนนี้เจ้านายตายไปแล้ว พวกเรารุกอย่างเดือดดาล ถ้าหากมันเป็นกลอุบาย เราก็จะสูญเสียอย่างมาก”

นฤเบศร์มองไปที่ประตูใต้กำแพงเมือง สูดลมหายใจลึกๆ มองไปที่นฤเบศร์อีกครั้งอย่างสับสนและมองหาพวกรพีพงษ์ แล้วสายตาก็มองไปที่สิงโต 10 กว่าตัว

นฤเบศร์กล่าว: “ตอนนี้ประตูเมืองล็อกแน่น พวกคุณเข้ามาไม่ได้ง่ายๆหรอก พวกเขาได้อพยพคนในเมืองแล้ว ทหารเฝ้าป้อมฉันฆ่าหมดแล้ว ฉันเปิดประตูให้พวกคุณได้ และพวกคุณต้องไปจัดการรพีพงษ์รวมถึงตระกูลภูสรีดาว

เดชามองเขาอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนฤเบศร์ถึงทำเช่นนี้ เขาไม่เชื่อเพียงเพราะการถวายความจงรักภักดีต่อนรเทพ

แม้แต่เดชาก็ไม่อยากสาบานว่าถึงแม้จะตายก็จะจงรักภักดีต่อนรเทพ ก็แค่พี่ชายของเขาตายในเงื้อมมือของรพีพงษ์เท่านั้น หากไม่พูดคำนี้ออกไป ในใจก็คงปล่อยไปไม่ได้

ภายใต้การแอบแฝงการแก้แค้นเพื่อนรเทพ รวบรวมกำลังพลทั้งหมดของนรเทพ ยืมมือพวกคนที่มีความรู้และฝีมืออยู่ในระดับสุดยอดในการฆ่าคน

“ตอนนี้คุณเปิดประตูให้เรา ฉันเดชายินดีที่จะเป็นเพื่อนกับคุณ ถ้าหากเพียงแค่พร่ำบอก ยังไงฉันก็ไม่มีทางเชื่อถือหรอกนะ”

นฤเบศร์ไม่มีวรยุทธใดๆแล้ว เดินเตาะแตะๆไปยังประตูนั่น มองดูกลอนประตูใหญ่นั่นอย่างเคร่งขรึม ก้าวขึ้นไปอย่างหนักแน่นเพื่อไปเปิดประตู

ยังดี ที่ทุกคนไปกันหมดเกลี้ยงแล้ว แม้ว่าทหารเหล่านี้เข้าไปแล้ว ก็จะไม่ทำร้ายผู้คนมากเกินไป

อีกอย่างกองทหารของเขามีมากมาย เข้าไปไม่หมดทุกคน

เสียงเปิดประตูดังขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นประตูเมืองค่อยๆ ถูกเปิดออก เดชาไม่เชื่อว่าเขาจะช่วยตนจริงๆ

เมื่อเผชิญหน้ากับความจริง เดชาไม่พูดอะไร สั่งกองทัพให้เข้าไปโดยตรง และในบ้านของนฤเบศร์ก็มีแค่เขาคนเดียวที่อยู่ เขาคุกเข่าต่อหน้าป้ายของบรรพบุรุษ ในหูได้ยินเสียงฝีเท้า เขาคุกเข่าและมือยันกับพื้นโน้มศีรษะติดพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ต่อให้เลวทรามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำเรื่องที่ไร้ผู้สืบสกุลได้ แต่เมื่อไม่ทำเช่นนี้ เขาก็ไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุลแล้วจริงๆ

จิรันดน์ต้องการปกป้องไว้ แต่เขาไม่มีความสามารถแล้ว

บ้านในเมืองแฟรี่ สัตว์ที่เลี้ยงไว้ที่บ้านถูกฆ่าตายหมด ที่จริงแล้วคนของเดชาหาไม่เจอแม้แต่คนเดียว กริ้วโกรธอย่างมาก

ลูกน้องของเขากล่าว: “ขุนพล พวกเราโดนหลอกแล้ว หมอนั่นเปิดประตูเมือง แต่ไม่มีอะไรเลย พวกเรามาทำอะไร เดิมทีก็ไม่รู้ว่าศัตรูที่เราจะฆ่าอยู่ที่ไหนกัน”

เดชาไม่คิดเช่นนี้ แม้ไม่รู้ว่านฤเบศร์มีจุดประสงค์อะไร แต่ก่อนหน้านี้นฤเบศร์เป็นคนของนรเทพ เรื่องนี้คือเรื่องจริง คนตายเหล่านั้นที่อยู่บนกำแพงเมืองนฤเบศร์ก็เป็นคนฆ่าจริงๆ นฤเบศร์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดโกหก

