ตอนที่ 254 สายลมในฤดูใบไม้ร่วงเริ่มพัดผ่าน!
ขณะที่ซุนหลิงซิ่วกำลังรับประทานอาหารชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินมา
ถามคำถามกับเธอโดยตรง ทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“กลับไปกินอาหารของแกซะไอ้เด็กบัดซบ!” หมอโลหิต พูดออกมา
ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หลังจากที่เห็นว่ามีคนเข้ามารบกวนเจ้านายของ
เขา
“หืม?”
คำพูดและการแสดงออกของหมอโลหิต ทำให้เหล่าสาวกของสำนัก
วังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ ขมวดคิ้วและหันไปจ้องมองหมอโลหิตอย่าง
เอาเรื่อง
พวกเขานั้นเป็นคนของสำนักวังเปลวไฟ และยังใส่ชุดของสำนักที่มี
สัญลักษณ์ของสำนักอยู่ตรงหน้าอกค่อนข้างจะชัดเจน และที่สำคัญ
ที่สุดคือเมืองเปลวไฟแห่งนี้ อยู่ในเขตพื้นที่ดูแลของสำนักวังเปลว
ไฟของพวกเขา
“เจ้าคนต่างชาติ แกควรระวังคำพูดที่ออกมาจากปากของแกให้ดี
ไม่เช่นนั้นแกอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าแกนั่นตายยังไง!” ชายหนุ่มคนที่เดิน
มาพูดกับซุนหลิงซิ่ว จ้องเขม็งไปที่หมอโลหิต พร้อมกับชี้นิ้วไปที่
เขา “พวกแกควรรู้ตัวเอาไว้ซะด้วยนะว่าที่นี่นั้นอยู่ภายใต้การดูแล
ของสำนักวังเปลวไฟของพวกเรา!”
“เฮ้! พรรคพวกในภาษาจีนโอกาสแบบนี้สมควรจะพูดว่า ถึงเวลา
วีรบุรุษหนุ่มช่วยสาวงามที่ตกทุกข์ได้ยากแล้วใช่ไหม!”
สำเนียงพูดภาษาจีนที่ฟังแล้วดูมั่ว ๆ และเลอะเทอะคล้ายกับคำพูด
ของหมอโลหิต ก็ดังขึ้นมา
หลังจากนั้นก็มีมือมากดที่ไหล่ของชายหนุ่มที่เป็นสาวกแห่งสำนัก
วังเปลวไฟ
“เฮ้! สาวงามชายหนุ่มคนนี้เป็นคนไม่ดี ฉันจะสอนบทเรียนให้กับเขา
เอง แต่คุณต้องเป็นแฟนกับฉันนะ ถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณฉัน!”
ชายหนุ่มผมบลอนด์ ยิ้มและมองไปยังซุนหลิงซิ่ว ด้วยแววตาที่หื่น
กระหาย!
“แกมาเสือกอะไรด้วยอยากตายมากนักเหรอ?”
ชายหนุ่มจากสำนักวังเปลวไฟ ที่ถูกจับไหล่ คำรามออกมาด้วยความ
โกรธ เขากำหมัดแน่นและชกออกไปอย่างเต็มแรง
อ๊ากกกก!
แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่ชายหนุ่มชกหมัดโจมตีออกไปนั้น ร่างกาย
ของเขาก็เริ่มสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด จากการที่เขาโดนบีบที่
ไหล่อย่างแรง เขาจ้องมองไปที่ชายผมสีบลอนด์ที่อยู่ตรงหน้าเขา
ด้วยความตกใจกลัว!
“แก!….แกกล้าสร้างปัญหาในเขตของสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ
ของพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
“ไอ้เชี่ยเอ้ยยย!..แกอยากตายมากนักใช่ไหม!”
ชายหนุ่มที่เหลืออีกสามคนของสำนักวังเปลวไฟ ต่างลุกขึ้นยืน
พร้อมกันและตั้งท่าเตรียมโจมตีชายหนุ่มผมสีบลอนด์
“ฮึฮึ! ก็แค่ขยะเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ยังกล้าพูดจาอวดดีต่อหน้าฉันอย่าง
นั้นรึ!” ชายชาวต่างชาติผมสีบลอนด์หันกลับมาแล้วพูดเยาะเย้ย แรง
กดดันอันทรงพลังพุ่งตรงเข้าหาชายหนุ่มทั้งสี่คนอย่างรวดเร็ว
“แก!!…”
สาวกทั้งสี่คนจากสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ เกือบจะทรุดตัวลงกัน
ไปในทันที ใบหน้าของพวกเขานั้นเปลี่ยนเป็นซีดขาว ดวงตาของ
พวกเขานั้นเบิกกว้างและจ้องมองไปยังชายชาวต่างชาติผมสีบลอนด์
ด้วยความตกใจ
“ไสหัวไปให้พ้น!”
เพียงแค่คลื่นพลังงานเบา ๆ ของชายหนุ่มชาวต่างชาติ สาวกทั้งสี่คน
ของสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิก็ล้มลงไปกองกับพื้นกันในทันที
สาวกทั้งสี่ของสำนักวังเปลวไฟเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความ
โกรธแค้น แต่พวกเขาก็ทำได้แค่เพียงจ้องมองไปยังชายชาวต่างชาติ
เพียงเท่านั้น
“ฉันชอบจริง ๆ เวลาที่พวกแก ทำสีหน้าแบบนี้!” ชายหนุ่มชาวต่างชาติ
มองไปที่สาวกทั้งสี่คนของสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิพร้อมกับมี
รอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้าของเขา “แต่ฉันชอบดูความสิ้นหวังบน
ใบหน้าของพวกแกมากกว่า!”
“พอได้แล้วเหิงหวัง!”
“ได้เวลาแล้ว พวกเราต้องรีบไป!”
ในขณะนั้นชายชราที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้พูดกับชายหนุ่มผมสี
บลอนด์
“พวกคุณใจร้ายกับผมมากเลย จะปล่อยให้ผมเล่นสนุกอีกสักนิดก็
ไม่ได้!”
ชายหนุ่มผมสีบรอนหันไปยิ้มให้กับกลุ่มคนของเขาก่อนที่เขาจะหัน
กลับมาพูดกับ ซุนหลิงซิ่ว “เฮ้! คนสวยครั้งนี้ผมได้ช่วยคุณเอาไว้
ฉะนั้นถ้าพบกันในครั้งหน้าคุณต้องออกไปเที่ยวกับผมโอเคไหม!”
ในขณะที่เขาพูดเขาส่งยิ้มให้กับซุนหลิงซิ่ว ก่อนที่เขาจะออกไป
พร้อมกับกลุ่มชายชรา
ด้านหลังของพวกเขาสาวกทั้งสี่คน ของสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ
จ้องมองไปยังกลุ่มชายชาวต่างชาติด้วยสายตาอาฆาตแค้น แต่พวก
เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
แรงกดดันทรงพลังที่พวกเขารู้สึกได้จากชายหนุ่มผมสีบรอนด์ทำให้
พวกเขานั้นรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“น่าสนใจดีนะ!”
หวังเสียน หันมองไปยังกลุ่มชาวต่างชาติทั้งสิบคนที่กำลังจะเดิน
ออกไปก่อนที่จะหันไปหาซุนหลิงซิ่ว
ดวงตาของซุนหลิงซิ่วมีประกายแห่งแสงศักด์ิสิทธ์ิสว่างออกมา
เล็กน้อย ในขณะที่เธอยกมือขวาขึ้นและคว้าบางสิ่งบางอย่างออกมา
จากร่างกายของเธอ มันคือเปลวไฟสีแดงจาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นในมือ
ของเธอ
“เจ้ารู้หรือไม่สิ่งนี้คืออะไร!” เธอจ้องมองไปที่หมอโลหิตพร้อมกับ
ถามเขาขึ้นมา
“เครื่องหมายทางจิตวิญญาณ?” หมอโลหิตขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อม
กับตอบว่า “เปลวไฟชนิดนี้!…มีกองกำลังระดับราชาเพียงไม่กี่แห่ง
ในต่างประเทศที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเปลวไฟ จากชื่อที่เขาเรียกชาย
หนุ่มผมสีบลอนด์ ว่าเหิงหวัง พวกเขาน่าจะมาจากสำนักเทพอัคคี
ขอรับนายหญิง!” [1]
หมอโลหิตขมวดคิ้วพร้อมกับชำเลืองมองไปยังกลุ่มของชายชราและ
ชายวัยกลางคนที่กำลังเดินออกไปจากร้านอาหารเพลิงบุปผา
“พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ!” หวัง
เสียน ยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนที่จะหันมาพูดกับกลุ่มคนของเขา
“อะไรนะ?”
โม่หยวน, ดาบคลั่งโลหิตจี และคนอื่น ๆ ต่างตกใจกันมาก
พวกเขาทั้งหมดสิบคนนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ?
“แล้ว!..แล้วพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร?” โม่ชิงหลงขมวดคิ้วและพึมพำ
ออกมา
หวังเสียน มองไปที่เหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ ที่กำลัง
นั่งกันอยู่ด้วยสีหน้าที่หดหู่ ก่อนที่เขาจะพูดว่า “มันก็น่าจะเกี่ยวข้อง
กับสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่าพวกเขา
นั้นดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิสักเท่าไหร่!”
พวกเขาไม่ได้เป็นมิตรกัน นั่นก็หมายความว่า…
โม่ชิงหลงและคนที่เหลือต่างตกใจและจมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดของ
ตัวเองกันอย่างรวดเร็ว
“ผมนั้นมีความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับสำนักเทพอัคคี พวกเขานั้นน่าจะมี
ความแข็งแกร่งไม่ต่างจากสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิที่เก่าแก่ของทาง
ประเทศจีนเรา และดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นคง
จะต้องเหนือกว่าสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิอย่างแน่นอน!..”
มีความลังเลใจและความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโม่ชิงหลง
“ฮึฮึ! บางทีในค่ำคืนนี้อาจจะมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นก็ได้!”
หวังเสียน พูดออกมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ไอ้เด็กบัดซบผมสีบลอนด์คนนั้น บังอาจทิ้งเครื่องหมายจิตวิญญาณ
เอาไว้เพื่อติดตามนายหญิงของข้า! ถ้าหากเจอกันครั้งหน้าข้าจะสังหาร
มันเสีย!”
หมอโลหิตพูดออกมาพร้อมกับมีเจตนาฆ่ารุนแรง
…
ค่ำคืนแห่งการส่งท้ายฤดูร้อนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และสายลมแห่งฤดู
ใบไม้ร่วงก็เริ่มพัดผ่านเข้ามา
ภูเขาหินเพลิงยังคงส่องแสงอยู่ในความมืดออกมาจาง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จุดสูงสุดของภูเขาหลัก ในเวลากลางคืนภูเขาไฟ
จะถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงเมื่อมองดูแล้วทำให้รู้สึกสวยงามมาก
เป็นพิเศษ
มีเงาดำหกร่างปรากฏขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ และอยู่ห่างจากทางเข้าสำนัก
วังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิประมาณ 1 กิโลเมตร พวกเขานั้นยืนนิ่งและรอ
กันอยู่อย่างเงียบ ๆ
“หมอเทวะหวังตอนนี้มันเป็นเวลา 21.00 น. แล้ว พวกเราควรเริ่ม
แยกย้ายกันเพื่อซุ่มโจมตีและสังหารเหล่าผู้อาวุโสของแต่ละยอดเขา
ได้แล้วล่ะ ถึงแม้ว่าพวกเรานั้นจะไม่สามารถกวาดล้างสำนักวังเปลว
ไฟศักด์ิสิทธ์ิลงได้ทั้งหมด แต่พวกเราก็สามารถสร้างความเสียหายที่
ร้ายแรงให้กับพวกเขาได้อย่างแน่นอน!” ดาบคลั่งโลหิตจีมองไปที่
หวังเสียน พร้อมกับพูดแนะนำ
“ไม่ต้องรีบร้อน! รอดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้เสียก่อน!”
หวังเสียน พูดกับดาบคลั่งโลหิตจี ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังสำนัก
วังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิอย่างเงียบ ๆ
ดาบคลั่งโลหิตจีรู้สึกสับสน แต่ตัวเขาก็ยังรออย่างอดทนตามคำพูด
ของหวังเสียน
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ในตอนนี้ก็เป็นเวลา 22.00 น. ในทันใดนั้นก็
มีเงาดำสิบร่างปรากฏตัวขึ้นจากระยะไกล
พวกเขาเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุ แรงกดดันและออร่า
ของพวกเขาที่ปลดปล่อยกันมาในตอนนี้รุนแรงเป็นอย่างมากเลย
ทีเดียว
“นั่น!…คนพวกนั้น!”
“คนพวกนั้นคือชายชาวต่างชาติทั้งสิบคน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ
ก่อกำเนิดลมปราณที่เราพบที่ร้านอาหารเมื่อตอนค่ำใช่หรือไม่?”
ดาบคลั่งโลหิตจีมองไปที่เงาดำทั้งสิบคนนั้น ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
ในตอนนี้พวกเขาทั้งสิบคน ไม่ได้พยายามซ่อนตัวกันเลยแม้แต่น้อย
กลุ่มของพวกเขานั้นพุ่งตรงเข้าไปสู่ประตูทางเข้าของสำนักวังเปลว
ไฟศักด์ิสิทธ์ิกันอย่างรวดเร็ว
“คนพวกนี้นั้นหยิ่งผยองมากเกินไป พวกเขากล้าบุกเข้าไปที่สำนักวัง
เปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิจากประตูทางเข้าโดยตรงอย่างนั้นเลยหรือ?” โม่
ชิงหลงขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นมา
“ฮั่วหยู แห่งสำนักวังเปลวไฟ และเซิ่งหัว โผล่หัวกันออกมาซะเดี๋ยวนี้!
พวกแกนั้นบังอาจกล้าขโมยสมบัติจากสำนักเทพอัคคีของพวกเรามา
ในวันนี้พวกข้าจะสังหารและทำลายสำนักวังเปลวไฟของพวกเจ้าให้
พินาศ!”
เสียงตะโกนดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งภูเขาหินเพลิง
“สำนักวังเปลวไฟอันไร้ค่า บังอาจกล้าขโมยสมบัติของสำนักเทพ
อัคคีของพวกเรา และยังกล้าเลื่อนระดับชั้นกลายเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิ
อีกอย่างนั้นหรือ? ในวันนี้พวกเราจะกวาดล้างและสังหารทุกคนที่อยู่
ในสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิของพวกเจ้าเสียให้สิ้น!”
หลังจากที่เสียงตะโกนอันดังก้องสะท้านไปทั่วทั้งภูเขาหินเพลิง กลุ่ม
คนทั้งสิบ จากสำนักเทพอัคคีก็ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาจาก
ร่างกายของพวกเขาอย่างรุนแรง
ออร่าที่มีลักษณะคล้ายกับเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากทางด้านหลัง
ของพวกเขาทั้งสิบคน
และในตอนนี้พวกเขาทั้งสิบคนได้ปิดผนึกประตูทางเข้าของสำนัก
วังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิได้อย่างสมบูรณ์
และดูเหมือนว่าพวกเขานั้นไม่ได้กังวลและเกรงกลัวกับจำนวน
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณที่อยู่ในสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ
เลยแม้แต่น้อย
หากพวกเขานั้นกลัว พวกเขาก็คงจะไม่มา!
ในตอนนี้ออร่าและแรงกดดันทรงพลังก็แผ่ขยายปกคลุมไปทั่วทั้ง
สำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิแล้ว!
………
จบบท
EndNote: [1] เหิงหวัง(บุตรแห่งเทพ) เป็นชื่อเรียกสาวกที่มีตำแหน่ง
สูงสุดของทางฝั่งยุโรป ซึ่งก็คือตำแหน่งเดียวกันกับโอรสสวรรค์
และธิดาสวรรค์ ของทางประเทศจีน
Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 254
ตอนที่ 254
Posted by ? Views, Released on กันยายน 17, 2022
, Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ
Status: Ongoing
แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์