เดชานึกถึงตำหนักอ๋องขึ้นได้ พากองทัพของตนมุ่งหน้าไปยังตำหนักอ๋อง มีเพียงแค่ตำหนักอ๋องถึงจะมีคนที่เขาตามหา

เมื่อมาถึงหน้าประตูตำหนักอ๋อง ทำไมถึงเข้าไปไม่ได้ ถูกข่ายอาคมกั้นเอาไว้

พวกรพีพงษ์ไม่ได้กลับมา เทวเทพหากอยู่ข้างนอก บวรวิทย์ก็มาถึงตำหนักอ๋องก่อนแล้ว และยังมีนราธิปกับปริตร

บวรวิทย์กังวลว่าพวกเขาจะบุกเข้ามาโดยไม่ลังเล ดังนั้นสร้างข่ายอาคมไว้ ตอนนี้มันมีประโยชน์อย่างมาก

ลูกน้องคนหนึ่งกล่าว: “คุณชาย หาพบแล้ว นฤเบศร์ไปเปิดประตู เขาตั้งใจพาทหารเหล่านั้นเข้ามาครับ”

บวรวิทย์ต่อยเสาข้างเขา ตวาดด้วยความโกรธ: “เลวจริงๆ นฤเบศร์ทำเช่นนี้แล้วมันจะดีต่อเขายังไงกัน?”

ปริตรยิ้มเย็นชา: “ตระกูลภูสรีดาวและตระกูลพิมพ์สารอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และเมื่อกี้ฉันก็ได้ยินเรื่องนี้มาตลอดทาง รพีพงษ์ทำลายการฝึกตนของนฤเบศร์ ถ้าคุณคือนฤเบศร์ คุณจะทนได้เหรอ?”

บวรวิทย์กล่าวด้วยความโกรธจัด: “นั่นก็เป็นกรรมที่นฤเบศร์ก่อไว้และกรรมตามสนอง เขาเป็นคนใจคด อีกอย่างต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา รพีพงษ์ก็ไม่ใช่คนที่สร้างปัญหาโดยไร้เหตุผลอยู่แล้ว”

ปริตรไม่ได้พูดอะไร เขามีแนวทางอยู่ในใจอยู่แล้ว นฤเบศร์อยู่ที่บ้านคนเดียว เขาและตระกูลพิมพ์สารอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ กลับให้จิรันดน์ไปหาพวกรพีพงษ์ เพื่อร้องขอให้ปกป้อง

พ่อแม่รักลูก สิ่งที่ทำได้ก็ทำได้แค่นี้แล้ว ภายนอกดูเหมือนว่า ชั่วร้ายบาปหนา แต่ในฐานะที่เขาเป็นพ่อคนๆหนึ่ง เขาก็มีคุณสมบัติพอ

นราธิปไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ถามลูกน้องพวกรพีพงษ์พวกเขาอยู่ที่ไหน จากการนำพาของลูกน้อง พาเข้าสู่เส้นทางลับในสนามหลังบ้าน ซึ่งเป็นที่ที่รพีพงษ์และพวกเขาอยู่กัน

นราธิปขื่นชมรพีพงษ์อย่างมาก ถึงตอนนี้แล้ว ยังเป็นห่วงบ้านเมือง เขาไม่เคยมองคนผิด เทวเทพเป็นคนวางอำนาจเผด็จการมาตลอด ครั้งนี้ทำได้ถูกต้องมากๆ

เมื่อถึงสถานที่ที่รพีพงษ์และพวกเขาอยู่กัน จิรันดน์รีบมา และถามว่า: “พวกคุณเห็นพ่อผมไหม?”

ลูกน้องที่พูดเมื่อสักครู่มองบนให้จิรันดน์และกล่าว: “พ่อของคุณเปิดประตูเมือง ปล่อยให้ทหารของนรเทพเข้ามา ฉันเห็นกับตา”

จิรันดน์แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง ทำไมพ่อของเขาต้องให้ตัวเองมาอยู่กับพวกรพีพงษ์ด้วย ตอนนี้ก็มาแล้ว แล้วทำไมต้องเปิดประตูเมืองด้วย?

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว สายตามองไปที่จิรันดน์ เห็นเพียงแค่สีหน้าของจิรันดน์ซีดลงอย่างมาก เขานั่งยอง ๆบนพื้นและจับหัวตัวเอง และกล่าวว่า: “เป็นไปไม่ได้ บวรวิทย์ คุณเชื่อพ่อฉันสิ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ คุณก็รู้ดี ใช่ไหม?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท